20 ตุลาคม 2549 15:11 น.
สนสามใบ
๐๐๐รู้อะไรให้ขยันหมั่นบันทึก
ดีกว่ามานั่งนึกจนปวดหัว
มานั่งคิดทบทวนยามจวนตัว
จนตามัวถึงได้ไม่ทันการณ์
๐๐๐เยาวชนคนรุ่นหลังหวังเรียนรู้
แค่เปิดดูศึกษาได้ไม่ช้านาน
มีตำราคนรุ่นก่อนสอนเป็นทาน
เหมือนมีท่านเป็นอาจารย์นานนมปี
๐๐๐ไม่ต้องมาเสียเวลาศึกษาใหม่
ไม่ต้องไปทดลองอีกหลายที
เสียเวลาแล้วเสียทรัพย์นับไม่ดี
ประเทศนี้จะพัฒนาช้ากว่าเดิม...ฯ
18 ตุลาคม 2549 23:03 น.
สนสามใบ
๐๐๐เดือนตุลาสี่เก้าเศร้ายิ่งนัก
น้ำทะลักไหลบ่าท่วมนาสวน
เอ่อเข้าเมืองล้นหลั่นจนปั่นป่วน
โศกกำสรวลทั่วหน้าประชาไทย
๐๐๐พายุโหมกระหน่ำซ้ำเติมอีก
ไม่อาจหลีกน้ำบ่าพาเสียหาย
ทั้งสัตว์เลี้ยงรถลาพากระจาย
ต้องวอดวายหมดตัวทั่วหน้ากัน
๐๐๐แต่ยังดีมีทหารท่านผู้กล้า
ที่พึ่งพายามตกยากช่วยฝากฝัน
ใช้แรงกายขนทรายก่อขวางกั้น
ไม่ให้น้ำถลันท่วมบ้านเรือน
๐๐๐นายกใหม่ก็ไม่ทิ้งหรือวิ่งหนี
ต่างกุลีช่วยเหลือไม่บิดเบือน
ต่างร่วมแรงร่วมใจไม่แชเชือน
เสมอเหมือนเป็นญาติไม่ขาดกัน
๐๐๐อีกองค์พระมหากษัตริย์ขัตติยา
พระราชทานของมาช่วยแบ่งปัน
บรรเทาทุกข์ชาวประชาที่โศกศัลย์
ให้คืนทันทำกินก่อนสิ้นแรง
๐๐๐สนสามใบ๐๐๐
3 ตุลาคม 2549 15:53 น.
สนสามใบ
๐๐๐จะร้องไห้น้ำตาไหลเป็นสายเลือด
จนแห้งเหือดหมดตามาจนเกลี้ยง
จะร่ำร้องออกมาจนหมดเสียง
หมดสำเนียงก็ไม่มีดีขึ้นมา
๐๐๐เก็บน้ำตาหาทางวางแผนแก้
อย่าท้อแท้แก้ไขใช้ปัญญา
เผชิญหน้าอย่าโกยหรือโรยลา
แล้วปัญหาก็จะหมดลดลงเอง
๐๐๐สนสามใบ๐๐๐
22 กันยายน 2549 12:44 น.
สนสามใบ
๐๐๐เดินกลางป่าฟ้าแจ่มแต้มสีขาว
เป็นทางยาวของเมฆหลายเฉกสี
ตัดกอหญ้าหนาเขียวที่เรียวรี
เขียวขจีเป็นทุ่งกว้างกลางป่าดอน
๐๐๐จากถิ่นฐานที่วุ่นวายหลายหลายอย่าง
มาเยื้องย่างร่างกายได้แรมรอน
ถึงจะเหนื่อยเมื่อยล้าฝ่าสิงขร
เต็มใจจรเพราะลุ่มหลงป่าดงไพร
16 กันยายน 2549 09:58 น.
สนสามใบ
๐๐๐ ปัจจุบันฉันอายุลุสี่สิบ
ผ่านคนดิบหลายพรรษามาก็โข
อยู่คนเดียวเปลี่ยวใจให้เซโซ
ใจดวงโตเป็นอย่างไรใครไม่มอง
๐๐๐ จะใช้ไสยาศาสตร์ก็คลาดแคล้ว
ยังกินแห้วไม่มีคู่อยู่เป็นสอง
อันความสุขที่อยู่เป็นคู่ครอง
ไม่เคยลองว่ามันสุขหรือทุกข์ใจ
๐๐๐ เลยลองเสี่ยงเซียมซีมีหลายครั้ง
เพื่อมุ่งหวังหาคู่อยู่หรือไม่
หวังตรวจดูให้รู้เห็นเป็นเช่นไร
อยู่ใกล้ไกลถึงไม่มาหาสักที
๐๐๐ผลการเสี่ยงทีไรได้แต่ห้า
ตามตำราว่าไว้ฟังให้ดี
คู่ชีวิตของเจ้านั้นมันไม่มี
คู่ชีวีไว้ชาติหน้าจึงหาเจอ
๐๐๐สนสามใบ๐๐๐