23 มีนาคม 2545 19:26 น.
ศาลาไทย
เช้าวันนั้น...แดดใสในหน้าร้อน
หนึ่งคนจรหวังจักสร้างหนทางใหม่
สู้ดุ่มเดินตามหาฝันอันแสนไกล
เพื่อจะได้เอื้อมถึงดาวอันพราวพราย
เช้าวันนี้...แดดจางบนทางเก่า
หนึ่งคนเศร้าจึงลึกซึ้งถึงความหมาย
เป็นนักฝันริมระเบียงเพียงเดียวดาย
งามและง่ายหากอยู่เย็นไม่เด่นดาว
23 มีนาคม 2545 19:26 น.
ศาลาไทย
คิดถึง
สวนศิลป์ถิ่นเนานอนตอนหนหลัง
กิจกรรมนำทางสร้างพลัง
ก่อความหวังจุดไฟฝันวันฟ้างาม
ห่วงใย
ยุคสมัยเปลี่ยนแปลกมากหลากเหลือหลาม
ใครหนอจักสร้างเมืองให้เรืองราม
ฝากคำถามถึงทุกคนตามหนทาง
เข้าใจ
ความเป็นไปย่อมจักมีที่แตกต่าง
อุดมการณ์ ณ จุดเดิมเริ่มเลือนลาง
คนเคียงข้างล้วนจากไปตามใจตน
รัก
ยูงทองต่อกิ่งก้านบานเต็มต้น
เจ้าพระยายังรี่ไหลตรึงใจคน
สานสืบผลรองเรืองสีเหลืองแดง
๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๓
23 มีนาคม 2545 18:57 น.
ศาลาไทย
(กลอนเจ็ด) เออหนอ ใจเรา ก็เท่านี้
ควรที่ ยกให้ ใครเขาง่าย
ถูกหลอก ชอกช้ำ น้ำมือชาย
อับอาย หน่วงเหน็บ จนเจ็บนาน
(กลอนแปด) เมื่อแรกนั้น มั่นใจ ใช่เขาแน่
ช่างเขลาแท้ หลงลม คารมหวาน
เพียงหนึ่งน้อง ต้องจิต จึงผิดการ
แค่ทางผ่าน คนหนึ่ง พึงสังวร
(กลอนเก้า) เก็บเรื่องราว คราวครั้งนั้น จวบวันนี้
พอเสียที กับร่องรอย คอยหลอกหลอน
บอกหัวใจ ให้แกร่งกร้าว อย่าร้าวรอน
จึงเขียนกลอน แทนสัญญา ศรัทธาตน
๑๔ มกราคม ๒๕๔๔
23 มีนาคม 2545 18:43 น.
ศาลาไทย
หนาวลมห่มจิตไห้..................ใจโหย
เจียนด่าวดิ้นแดโดย..............ดับว้าง
วิบวับหวาดหวิวโอย................ครวญโอด
เพรียกพร่ำคราแรมร้าง..........ย่อมรู้อยู่เดียว
เปลี่ยวดายหมายมุ่งห้าม..........หักใจ
ซุกซ่อนหลืบหลบใน................ยากเร้น
ลมหนาวผ่าววูบไหว................หวามหวั่น
เหน็บหน่วงบ่วงคอยเค้น.........ขื่นข้องคืนขม
๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๓