5 มิถุนายน 2553 14:25 น.
สมภพ แจ่มจันทร์
ต้นกล้าเขียวขจีเมื่อมีน้ำ
จะชูรวงพลิ้วงามเมื่อฉ่ำฝน
ที่เติบใหญ่ขึ้นมาเพราะมือคน
จึงให้ผลผลิตชนิดงาม
หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินกลิ่นสาบควาย
หยัดร่างกายเพื่อนชนในสยาม
เพื่อให้มีข้าวกินในทุกยาม
สู้กับความจนยากลำบากนาน
กว่าจะกรำแดดฝนคนปลูกข้าว
มือจับเคียวอันเก่าและคันไถ
ต้องลงแรงลงมือและร่วมใจ
เพื่อความหวังที่คาดไว้ ข้าวในนา
ถึงจะได้เม็ดข้าวที่ขาวผ่อง
ให้พี่น้องลิ้มรสเลิศอาหาร
ซึ่งหล่อเลี้ยงพี่น้องมาช้านาน
เพื่อสืบสานตำนานเม็ดข้าวไทย
เพราะนี่คือกระดูกสันหลังของแผ่นดิน
น่าเชิดชูทั้งสิ้นทุกเขตขันธ์
วันหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านไปแต่ละวัน
แต่พวกเขาเหล่านั้นยังคงเดิม
5 มิถุนายน 2553 13:58 น.
สมภพ แจ่มจันทร์
ทะเลซัดครืน ครืน คลื่นลม
โหมกระหน่ำถั่งโถมลมบ้า
น้ำสีครึ้ม เมฆสีหม่น คอยบังตา
ดั่งน้ำและฟ้าจะทะลุทะลวง
ละอองน้ำสาดกระเซ็นเห็นเป็นฟอง
ดุจใยยองปุยเมฆยามฟ้าสาง
ยิ่งเพ่งพิศยิ่งสาดซัดพื้นทรายงาม
ไม่เหลือความอ่อนโยนของทะเล
สายลมบางเบาหายไปสิ้น
รอบข้างเหมือนจะกินกลืนไปทั่ว
ดุจเสียงร้องก้องคำรามดูน่ากลัง
อยู่ในความมืดมัวของรัตติกาล
แม้จันทร์เจ้าจะทอแสงเปล่งลงมา
จากฟากฟ้ากระทบลงบนผิวน้ำ
แม้จะช่วยแต่งแต้มให้งดงาม
มิบรรเทาความบ้าของราตรี
29/4/99
หาดแสงจันทร์ ระยอง
5 มิถุนายน 2553 13:54 น.
สมภพ แจ่มจันทร์
รำพันเพ้อ ถึงเธอที่จากไกล
อยู่หนไหนกันหนอ ดวงใจฉัน
ห่างวันนี้คือจากลากันและกัน
เธอกับฉันนั้นก้าวเดินขนานทาง
วันเวลาผ่านพ้นไปทุกวันคืน
มิอาจลืมเลือนภาพในหนหลัง
คิดวกวนเวียนไปไร้หนทาง
ที่จะวางฉันและเธอให้คู่เคียง
จากคนใกล้ดูเหมือนไกลยามใกล้ชิด
เคยสนิทเสน่หามาห่างเหิน
ในแววตาบ่งบอกว่าไกลเหลือเกิน
ไม่มีเธอร่วมเดินในความจริง
ยิ่งค้นหาคำตอบของคำถาม
ยิ่งติดตามค้นหายิ่งเงียบเหงา
ความเงียบงันทุกคำถ้อยระหว่างเรา
ยากจะเดาจิตใจที่แปรปรวน