2 มกราคม 2549 22:00 น.
สบัดปลาย
*. ใต้เงาจันทร์กับสวรรค์ในคืนหนึ่ง
เป็นภาพตรึงติดตาอุราหวาม
ภาพเราสองเคล้าเคียงคู่ดูงดงาม
เป็นนิยามของความรักอันร้อนแรง
*. แสงจันทร์เรื่อเรืองรองสาดส่องผิว
ลมพัดพลิ้วปลิวปลายพราวพรายแสง
ไซร้ซอกซอนซ้ำซัดกำหนัดแรง
ลำคอแห้งโหยกระหายใจรวยริน
*. ประทุมถันสั่นสะท้านก้านไสว
โลมลูบไล้ล้อลับสลับลิ้น
ระริกสั่นสะท้านกายกระจายกลิ่น
หอมรวยรินกลิ่นถันนางวางไม่ลง
*. อาภรณ์พรรณกระสันล้นจนหลุดลุ่ย
ตวัดลิ้นละเลงลุยจนร่านหลง
ละเลงรักจนล้นเลอะเปรอะดอนดง
พระพายพัดแผ่นผงเป็นทางทิว
*. ชิววหาซอนช้อนหาสุธารส
จี้จ่อจดจี้ตรงจุดสุดไหวหวิว
บรรจงจูบลูบไล้ใจจวนปลิว
กระพือพลิ้วนิ้วไขว่ไซร้ซอกซอน
*. เนื้อนวลน้องนวลเหลือเนื้อนวลน้อง
นั่งจ้องมองน้องนอนแนบแอบอิงขอน
น้องนอนนิ่งพี่นอนแนบแอบน้องนอน
หายใจอ่อนนอนหลับตาพาเชิญชวน
*. ตวัดร่างแล้วพร่างพรมประโลมกอด
บรรจงสอดซัดซ่านผ่านโขดเขิน
ระริกกร่างล่วงล้ำระหว่างเนิน
ระหกเหินโหยหวนจวนขาดใจ
*. ม่านไทรย้อยห้อระย้าดังฝากั้น
เป็นเชิงชั้นอ่อนพลิ้วปลิวไสว
แหวกม่านหม่นดื่มด่ำกระหน่ำไป
ดังหัวใจจะลอยหลุดหยุดเต้นเตือน
*. รีบบรรเลงเร่งกระชั้นประชิดช่อง
ระร่ำร้องระริกลั่นกระชั้นเฉือน
กระตุกต่อตามติดบิดร่างเบือน
บรรเลงเลื่อนลากลงตรงหว่างกลาง
*. เนื้อแนบเนื้อเหลือจะกลั้นความหวั่นไหว
ใจแนบใจกายกอดติดประชิดร่าง
กระตุกซ้อนซ้ำรอยเดิมเคลิ้มร้องคราง
ผวาร่างกอดรัดแน่นนิ่งแนบนาน
*. กระฉอกฉานน้ำกระฉอกระรอกไหล
ละเลงเลอะเปรอะไปทั่วทั้งฐาน
กระเถิบถอนร่างถอยไม่ทนทาน
ร่างประสานคลายคลาผวาคราง
*. ใต้เงาจันทร์กับสวรรค์ในคืนหนึ่ง
ยังซาบซึ้งสุขสมจนใกล้สาง
รสสวาทยังจำได้ไม่จืดจาง
สวรรค์ค้างตื่นลืมตา ว้า ฝันไป
7 ธันวาคม 2548 22:00 น.
สบัดปลาย
*..มาร่วมร้อยเรียงรักใส่ขวดโหล
แล้วผูกโบว์สีทองเป็นของขวัญ
มอบหัวใจมอบความรักและผูกพัน
ส่งให้เธอคนนั้นที่แสนไกล
*.. กระเรียนน้อยสีขาว ดาวกระดาษ
คือความหวังที่วาดจะมอบให้
เป็นของขวัญแทนค่าของหัวใจ
จะมอบไว้ต่างคำมั่นและสัญญา
*.. ในขวดโหลที่โบว์สวยมอบด้วยรัก
มิเหนื่อยหนักจะพักนอนหรืออ่อนล้า
มีเรี่ยวแรงเปี่ยมด้วยรักมิโรยลา
เป็นศรัทธาทุ่มเทรักร่วมพลัง
*.. นกกระเรียนนั่งเพียรพับได้อักโข
ใส่ขวดโหลใบใหญ่ในใจหวัง
พับทุกวันทำทุกวันด้วยพลัง
มิหยุดยั้งรักที่มีทุกวี่วัน
*.. นกกระดาษตัวน้อยค่อย ค่อยพับ
ไม่เคยนับจำนวนที่วาดฝัน
รู้อย่างเดียวนกทุกตัวที่พับมัน
มีหัวใจของฉันนั้นเติมไป
*..ถ้าเธอรับ..โปรดรู้ว่ามี..รัก
มอบใจภักดิ์พร้อมซ่อนความอ่อนไหว
ให้นกน้อยเป็นสื่อประสานใจ
เชื่อมสัมพันธ์ที่สดใสของใจ...เรา (2คน)
*..นกกระเรียนที่พับได้มากมายแล้ว
ปิดโหลแก้วเตรียมส่งไปให้เจ้าของ
นกตัวน้อยหลายร้อยตัวที่เฝ้ามอง
มีใจของคนพับนกหมกอยู่ใน
*..ถ้ารับนกกระเรียนน้อยค่อยค่อยพลิก
ระวังปากนกจะจิก(หัว)ใจรู้ไหม
อย่าให้เกิดเป็นแผลที่หัวใจ
รักรู้ไหมจึงมอบใจใส่ลงมา
*..จะหยุดพับนกน้อยไว้ใจยังซึ้ง
เหลืออีกหนึ่งคือดาวน้อยที่คอยหา
ถึงจะอยู่ไกลเกินใจใฝ่คว้ามา
(แต่เพื่อเธอ) แม้สุดหล้าก็จะหา...มาให้เธอ
*..ดาวกระดาษดวงน้อยที่คอยฝัน
เริ่มพับมันอย่างถนอมมิยอมเผลอ
เป็นพลังที่ตั้งใจทำมอบให้เธอ
รักเสมอมอบรักมั่นนิรันดร
*..ดาวกระดาษที่มุ่งมั่นด้วยมานะ
เพียงเพื่อจะมอบให้ไว้ข้างหมอน
เป็นเพื่อนเคียงติดตามแม้ยามนอน
เฝ้าออดอ้อนกล่อมขวัญทุกวันคืน
*..ดาวดวงน้อยที่พับแล้วในขวดโหล
เหมือนห่วงโซ่ร้อยรักถักเป็นผืน
เต็มท้องฟ้าส่งแสงใสในค่ำคืน
ทั้งแผ่นผืนมีแต่รักของสองเรา
*..ขวดโหลแก้วผูกโบสวยด้วยสีใส
เตรียมส่งไปอีกหนกับคนเก่า
อยากบอกว่ายังมีรักมิบางเบา
เป็นรักเก่าที่ยังมั่นนิรันดร
*..ขอเพียงเธอจงมั่นคงและคงมั่น
ความผูกพันครั้งเก่าอย่าเปลี่ยนถอน
ให้จิตใจคงมั่นไม่สั่นคลอน
นิรันดรรักมั่นคงตลอดไป
26 พฤศจิกายน 2548 10:15 น.
สบัดปลาย
** ลูกชาวนามีชีวิตและสิทธิ์เท่า
กับใครใครทุกหมู่เหล่าทุกแห่งหน
มีชีวิต มีจิตใจและความจน
มีหลายคนมักมองข้ามความเป็นคน
** ผิดไหมหนอที่เกิดมามันอาภัพ
มาตกอับกับชีวิตที่สับสน
ลมหายใจที่เหนื่อยล้าและวกวน
ค่าของคนอยู่ที่ไหนใครบอกที
** คนปลูกข้าวคือชาวนาผู้กล้าแกร่ง
ทุ่มเทแรงในแปลงนาไม่เคยหนี
ประคบเคียงเลี้ยงต้นกล้ามานานปี
เพื่อให้ได้ข้าวดีเลี้ยงผู้คน
** ต้องกรำแดดที่แผดกล้ามาหลายยุค
เท้าเดินบุกลุยไปไม่ย่อย่น
ขุดคราดไถผืนนาด้วยอดทน
ไม่เคยบ่นหรือระบายให้ใครฟัง
** ตื่นแต่เช้ากับฝูงควายคันไถแบก
ทั้งคราดแอกแบกไปด้วยใจหวัง
พลิกผืนดินที่อุดมด้วยพลัง
เพื่อต้นข้าวจะได้หยั่งรากลงดิน
** เฝ้าฟูมฟักรักษ์ระวังตั้งแต่ต้น
ด้วยแรงตนที่มีพร้อมหนี้สิน
บทสรุปสุดท้ายที่ได้ยิน
ชาวนาสิ้นผืนแผ่นดินที่ทำนา
** มีใครบ้างจะเข้าใจในชีวิต
ชี้ถูกผิดช่วยแนะนำคำปรึกษา
ให้มวลหมู่ชีวิตชนชาวนา
ได้ลืมตาและมีหน้าเท่าเทียมกัน
** เปรียบเป็นเช่นกระดูกที่ผุกร่อน
ล้มลงนอนไร้เรี่ยวแรงจะแข่งขัน
ลมหายใจที่ยังเหลือเพื่อใครกัน
อยู่เพียงเพื่อรอวันจะสิ้นลม
** ร่างที่ล้มไร้ลมสละร่าง
วิถีทางดับทุกข์ที่ถาถม
สิ่งตอบแทนให้ชาวนาที่โง่งม
ถูกเหยียบจมผืนถิ่นแผ่นดินตัว
30 กันยายน 2548 23:00 น.
สบัดปลาย
คืนนี้นอนหนาวร้าวจิต
เก็บกั้นความคิดผิดหวัง
ปิดรอยแผลเลอะเกรอะกรัง
ความหวังมอดลับดับลง
ใจเอยเคยสุขสดใส
ใจเคยมีใจลุ่มหลง
ใจเลยมีรักมั่นคง
ใจเลยซื่อตรงติดตรึง
รักมั่นมั่นรักจมลึก
ไม่นึกเพียงได้คิดถึง
ใจจดจ่อจิตคะนึง
เป็นหนึ่งในใจไวเกิน
เพราะรักใจรักจมรัก
จึงปักใจรักไม่เขิน
ต้องเจ็บใจร้าวเหลือเกิน
เผชิญชอกช้ำคำลา
วันนี้พรุ่งนี้วันไหน
ไม่มีแล้วใจโหยหา
ไม่มีความหวังตั้งตา
ไม่เหลือคุณค่าให้ใคร
วันนี้พรุ่งนี้วันหน้า
ใจที่เคยชาอ่อนไหว
บทเรียนบทนี้ที่ได้
ทำให้ใจแกร่ง...เกินกลัว
สุดท้าย ตรงนี้ ที่เห็น
ขอเป็น ผู้แพ้ หลุดขั้ว
รักแท้ หมดใจ หมดตัว
ใจรั่ว เหลวแหลก แตก....ละลาย
30 กันยายน 2548 22:09 น.
สบัดปลาย
ระลึกถึงเธอเสมอ นะ..จะ..บอก..ให้
ระ..รอกน้ำซัดซ่านกระเซ็นสาย
ระ..ริกพรายน้ำใสไหลฉาดฉาน
ระ..รอกไล่ริมตลิ่งวิ่งระราน
ระ..ลึกรักซัดซ่านอยู่เต็มทรวง
ลึก..ล้ำลึกนึกรักในทรวงลึก
ลึก..สุดลึกนึกถึงใจใครเคยหวง
ลึก..ถลำถลาล้มตกหลุมลวง
ลึก..ล้ำร่วงลวงรักไม่เหลือ..ลา
ถึง..จะทุกข์ทับถมระทมทุกข์
ถึง..ยามดึกนึกท้อโถมถลา
ถึง..จะถ้อทอดถอนอ่อนอุรา
ถึง..พลาดท่าแพ้พ่ายใจแทบพัง
เธอ..เป็นดาวดวงเดียวที่โดเด่น
เธอ..จึงเป็นความรักและความหวัง
เธอ..เปรียบเป็นศูนย์รวมของพลัง
เธอ..จึงเป็นความหวังที่รอคอย
เสมอ..มั่นมั่นเสมอรักเธอเหลือ
เสมอ..เจือใจรักแน่ไม่ท้อถอย
เสมอ..มาใจหวังนั่งใจลอย
เสมอ..คอยนั่งเหงาสุดเศร้าทรวง
นะ....ที่รักคนดี..ที่เคยรัก
จะ.. ..นานนักนานเนิ่นเกินจะหวง
บอก..ไม่ถูกกับหัวใจที่โดนลวง
ให้.....แสนห่วง...ใจตัว...กลัวช้ำตาย