9 พฤษภาคม 2551 10:50 น.
ศิวโรจน์
ผมถือกำเนิดในครอบครัวผู้ดีมีอันจะกิน บ้านของผมเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพันธุ์ไม้หลากหลาย มีพื้นที่ให้พวกผมวิ่งเล่นได้อย่างเสรี
ผมตัวเล็กที่สุดในบรรดาพี่น้อง เป็นธรรมดาที่จะโดนรังแกอยู่บ่อย ๆ พวกเขามักจะคอยหาเรื่องไล่กัดผมไม่เว้นแต่ละวัน ผมไม่เข้าใจเหมือนกัน ทำไมพี่ ๆ ถึงได้รังเกียจผม
ทุกครั้งที่แม่ไม่อยู่ ผมจะโดนเล่นงานเสมอ วันนี้ก็เช่นกันผมโดนไล่ต้อนไปจนมุมที่โคนต้นมะม่วง ได้แต่ภาวนาให้แม่กลับมาเร็ว ๆ แต่ดูเหมือนคำขอของผมจะไม่เป็นผลนะ
ไง...ไอ้น้องนอกคอก...วันนี้เอ็งเสร็จแน่ พี่สามซึ่งเป็นหัวโจกตัวต้นคิดวิธีแปลก ๆ มารังแกผมร้องถามด้วยความสะใจ
อย่าทำผมเลยนะครับ...พี่ใหญ่...พี่รอง...ผมเป็นน้องของพี่นะครับ เสียงอ่อย ๆ ของผมกับเนื้อตัวที่สั่นเทาไม่ได้ช่วยให้พี่เกิดความสงสารแต่อย่างใด พวกเขาหัวเราะลั่นด้วยความสนุกสนาน
ฮ่ะๆๆๆ...น้องข้าน่ะไม่เคยมีตัวกาลกิณีอย่างแกหรอกเจ้าชิโร่ ถ้าไม่อยากเจ็บตัวแกรีบไปเอาของว่างมาให้พวกข้าเดี๋ยวนี้...ไป๊
ไม่ได้หรอก อันนี้มันเป็นส่วนของผมกับแม่นะ
แกกล้ามีปัญหาเหรอไอ้ตัวประหลาด อยากเจ็บตัวใช่มั้ย...ได้... ไม่ว่าผมจะพูดยังไงก็โดนอยู่ดีแหละครับ พวกหมาหมู่ก็ยังเป็นหมาหมู่อยู่วันยังค่ำ
แม่กลับมาบ้านพร้อมเจ้านาย ดูท่าทางเจ้านายผมจะตื่นเต้นยินดีกับอะไรบางอย่างมา ผมเห็นเธอหัวเราะอยู่ตลอดเวลา พูดคุยกับคนโน้นทีคนนี้ที ไม่เว้นแม้แต่กับผม ซึ่งปกติเธอไม่เคยสนใจผมมาก่อน
น้ำเสียงปราณีที่เจ้านายมักจะพูดกับแม่และบรรดาพี่ ๆ สองมือที่คงจะอบอุ่นน่าดูเวลาที่เธอลูบหัวเบา ๆ ผมรอวันนี้มา นับตั้งแต่วินาทีแรกที่ผมลืมตาขึ้นมาดูโลกใบนี้ก็ว่าได้
วันนี้ ผมรู้แล้วล่ะครับว่าความรู้สึกที่วิเศษสุด มันเป็นอะไรที่มหัศจรรย์อย่างที่ฝันไว้จริง ๆ
เธอดึงผมไปกอดด้วย...แม่เห็นไหม เธอเลิกเกลียดผมแล้วฮะ ไชโย...ผมรู้แล้วฮะ...ว่าความรู้สึกของอ้อมกอดนี่มันวิเศษอย่างนี้นี่เอง...
มานี่สิชิโร่ แม่เรียกผมเข้าไปใกล้ ๆ หลังจากที่เจ้านายและบรรดาเพื่อน ๆ ของเธอเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ได้ไม่นาน
แม่พาเจ้านายไปไหนมาครับ เธอถึงได้ดูมีความสุขมากมายขนาดนั้น
เราไปกองประกวดมาจ๊ะ วันนี้เป็นวันตัดสินรอบสุดท้ายและแม่ก็ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินั้นมาครองสมใจ เจ้านายเธอถึงได้มีความสุขไงล่ะจ๊ะ
เธอเลิกเกลียดผมแล้วใช่ไหมฮะ
เธอไม่ได้เกลียดลูกหรอกจ๊ะ อาจจะผิดหวังบ้างที่ลูกไม่เหมือนพวกพี่ ๆ เขา
นั่นสิฮะแม่...พวกพี่ ๆ ชอบว่าผมเป็นตัวประหลาด เป็นตัวกาลกิณี ทั้ง ๆ ที่ผมก็เป็นลูกแม่เป็นน้องพวกเขาเหมือนกัน ทำไมละฮะแม่ ทำไมไม่มีใครรักผม
ความน้อยใจที่ผมซุกเอาไว้ในอก มันทำให้ผมรู้สึกแย่ขึ้นทุกวัน ผมทนไม่ไม่อีกแล้ว
ชิโร่...ฟังแม่นะลูก...หนูเป็นลูกแม่ เป็นของขวัญล้ำค่าที่สุดที่สวรรค์ประทานมาให้แม่ ลูกต้องอดทน ไม่ว่าใครจะว่ายังไง หนูก็ยังเป็นลูกรักของแม่เสมอ...จำเอาไว้นะ...ชิโร่
ทำไมละครับแม่ ทำไมผมต้องเป็นฝ่ายอดทน พวกเขาต่างหากที่ควรเป็นฝ่ายขอโทษผม พวกเขาชอบรังแกผม...เวลาแม่ไม่อยู่ ผมโดนอะไรบ้างแม่รู้มั้ย กะอีแค่สีขนกับสีจมูกไม่เหมือนกันเนี่ย ผมผิดมากมายขนาดนั้นเลยเหรอครับ...
...สำหรับตระกูลโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ของเราน่ะลูก ต้องมีจมูกสีดำหรือสีน้ำตาล สีขนต้องเหลืองทอง หรือสีน้ำตาลอมเหลือง ไม่ก็น้ำตาลไหม้ มันถึงจะถูกต้องตรงตามตำรา แต่เพราะขนของเจ้าเป็นสีขาวนวลจันทร์ไม่เหมือนใครในตระกูล แถมจมูกก็เป็นสีชมพู ถือเป็นข้อบกพร่องร้ายแรงของสายพันธุ์เรา แต่ถึงลูกจะเป็นยังไง ลูกก็ไม่สามารถปฏิเสธสายเลือดโกลเด้นที่ไหลเวียนอยู่ในตัวลูกได้...จำเอาไว้นะชิโร่...
ถ้อยคำปลอบประโลมของแม่เหมือนน้ำเย็น ๆ ที่ราดรดไฟในใจผม ในเมื่อผมก็เป็นหนึ่งในตระกูล ถึงจะเป็นตัวประหลาดสำหรับพวกเขาแต่สายเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายผมก็เป็นโกลเด้นร้อยเปอร์เซ็นต์ สิ่งที่พวกเขาทำได้ ผมก็ต้องทำได้เหมือนกัน...
การปะทะกันระหว่างผมกับพี่ ๆ ยังมีเป็นระยะ ๆ แต่พักหลังมานี่ พวกเขาเป็นฝ่ายวิ่งบ้างล่ะ ผมพยายามฝึกซ้อมออกกำลังกาย เลือกกินแต่อาหารที่มีประโยชน์ จนตัวผมเริ่มโต
สี่เดือนผ่านไป สำหรับบางคนอาจจะบอกว่ามันช่างรวดเร็ว แต่สำหรับผมที่ต้องอยู่ท่ามกลางความกดดัน คอยระวังตัวทุกฝีก้าวมันไม่ได้เร็วอย่างที่ใครเขาว่าเลย
จุดหักเหของชีวิตผม เริ่มขึ้นในเช้าวันหนึ่ง ท่ามกลางสายลมอ่อน ๆ ผมเห็นผู้หญิง ผู้ชาย กับเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารัก เดินลงมาจากเจ้าสัตว์ประหลาดที่ส่งเสียงคำรามดังมาแต่ไกล มันมีสี่ขาเหมือนผมนะ แต่ทำไมขามันกลมน่าเกลียดอย่างนั้นก็ไม่รู้ ผมได้ยินพวกพี่เรียกมันว่ารถยนต์ เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับผู้คนบนโลกใบนี้
นางฟ้าตัวน้อยเดินตรงเข้ามาที่ผม รอยยิ้มอบอุ่นกับมือเล็ก ๆ ที่เอื้อมมาหามันสื่อความหมายแห่งมิตรภาพอันสดใส มิตรภาพที่ผมเคยถวิลหามาเนิ่นนาน
ผมยิ้มตอบความสดใสของเธอ พยายามพูดจาด้วยภาษาง่าย ๆ กับเธอ ซึ่งดูเหมือนเธอจะฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่ภาษาไม่ใช่สิ่งกีดกันมิตรไมตรี หลังจากทำความรู้จักกันแล้ว ผมก็เดินนำเธอชมสวนอันร่มรื่น พวกพี่ได้แต่มองตามเราสองคนด้วยความอิจฉา ฮ่ะ ๆๆ ทีใครทีมันละกันพี่
ผมเคยได้ยินใครบางคนบอกว่า เวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ ตอนนี้ผมเริ่มเข้าใจความหมายของมันแล้วล่ะ
เสียงเรียกหานางฟ้าของผมดังมาแต่ไกล ปลุกเราให้ตื่นขึ้นมาใต้เงาไม้อันร่มรื่น เวลาแห่งการจากลาคงใกล้จะมาถึงแล้วสินะ ผมได้แต่แหงนมองดูนางฟ้าตัวน้อยด้วยความเหงาหงอย
ไปกันเถอะ ชิโร่ แม่เราเรียกแล้ว มือเล็กเอื้อมมาอุ้มผมลอยขึ้นจากพื้น พาวิ่งเหยาะ ๆ กลับไปตามเสียงเรียกที่ดังใกล้เข้ามาทุกที
ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า เจ้านายเดินยิ้มเข้ามารับตัวผมไปจากมือนางฟ้าตัวน้อยที่คงจะไม่อยากให้ผมลงจากอ้อมกอดเล็ก ๆ นั้น และมันเป็นความรู้สึกเดียวกันกับผมที่ไม่อยากลงจากอ้อมกอดอันแสนจะอบอุ่นนี้เช่นกัน
ส่งชิโร่มานี่เถอะจ๊ะ ให้น้าอาบน้ำให้มันก่อน แล้วเชอรี่ค่อยมารับตัวมันไป
ได้ค่ะ แต่คุณน้าต้องสัญญานะคะว่าจะให้ชิโร่ไปอยู่กับหนูที่บ้าน เสียงต่อรองของสาวน้อยกับสาวใหญ่ดังขึ้นใกล้ ๆ
ผมมัวแต่ตกตะลึงกับถ้อยคำที่เพิ่งได้ยิน ผมจะได้ไปอยู่กับนางฟ้าตัวน้อยจริง ๆ ใช่ไหม แล้วแม่ล่ะ ผมจะอยู่ยังไงถ้าไม่มีแม่คอยดูแล ผมอยากไปนะ แต่ผมไม่อยากจากแม่...
ดูเหมือนแม่จะเข้าใจความวิตกกังวลของผม สายตาอบอุ่นที่แม่มีให้ผมเสมอมา มองสบกับสายตาสับสนของผมอย่างปลอบประโลม
ไม่ต้องกลัวหรอกชิโร่...ถึงเวลาที่ลูกจะต้องออกไปเรียนรู้โลกภายนอกด้วยตัวของลูกเองแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่แม่จะคอยปกป้องลูกตลอดเวลา ไปเถอะลูกรัก ไม่ว่าลูกจะอยู่ที่ไหน หนูก็ยังเป็นลูกของแม่ตลอดไป
ครับแม่ ผมจะสู้ครับ ผมจะไม่ทำให้แม่ผิดหวังครับ ลาก่อนฮะแม่...
โชคดีจ๊ะลูกรัก...ดูแลตัวเองด้วย เป็นเด็กดีนะลูก เสียงแม่ยังคงดังก้องอยู่ในหัวใจของผมแม้ว่าเหตุการณ์นั้นจะผ่านมาหลายวันแล้วก็ตาม
บ้านหลังใหม่ของผม อยู่ใกล้กับวัดแห่งหนึ่ง คุณเชอรี่บอกว่าชื่อวัดโกโรโกโส วันแรกที่ผมมาอยู่ที่นี่ ผมพยายามปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ พยายามร่าเริงเพื่อไม่ให้คุณ ๆ เป็นห่วง เมื่อมีเวลาอยู่กับความคิดของตัวเอง ผมมักจะคิดถึงแม่และพี่ ๆ เสมอ แม้ว่าความทรงจำดี ๆ ระหว่างพี่น้องแทบจะไม่ค่อยมีก็ตาม แต่ผมก็คิดเสมอว่า เราเป็นครอบครัวเดียวกัน
จะมีใครจะรู้บ้างไหมว่า ผมคิดถึงแม่และพี่ ๆ มากเพียงใด ผมได้แต่หวังว่า สักวันคงจะมีโอกาสได้กลับไปอยู่กับแม่และครอบครัวอีก
ผมเริ่มออกสำรวจพื้นที่กับคุณเชอรี่ ทุกวันหลังกลับจากโรงเรียน เธอพาผมมาวิ่งออกกำลังกายในบริเวณวัด ทำให้ผมได้รู้จักเพื่อนใหม่อีกหลายตัว
ที่นี่ผมดูจะเป็นของแปลกสำหรับทุกตัว แรก ๆ ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ผม ยกเว้นเจ้าจัมโบ้ขาโจ๋ประจำวัด ที่คอยไล่กัดผมเวลาที่คุณเชอรี่เผลอ ทีแรกผมก็นึกกลัวเจ้าจัมโบ้เหมือนกัน ด้วยรูปร่างที่ใหญ่โตสมชื่อ กับเขี้ยวขาววาววับ มันทำให้ผมขาสั่นได้เหมือนกัน
ตัวอื่นดูเหมือนจะไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไหร่ พวกเขาคอยสังเกตการณ์ว่าเมื่อไหร่เราสองตัวจะเปิดศึกกันซะที แต่ผมจะยึดคำสอนของแม่เสมอ ผมพยายามผูกมิตรกับจัมโบ้แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยสำเร็จนะ
วันนี้เป็นวันพระใหญ่ คุณเชอรี่กับครอบครัวมาทำบุญกันที่วัด เป็นธรรมดาที่ผมจะได้รับเกียรติให้มาด้วย คุณเชอรี่บอกว่าวันพระใหญ่คนจะเยอะ เพราะฉะนั้นผมจึงได้สิทธิแค่นั่งรอนอกศาลา เธอเอาสายจูงผมไปผูกกับโคนเสาตันหนึ่ง ก่อนจะเดินตามพ่อกับแม่เข้าไปในศาลา
ผมนั่งชมนกชมไม้คอยคุณเชอรี่ไปตามเรื่อง ใจจริงผมอยากไปเดินเล่นยืดเส้นยืดสายมากกว่า ขณะที่ผมกำลังคิดอะไรเพลิน ๆ ประสาทสัมผัสอันดีเลิศของผมก็จับรังสีอำมหิตที่แผ่กระจายออกมาจากซอกมุมมืดใต้ถุนศาลาวัด
สายตาอันเฉียบคมของผมรับภาพคู่ปรับคนสำคัญได้ในทันที มันนอนแอบอยู่ข้างเสาต้นถัดไป ให้ตายสิ ลืมเจ้าจัมโบ้ซะสนิทเลย สภาพที่ขาดอิสรภาพเช่นผมถ้าสู้กันจริง ๆ ผมต้องเป็นรองแน่นอน ทำไงดีชิโร่ คิดสิคิด....
เสียงเห่าของสมาชิกก๊วนหลายตัวดังมาแต่ไกล ผมคิดในใจวันนี้ยังไงเจ้าจัมโบ้ไม่ยอมปล่อยให้ผมลอยนวลแน่ แต่สิ่งที่ผมเห็นกลับทำให้ผมขนลุกชัน บรรดาหมาหมู่นับสิบพร้อมใจกันรุมเจ้าจัมโบ้ที่ดูยังไงก็ไม่สามารถสู้ได้แน่นอน
โอ้...ไม่...เลือดรักความยุติธรรมในกายผมวิ่งพล่านด้วยความลืมตัว ผมกระโจนกระชากสายจูงขาดจากเสา มารู้สึกตัวอีกทีก็ตกอยู่ในวงล้อมคู่กับเจ้าจัมโบ้ซะแล้ว
เฮ้ย...เอ็งไม่เกี่ยว...ถอยออกไปเจ้าเด็กน้อย เสียงคำรามจากเจ้าตัวที่คาดว่าน่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่มดังขึ้น ร่องรอยประวัติศาสตร์บนเนื้อตัวของมันบ่งบอกถึงความจัดเจนสังเวียนไม่น้อย
คุยกันดี ๆ ไม่ได้เหรอพี่ชาย เราก็พวกเดียวกันทั้งนั้นนะครับ
ผมพยายามเจรจา เพราะประมาณกำลังกันแล้วฝ่ายเราเสียเปรียบย่อยยับ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอมรับฟัง เมื่อตัวแรกกระโจนเข้ามา ตัวอื่น ๆ ก็กระโจนตาม ท่ามกลางความชุลมุน ผมอาศัยความได้เปรียบเรื่องรูปร่างและความคล่องตัวกว่า ไล่งับพวกหมาหมู่บ้าเลือดอย่างลืมตัวลืมตาย
เสียงเอะอะโวยวายของผู้คนบนศาลา เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้การปะทะเมามันมากยิ่งขึ้น สภาพผมกับจัมโบ้ตอนนี้ไม่ต่างจากหัวหน้ากลุ่มหมาหมู่เท่าใดนัก ผมพยายามสะกดกลั้นความเจ็บปวดจากแผลกัดบริเวณไหล่ รวบรวมพลังครั้งสุดท้ายกระโจนพรวดเดียวถึงตัวหัวหน้ากลุ่มก่อนจะหมุนตัวกลับงับคอหอยของมันอย่างรวดเร็ว
เพราะความประมาททำให้มันพลาดท่าผมอย่างง่ายดาย เมื่อจัดการกับหัวหน้าได้ พวกลูกน้องก็พากันกระเจิงล่าถอยออกไปคนทะทิศละทาง
ตายแล้วชิโร่...เป็นอะไรมากหรือเปล่าเนี่ย...พ่อขา...แม่ขา...ชิโร่เลือดไหล เสียงตื่นตระหนกของคุณเชอรี่ปลุกผมให้หายจากอาการหน้ามืด
ผมรู้สึกตัวอีกครั้งที่บ้านหลังจากที่หลับไปหลายชั่วโมง นางฟ้าตัวน้อยนั่งหลับอยู่ข้าง ๆ ผม มือเล็ก ๆ อบอุ่นของเธอยังคงเกาะกุมขาข้างหนึ่งของผมอยู่ สายใยเล็ก ๆ ที่เหนียวแน่น ได้หลั่งไหลกันเข้ามายึดครองทุกอณูในหัวใจ ความรักความเมตตา ห่วงใยจากใจดวงเล็ก ๆ มันมีอนุภาพดีเยี่ยมมากกว่ายาสมานแผลเสียอีก ผมอมยิ้มด้วยความสุขใจ แม้จะรู้สึกแสบ ๆ ตรงไหล่อยู่บ้างก็ตามแต่ตอนนี้ผมไม่รู้สึกปวดแผลอีกแล้ว
หลังจากแผลหาย คุณเชอรี่ก็พาผมไปเดินเล่นที่วัดเหมือนเคย ผมพยายามมองหาเจ้าจัมโบ้ด้วยความเป็นห่วง วันนี้ผมทำตัวเกเรกับคุณเชอรี่ พาเธอวิ่งวนรอบวัดเพื่อจะตามหาเจ้าจัมโบ้ ดูเหมือนคุณเชอรี่จะทราบความต้องการของผม เธอกระตุกสายจูงเป็นการประท้วงก่อนจะพาผมเดินลัดไปทางศาลาท่าน้ำหลังวัด
จัมโบ้นอนซมอยู่ที่นั่น บาดแผลหลายแห่งกำลังสมานตัว ดูเหมือนมันไม่ได้เจ็บมากอย่างที่คิดแฮะ...คุณเชอรี่ปล่อยให้ผมเดินไปคุยกับมัน ส่วนตัวเธอเดินไปนั่งเล่นริมแม่น้ำฆ่าเวลา
เป็นไงบ้างจัมโบ้ เจ็บมากไหม
แล้วเอ็งล่ะเป็นไงบ้าง หายดีแล้วเหรอถึงได้มาซ่าแถวนี้ได้ น้ำเสียงของมันยังคงกวนประสาทอยู่เช่นเดิม แต่ผมไม่อยากถือสา
ไม่เป็นไรแล้วล่ะ ว่าแต่นายไปมีเรื่องกะพวกนั้นได้ยังไง
เรื่องมันนานแล้วว่ะ ข้าไม่คิดว่าเจ้านั่นจะรอดกลับมาทวงความแค้นแบบนี้เลยประมาทไปหน่อย แต่ก็ขอบใจเอ็งจริง ๆ ว่ะ ไม่ได้เอ็งช่วย ข้าคงสิ้นชื่อไปแล้วล่ะ
ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ชอบเห็นใครถูกรังแกน่ะ
มิตรภาพระหว่างผมกับเจ้าถิ่นผู้ครองอาณาเขตวัดกำลังงอกงาม เราคุยกันหลายเรื่อง ส่วนใหญ่ผมจะเป็นผู้ฟังที่ดีซะมากกว่า
ตูม!!
เสียงเหมือนมีอะไรตกน้ำดังขึ้นใกล้ ๆ ผมหันไปมองตามสัญชาตญาณ หัวใจหล่นหายทันทีที่มองไม่เห็นร่างน้อย ๆ ของคุณเชอรี่เจ้านายสุดที่รักของผมที่ควรจะนั่งอยู่ริมศาลาท่าน้ำ ไวเท่าความคิดผมกระโจนลงไปในแม่น้ำทันที
มือน้อยที่โบกชูอยู่กลางแม่น้ำทำเอาหัวใจผมเกือบวายด้วยความเป็นห่วง ไม่น่าคุยเพลินจนลืมดูคุณเชอรี่เลย รอผมก่อนนะครับ ชิโร่กำลังไปช่วยคุณ
จัมโบ้ส่งเสียงเห่าเตือนผมให้ระวังสายน้ำเชี่ยว ทำให้หลวงพี่ที่กวาดลานวัดอยู่หันมามอง ผมตะโกนเรียกคุณเชอรี่เสียงหลง พยายามว่ายน้ำเข้าไปหาเธอ จนในที่สุด ผมก็คว้าได้ชายเสื้อของเธอ ก่อนจะพาเธอตะเกียกตะกายพยายามว่ายน้ำกลับเข้าหาฝั่ง
กระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวได้ลดทอนกำลังของผมลงไปจนเกือบจะหมดแรงจมไปหลายครั้ง กว่าจะพาเธอมาถึงฝั่งได้เล่นเอาผมแทบสิ้นใจ
ผมจะมาอ่อนแอตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด วินาทีแห่งความเป็นความตายกำลังรออยู่ คุณเชอรี่หมดสติไปแล้ว ถ้าไม่รีบช่วยเธอต้องแย่แน่ ๆ ในน้ำนั่นไม่รู้เธอสำลักไปกี่อึก ถ้าเธอเป็นอะไรไป ผมจะไม่ให้อภัยตัวเองเด็ดขาด
ผมหันรีหันขวางไม่รู้จะทำยังไงให้เธอฟื้น หลวงพี่วิ่งมาถึงศาลา แต่ด้วยความเป็นสมณะเพศ ท่านไม่สามารถจับต้องตัวคุณเชอรี่ได้ ผมกับจัมโบ้ได้แต่ตะโกนเห่าเสียงดัง จัมโบ้เห็นท่าทางร้อนรนของผมแล้วก็พยายามปลอบให้ผมใจเย็น ๆ
ฉันจะต้องช่วยเธอให้ได้...ใช่...ฉันจะช่วยเธอเอง...แม่เคยบอกฉันไว้ว่า ตระกูลของเราต้องฉลาดเข้มแข็ง
ผมบอกจัมโบ้ด้วยความมั่นใจ ยังไงผมก็ต้องหาทางช่วยเธอให้ได้...ใช่แล้ว...ในเมื่อเธอกินน้ำเข้าไปเยอะต้องหาทางเอาออกมาให้หมด...นั่นเป็นความคิดที่ฉลาดที่สุดของผมในเวลานี้
ผมกระโดดขึ้นไปบนบริเวณอกของเธอ กดน้ำหนักตัวพอประมาณ ครั้งที่หนึ่ง ครั้งที่สอง ครั้งที่สาม ได้ผลครับ พอครั้งที่สี่ เธอสำลักน้ำออกมา ก่อนจะลุกขึ้นมาไอตัวงอ หน้าดำหน้าแดง เธอร้องไห้เสียงดัง มือน้อยเอื้อมมากอดผมไว้แน่นเนื้อตัวสั่นเทา
ผมร้องไห้ด้วยความโล่งใจที่สามารถช่วยนางฟ้าตัวน้อยให้รอดพ้นจากอันตรายได้ ผมสัญญากับตัวเองว่า จะไม่มีวันปล่อยให้เธอมีอันตรายอีก ความรู้สึกที่หัวใจจะขาดเสียให้ได้ตอนที่มองลงไปเห็นเธอกำลังจะจมน้ำ มันสอนผมว่า ความประมาทเป็นบ่อเกิดแห่งหายนะ
คุณเชอรี่ถูกห้ามเด็ดขาดไม่ให้ไปเล่นที่ศาลาท่าน้ำ ส่วนผมก็ได้เจอกับความพลิกผันในชีวิตอีกครั้ง ข่าวการช่วยชีวิตคุณเชอรี่ดังไปทั่วเมือง ผมกลายเป็นฮีโร่ ที่ทุกคนกล่าวขวัญ แต่นั่นไม่ได้ทำให้ลืมตัว การได้ตอบแทนบุญคุณ ความรัก ความห่วงใยจากมือน้อย ๆ นั่นต่างหากเล่า คือความภาคภูมิใจสูงสุดสำหรับผม
ชีวิตตัวกาลกิณีของผมยังไม่จบแค่นี้นะครับ หลังจากข่าวของผมดัง ก็มีคนมาขอถ่ายรูป เชิญผมและคุณเชอรี่ไปออกรายการต่าง ๆ มากมาย วีรกรรมที่ผมทำครั้งนี้ ทำให้ผมได้รับรางวัลซุปเปอร์ด็อก สาขาหมายอดกตัญญู
วันนี้ผมได้ขึ้นรับรางวัลอันทรงเกียรตินี้อย่างเต็มภาคภูมิ สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมดีใจและประทับใจมิรู้ลืม...ภาพที่มันจะไม่มีวันลบเลือนไปจากใจผม...ภาพครอบครัวเล็ก ๆ ที่ยืนกอดผมด้วยความรัก ได้แพร่ภาพไปทั่วทุกมุมโลก...
...แม่ครับ....ลูกชายคนนี้ของแม่...คนที่เป็นข้อบกพร่องของตระกูล ได้สร้างชื่อเสียงให้แก่วงศ์ตระกูลได้แล้วนะครับแม่...ไม่ว่าเวลานี้...แม่จะอยู่ที่ไหนมุมไหนของโลกใบนี้...โปรดได้รับรู้ไว้ว่า...ลูกแม่คนนี้....รักแม่ที่สุดในโลกครับ...ดีใจที่ได้เกิดมาเป็นลูกแม่...ดีใจที่ได้เกิดมาในตระกูล โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ครับ....ถึงผมจะเป็นกาลกิณี แต่ผมก็เป็นกาลกิณีวีรบุรุษนะครับพี่...