16 พฤษภาคม 2551 23:31 น.
สขิลา
จันทร์เพียงเสี้ยวมาดับซับหม่นหมอง
เพียงครรลองส่องเดินแทบไม่เห็น
เงาสลัวนำทางยังซ่อนเร้น
จันทร์เคยเด่นมาดับลับนภา
นภางามยามไหนลืมสิ้นแล้ว
ดั่งดวงแก้วหม่นหมองไม่รักษา
ต้องพ่ายแพ้แก่รักทำอปรา
สิ้นสิเหน่หาลาจากพรากอกไกล
แสงรุ่งสางร้างเลยเหมือนเคยเห็น
ก่อนเคยเป็นแสงโอบคลายหวั่นไหว
มาบัดนี้ลี้เร้นมิเป็นใจ
เหลือเพียงไฟอารมณ์คอยข่มเงา
สิ้นสนิทชิดเชยเย้ยแสงสี
ดั่งรวีหนีหายลับเหลี่ยมเขา
เคยโอบเอื้อเกื้อรักภักดิ์นานเนา
มาสูญเปล่าไร้ค่านิจจาเอย
ยามรักสิ้นแสงสุญไร้สิ่งหมาย
เทียนละลายปลายแสงไร้แรงเอ๋ย
เพียงสายลมพรมผ่านกาลลับเลย
หมดคำเปรยเอ่ยฝากแค่จากลา
24 เมษายน 2551 07:43 น.
สขิลา
ศศิธรรอนแสงนวลเพียงครึ่งเสี้ยว
ใจที่เปลี่ยวเลี้ยวคิดพิศวง
แม้แค่ครึ่งทอดหล้าอย่างบรรจง
ทรนงคงงามจันทรกลา
ค่อยค่อยเสริมเติมแต่งส่วนแหว่งหาย
ที่สลายด้วยเล่ห์เสน่หา
ให้เสมือนเดือนเสี้ยวเกี่ยวนภา
ยังนวลตาคราแสงโสมโลมอาบไล้
ทอดเท้าย่ำพร่ำหลงมนต์มายา
ปรารถนาคว้าถึงแสงสดใส
กลับกลายเป็นเช่นเงาคอยแก่วงไกว
ทั้งสองมือยื้อไว้ได้เพียงเงา
ใจเอ๋ยใจ..ใคร่ครวญหยุดหวนหา
แม้จักล้า..กล้ารับอย่าขลาดเขลา
ใจเอ๋ยใจ..สักวันหวั่นบรรเทา
จะเสลาเกลาผ่านกาลเวลา
ก้าวเท้าเดินเชิดหน้าพาหนักแน่น
ลบรอยแค้นเร้นฝากฟากเวหา
ลบรอยคำย้ำซ้ำช้ำวาจา
ใจผ่อนล้า..กล้าพร้อมยอมเผชิญ
16 เมษายน 2551 10:02 น.
สขิลา
สลักถ้อยร้อยอักษรเปิดบันทึก
ค่อยจารึกรอยร้าวเศร้าโศกศัลย์
เจ็บเท่าไหร่ใส่อารมณ์ที่โรมรัน
แล้วค่อยดั้นผันให้ผ่านกาลนี้ไป
ลากเส้นสายลายรันทดสะกดกลั้น
รอยจำนรรจ์สรรอ้างสร้างหวั่นไหว
เขียนอดีตขีดเส้นเค้นหมดใจ
แล้วเก็บไว้ในลิ้นชักความทรงจำ
กราดตามองอนาคตลดทิฐิ
ตั้งสติตริตรองอย่าถลำ
หากคิดพลาดอาจเป็นคนใจดำ
จักสร้างกรรมทำผิดบุพการี
หลากความฝันปั้นแต่งแต้มให้สวย
หากคิดม้วยด้วยรักไร้ศักดิ์ศรี
ปล่อยให้ไหลเยือกเย็นเช่นนที
เป็นรวีส่องแสงเปล่งประกาย
ส่งตนเองเป็นจันทร์อันเลอค่า
เปลี่ยนอัตตาหามรรคยังไม่สาย
เมื่อกาลผันวันปีเคลื่อนเจ็บจะวาย
หน้าสุดท้ายในบันทึกสำนึกพลัน
11 เมษายน 2551 10:42 น.
สขิลา
มะลิบานซ่านกรุ่นกลิ่นคุ้นใจ
บนน้ำใสเรียงรายกำจายทั่ว
กลีบกุหลาบแต่งแต้มแซมกลีบบัว
แล้วหยดกลั้วน้ำอบกลบน้ำตา
บรรจงแต่งขันน้อยไว้คอยพี่
สงกรานต์นี้พี่คงไม่หวนหา
หลงสาวกรุงจนลืมคนบ้านนา
ถ้อยวาจา...คราก่อนจำซ่อนขื่น
หอมน้ำอบ...สบพักตร์รักปีนั้น
คงพลิกผันฝันค้างร้างสุดฝืน
เคยกุมมือถือขันร่วมพรมคืน
มะลิดื่นชื่นนักเคยทักกลิ่น
แอบแนบนวลสองปรางคงห่างแล้ว
เหลือเพียงแก้ว...แคล้วพี่...มาลืมสิ้น
หนีกลิ่นโคลน..โลมฝาก...เพียงซากดิน
ไม่ถวิลถิ่นเก่าเราเคยเคียง
ขันใบน้อยร้อยรักจากวันวาน
ประดุจปานขานเรียกเพรียกด้วยเสียง
จากหัวใจไร้ดอกรักมาลอยเรียง
คงเหลือเพียงกลิ่นเก่ารอยอาลัย
2 เมษายน 2551 14:54 น.
สขิลา
บนผืนทรายวาดฝันวันเราสอง
เฝ้าประคองกุมมือคือสักขี
ยินน้ำคำพร่ำหวานผ่านวจี
รักคนดี..นี้นักพักตร์รัญจวน
มีแสงโสมโลมไล้บรรยากาศ
หาดสะอาดปราศม่นไร้คลื่นผวน
ดาวประดับวับวาวประกายนวล
คอยชี้ชวนสรวลเสเห่กล่อมใจ
แสนหวิววาบทาบทรวงรักหวงแหน
ดาวหมื่นแสนเป็นพยานหว่านไสว
ลมทะเลปลิวปลอบตอบสายใย
ห่มอาลัยใคร่ครวญชวนละเมอ
หากวันนี้...มีเราเขาอยู่ไหน
รอยคนไกลใจเหงาพาเราเผลอ
มิเคยเลือนเตือนหยอกหลอกให้เพ้อ
อ้อมกอดเธออยู่ที่ใครไคร่รู้จริง
ครวญน้ำคำพร่ำแจงแทนครั้งหนึ่ง
คนเคยซึ้งตรึงรักปักจิตหญิง
ความพลั้งพลาดบาดลึกมาช่วงชิง
รอยเคยอิงมาจางร้างลาแล้ว.