1 กุมภาพันธ์ 2553 22:23 น.
สติแตก
เห็นคนเขานิยามหาความหมาย
ทั้งหญิงชายต่างเพ้อละเมอฝัน
ถึงนิยามความรักความผูกพันธ์
เดือนแห่งวันปรารถนาวาเลนไทน์
คนเขาว่าฉันโง่เง่าเหมือนเต่าตุ่น
เรื่องว้าวุ่นมิงงมิสงสัย
เรื่องความรักยากเย็นเข็นมิไป
เป็นเรื่องใหญ่คิ้วขมวดปวดกะบาล
อยากจะเขียนนิยามความรู้สึก
จากจิตไร้สำนึกผนึกพื้นฐาน
ลืมตัวตนไว้ก่อนซ่อนสันดาน
สนุกสนานบอกความบ้ามาให้ฟัง
โลกทั้งโลกมีพวกบ้าเกินห้าร้อย
พบได้บ่อยบ้าหวยรวยความหวัง
บ้าอาวุธบ้าสุราบ้าพลัง
บ้าทำนั่งหน้าลำเค็ญเล่นละคร
บ้าอวดรู้บ้าฉลาดบ้าปราญ์ชเปรื่อง
บ้าฝันเฟื่องบ้าว่ากูเป็นครูสอน
บ้าชื่อเสียงบ้าคำพจน์บ้าบทกลอน
บ้าออดอ้อนบ้าเจ้าชู้บ้าผู้ชาย
บ้าแกล้งเฟี้ยนกรายกรีดสะดีดสะดิ้ง
บ้าผู้หญิงนอนไม่หลับกระสับกระส่าย
พวกบ้ากามสับสนกระวนกระวาย
บ้าน้ำลายบ้าพระเอกเอนกอนันต์
แต่ความจริงพวกไม่บ้าบ้ายิ่งกว่า
บ้าศักดินาชอบผิดแผกแยกสีสัน
บ้าตัดสินดี - ชั่วมั่วเอามันส์
พวกบ้าหั่นเฉือนเชือดเอาเลือดไทย
บ้าเอาดีใส่ตัว - ชั่วคนอื่น
บ้าหยัดยืนบ้าตะแบงแกล้งเฉไฉ
บ้าว่าเป็นเทวดาเหนือกว่าใคร
บ้าอำนาจยิ่งใหญ่ยากใครเทียม
บ้าบางบ้าดูบ้าดูน่าหัวร่อ
บ้าด่าทอด่าว่าคนหน้าเหลี่ยม
บ้าหล่อเล็กหล่อใหญ่บ้าไม่เจียม
บ้าถูกเสี้ยมนึกว่าชฎาบ้าก็ยอม
บ้าจนโง่โง่จนบ้าว่ากูเก่ง
บ้าไปเองบ้ายินดีว่าขี้หอม
บ้าลาภยศไม่มีประนีประนอม
บ้าเกินกล่อมกูอยากตายให้หาย..บ้าาาาาา
19 ตุลาคม 2552 18:32 น.
สติแตก
ตื่นเถิดสาวหนุ่มผู้...................ชื่นบาน
ตื่นจากฝันสนุกสนาน..............สักครั้ง
แล้วปลุกอุดมการณ์.................ในจิต
ครุ่นคิดอย่าหยุดยั้ง..................ลุกขึ้นหยัดยืน
หากอยู่อย่างพร่ำเพ้อ................ละเมอฝัน
หวังเสพเพียงสุขสันต์...............คลั่งไคล้
ลืมว่าปัจจุบัน............................ยืนอยู่
บนแผ่นดินลุกไหม้...................เพราะด้วยคนทราม
ตื่นเถิดผองเพื่อนผู้...................ใหลหลง
มาร่วมสร้างเจตน์จำนงค์...........ต่อต้าน
ด้วยดวงจิตมั่นคง......................ยึดเหนี่ยว
กอดเกี่ยวมิสะท้าน....................ต่อสู้อยุติธรรม
หรือหลับใหลอย่างผู้...................สิ้นหวัง
ผวาหวาดในภวังค์.....................อย่างนี้
ให้ทรราชอยู่ยัง.........................คงอยู่
หดหู่ถูกเสี้ยมชี้..........................ดุจคล้ายวัวควาย
มาร่วมกันกอบกู้.........................แผ่นดิน
กำจัดพวกกังฉิน..........................ชั่วร้าย
ช่วยกันลบมลทิน.........................ถิ่นกำเนิด
ตะเพิดสู่แดนสุดท้าย...................สู้ห้วงโลกันต์
3 มกราคม 2551 13:57 น.
สติแตก
เพื่อนจงอย่ากังวนอดทนหน่อย
น้ำตาปรอยเศร้าสลดแสนอดสู
ความท้อแท้ที่ตาสองได้มองดู
ในปีหมูอีกไม่นานก็ผ่านไป
ต้องอาดูรทุกข์เทวษกับเศรษฐกิจ
จนชีวิตกระเสือกกระสนเกินทนไหว
ก็เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้าประชาไทย
ทนยากไร้ลำบากเพราะยากจน
เราอดทนทุกข์ยากมามากแล้ว
คงมีแววมีหวังสักครั้งหน
คงหมดสิ้นอนาคตที่มืดมน
จะก้าวพ้นทุกข์ทวีในปีกุน
คงไม่ต้องหน้านิ่วคิ้วขมวด
ขึ้นปีชวดไม่ต้องกลัวเรื่องหัวหมุน
ที่ยากเย็นเข็ญใจไม่มีทุน
คงเกื้อหนุนถูกโฉลกด้วยโชคชะตา
ขออัญเชิญคุณพระสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ให้มวลมิตรสุขสันต์สุขหรรษา
จงแคล้วคลาดปลอดภัยไร้โรคา
ตลอดเวลาโชคดีปีใหม่เทอญ
13 ธันวาคม 2550 23:30 น.
สติแตก
๏..ความทุกข์ทวีโศก..............ดุจโลกจะสูญสิ้น
ความฝัน ฤ พังภินท์.........ขณะจินต์ก็เลือนลาง
๏..เดียวดายมลายสูญ.............ทวิคูณฤดีหมาง
ยืนอยู่ ณ เส้นทาง...............กวะเลือกอเวจี
๏..จดจำและจำเจ็บ..................จิตเก็บ เทวษนี้
ทางสู่ ณ ฉิมพลี...................ปฏิเสธมิอยากไป
๏..เกลือกกลั้วสิชั่วช้า...............ดุสิตาบ่ฝันใฝ่
โลกันต์จะเริงไฟ..................หฤทัยจะได้ลืม ๚ะ๛
5 พฤศจิกายน 2550 00:12 น.
สติแตก
เห็นแสงสีเจิดจ้า...........โรจน์เริง
จังหวะเพลงบันเทิง.......โยกย้าย
ทำนองแห่งเพลงเพลิง..ลุกโชติ
โลดแเล่นก่อนสุดท้าย...หมดเชื้อเผาผลาญ
เนิ่นนานเราเจ็บเนื้อ.....เหน็บหนาว
พานพบผ่านเรื่องราว.....เจ็บช้ำ
บนทางที่ทอดยาว...........ขมขื่น
กายเก็บกอดกลืนกล้ำ.....โศกเศร้าคร่ำครวญ
โหยหวนในห้วงแห่ง.......โหยหา
เพียงเพราะโชคชะตา......ขีดเส้น
น้อมนำปรารถนา............มาสู่
ไออุ่นที่ว่างเว้น................โอบเอื้ออุ่นไอ
ไฟปะทุลุกร้อน..............ร่ายรำ
สองร่วมเริงระบำ...........ยั่วเย้า
สองคนช่วยน้อมนำ........ไปสู่
บางสิ่งเคยคอยเฝ้า........ไขว่คว้าใฝ่ฝัน
เพลิงใกล้มอดดับแล้ว.....สิ้นเปลว
ขึ้นจาก ณ ห้วงเหว..........ห่มเนื้อ
สำนึกแห่งดีเลว...............คืนกลับ
ไฟดับหมดสิ้นเชื้อ...........จบแล้วเพลงเพลิง