20 เมษายน 2549 21:20 น.
สติแตก
แม้นว่าเธอหม่นหมองต้องราคะ
ถูกใครผละหนีไปใจปวดร้าว
โศกสะอื้นโศกาน้ำตาพราว
นอนเหน็บหนาวกลืนกล้ำเพียงลำพัง
อยากขอให้ระลึกนึกถึงฉัน
ในคืนวันรันทดหมดสิ้นหวัง
ทั้งร่างกายหัวใจไร้กำลัง
น้ำตาหลั่งจะรอรับซับน้ำตา
ถึงไม่ได้ดีเด่นดังเช่นเขา
มิเทียบเท่าที่เธอละเมอหา
เป็นแค่ชายจนจนคนธรรมดา
อาจดูบ้าสติแตกอย่าแปลกใจ
เหมือนกับหมานั่งเฝ้ารอเจ้าของ
คอยเหม่อมองแลหาจะมาไหม
จะรออยู่แม้ผ่านนานเท่าใด
รอด้วยใจด้วยรักด้วยภักดิ์ดี
อย่าได้อายว่าตัวนั้นมัวหม่น
เพราะเหตุผลความรักใช่ศักดิ์ศรี
แม้ใครว่าเธอเป็นโสเภณี
หัวใจนี้จะถนอมพร้อมรักเธอ
1 เมษายน 2549 09:12 น.
สติแตก
กรุงรัตนโกสินทร์...............จักสูญสิ้นลงแล้วหรือ
ขาดซึ่งยอดฝีมือ..................มากู้ชื่อประเทศไทย
โจรชั่วคิดก่อการ................หวังเผาบ้านเมืองบรรลัย
โหมแพลิงเพิ่มเชื้อไฟ.........คงมอดไหม้ทั้งแผ่นดิน
จัดตั้งเดินขบวน..................แล้วชี้ชวนไล่ทักษิน
สนธิแสร้งเล่นลิ้น................จำลองหมิ่นชาวประชา
กลิ้งกลอกหวังฟอกตัว..........สนธิชั่วสร้างปัญหา
ปีศาจคาบตำรา...................ประกาศกล้าข้าจำลอง
เมื่อสิบห้าปีก่อน...................หากนึกย้อนอย่างไตร่ตรอง
ท่าทีหยิ่งผยอง......................นึกลำพองว่าเก่งกาจ
พาคนเดินไปตาย..........กี่ล้มหายตายเกลื่อนกลาด
ยังบอกว่ากู้ชาติ..............น่าอนาถนี่กระไร
เรียกตัวว่านักธรรม..............แต่ระยำที่ทำไป
สนธิคนจัญไร.......................ร่วมสุมไฟให้แผ่นดิน