12 กุมภาพันธ์ 2554 10:19 น.
ศรีสมภพ
บ่น
สีมา บ่นจงบอก ตอกใส่หน้า ว่าคนไหน
บ่นร่ำไป ให้พร่ำเพรื่อ ไม่เชื่อถือ
บ่นบ๊อยบ่อย บ่นเก่งจัง เดี๋ยวหลังมือ
ชอบบ่นบื้อ หรือจะบ้า ...น่าเบื่อจัง
ภารยัน บ่นขอบอก ตอกตระหนัก ถึงมักบ่น
บ่นให้คน ที่ทนได้ ใครก็ช่าง
บ่นอย่าเบื่อ เชื่อใจไว้ ใช่ชิงชัง
บ่นจงฟัง หวังบ่นมาก ...อยากให้ดี
สองเรา บ่นอย่าบ้า ตั้งหน้าทน บ่นเพระรัก
คู่กัดหนัก มักอยู่กัน มั่นสุขขี
เธอบ่นมั่ง ฉันพลั้งบ่น คนละที
สองเรานี้ แลกบี้บ่น...จนวันตาย
มอบให้....ครอบครัวบ่นกันจัง
11 กุมภาพันธ์ 2554 11:48 น.
ศรีสมภพ
ปีศาจคาบคัมภีร์
ปืศาจประกาศชั่ว ไม่เกรงกลัวไม่เกรงขาม
กิเลสเต็มเขตคาม อวดเบ่งกล้ามอิทธิฤทธิ์
คัมภีร์บ่งชี้ไว้ บอกทางไปไม่เห็นผิด
สอนสั่งให้คนคิด มีชีวิตนิจนิรันดร์
ปีศาจคือความชั่ว แสนน่ากลัวกลั้วอาถรรพ์
ความดีที่ต่างกัน ใช่สองด้านเหรียญอันเดียว
ปีศาจคาบคัมภีร์ ประโยคนี้มีความเกี่ยว
ต่างขั้วที่ขับเคี่ยว ไม่เฉลียวสิ่งเดียวกัน
คัมภีร์ที่ศักดิ์สิทธิ์ คงสถิตย์อยู่เช่นนั้น
ภูตผีอันธพาล มิอาจผลาญรานทำลาย
ความดีที่คนชั่ว ใช้บังตัวที่ชั่วไว้
หลอกคนจนตายใจ ยกมือไหว้ให้หน้าตา
พลาดท่าอ้าปากกว้าง มิอาจยั้งกิเลสหนา
คัมภีร์หลุดออกมา เปิดโฉมหน้าหมดท่ากัน
ปีศาจขยาดหนี ปล่อยคัมภีร์..ที่คาบนั้น
ต่างขั้วชั่วดีกั้น แบ่งสองด้านเหรียญอันเดียว !
11 กุมภาพันธ์ 2554 11:43 น.
ศรีสมภพ
มรดกจากพ่อ
บนผืนดินถิ่นนี้..ที่พ่อสร้าง
เคยรกร้างว่างเปล่า อับเฉายิ่ง
ดินเหือดแห้ง แดงดานถูกผ่านทิ้ง
ไร้ทุกสิ่ง นิ่งเนามายาวนาน
จอบพ่อขุด แรงพ่อฉุดขุดพลิกฟื้น
สองขายืน ฝืนใจใฝ่ขยัน
แววตาลูกฉุกขึ้น ต้องฝืนมัน
กลัวเจ้านั้นหิวลั่นร้อง ต้องจำทน
พ่อแบ่งที่มีอยู่ดูหลากหลาย
เป็นผืนนาผสมไร่ได้ผลิตผล
ขุดบ่อปลาปลูกสวนครัว ไม่กลัวจน
รวมอยู่บน ผืนดินถิ่นของเรา
พ่อสร้างฝายไม้ไผ่ ในคลองข้าง
เพื่อหยุดยั้งน้ำหลากกักเก็บเข้า
มีน้ำใช้ในหน้าแล้ง แบ่งบรรเทา
ไร่นาเรา..จึงอุดมอย่างกลมกลืน
ปลูกไม้ใหญ่ไว้เป็นร่มกันลมพัด
และเลี้ยงสัตว์ หมูเป็ดไก่ให้ครึกครื้น
ปุ๋ยคอกดี มีพืชพันธุ์ อันยั่งยืน
ได้พลิกฟื้นผืนดินนี้ มีค่าพอ
มรดก..ผืนดินนี้ ที่พ่อให้
จงใส่ใจใฝ่ขยัน สืบสานต่อ
ให้ลูกรู้อยู่พอเพียง..ก็เพียงพอ
มรดกพ่อ..ก่อเห็นค่า ถ้าลูกทำ !
11 กุมภาพันธ์ 2554 08:43 น.
ศรีสมภพ
จะมีใครสักกี่คนที่ทราบว่า วันที่ 13 กุมภาพันธุ์ เป็น วันนกเงือก นกเงือก (HORNBILL) เป็นนกที่ปัจจุบันค่อนข้างจะพบได้ยาก ทั่วโลกมีประมาณ ๕๕ ชนิด มีการแพร่กระจายอยู่ในแถบเขตร้อน ของทวีปอาฟริกา และเอเซีย ประเทศไทยมีนกเงือก ๑๓ ชนิด ซึ่งในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ซึ่งมีอาณาเขตส่วนหนึ่งอยู่ใน จังหวัดนครราชสีมา มี ๔ ชนิด ได้แก่ นกกก หรือ นกกะวะหรือ นกกาฮัง นกเงือกสีน้ำตาล นกเงือก กรามช้าง หรือนกกู่กี๋ และนกแก๊ก หรือ นกแกง
นกเงือกเป็นนกขนาดใหญ่ อาจมีความยาว ๑.๕ เมตร เมื่อวัดจากปากถึงปลายหาง ส่วนมากมักจะมีขนสีดำสลับขาว หน้าตาอาจจะดูประหลาดๆสักเล็กน้อย มีลักษณะการทำรังโดยตัวเมียปิดขังตัวเองอยู่ภายในโพรงไม้ นกเงือกมีนิสัยในการทำรังผิดแปลกไปจากนกอื่นใดในโลก คือ เมื่อถึงฤดูกาลทำรัง นกคู่ผัวเมียจะพากันหารัง ซึ่งได้แก่ โพรงไม้ตามต้นไม้ใหญ่ เช่น ต้นยาง ที่อยู่ในที่ลับตา
นกเงือกเป็นนกผัวเดียวเมียเดียว จะมีการเกี้ยวพาราสี เมื่อตัวเมียเข้าไปอยู่ในโพรง จะทำความสะอาดแล้วเริ่มปิดปากโพรง ด้วยวัสดุต่าง ๆ เช่น ดิน เปลือกไม้ ตัวเมียจะผสมวัสดุเหล่านี้กับมูลของมันเอง เมื่อปิดปากโพรงจึงเหลือเพียงช่องแคบ ๆ ตัวเมียจะขัง ตัวอยู่ภายในเพื่อออกไข่เลี้ยงลูก ตัวผู้จะทำหน้าที่ดูแลตัวเมียและลูกโดยส่งอาหารผ่านทางปากโพรง นกเงือกจะมีส่วนหนังเปลือยเป็น สีฉูดฉาดอยู่บ้าง เช่น บริเวณคอ ขอบตา มีขนตายาว ขาสั้น ชอบกระโดด ลิ้นสั้น จึงกินอาหารโดยจัดอาหารให้อยู่ที่ปลายปากแล้วโยน กลับลงคอไป อาหารของนกเงือกมีทั้งพืชและสัตว์ เช่น ผลไทร สุรามะริด ผลตาเสือ เป็นต้น สัตว์ ได้แก่ สัตว์เลื้อยคลาน แมลง เป็นต้น
การที่ตัวเมียอาศัยอบู่ในรังที่ปิดตายเช่นนี้นี่เองหากตัวผู้ซึ่งเป็นผู้หาอาหารเลี้ยงดูตัวเมียและลูกตายไป ตัวเมียและลูกก็ต้องตายลงไปนั่นเอง
จนมีผู้เคยเปรียบเปรยยกย่องนกเงือกไว้ว่าเป็นตัวแทนของรักแท้เลยทีเดียว
เนื่องจากนกเงือกอาศัยทำรังในโพรงไม้ใหญ่ และกินอาหารที่ได้จากผลผลิตในป่า นกเงือกจึงเป็นดัชนีบ่งชี้ความสมบูรณ์ ของป่า หรือสัญลักษณ์ของป่าดงดิบเป็นส่วนหนึ่งของสรรพสิ่งในระบบนิเวศ แต่ปัจจุบันพื้นที่ป่าที่อุดมสมบูรณ์กำลังลดน้อยลง ทำให้นกเงือกเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ดังนั้นเราจึงควรตระหนักและเล็งเห็นถึงความสวยงามของธรรมชาติและนกที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์เพื่อให้ธรรมชาติที่สมบูรณ์คงอยู่กับเราไปตราบชั่วลูกชั่วหลาน
คู่รักอมตะ
รักแท้..ที่มีให้ ในโพรงไม้ซบไออุ่น
คาบเหยื่อมาเจือจุน อย่างเนื่องหนุนไม่เหนื่อยหน่าย
เมียลูกผูกรักมั่น เหยื่อป้อนปันปากโพรงไม้
เร้นลับบินนับไกล รังปลอดภัย ไม่เคยท้อ
หัวเเรงแห่งครอบครัว ใจเกินตัวหัวอกพ่อ
รักแน่ จริงแท้หนอ แม่ลูกรอ พ่อกลับมา
วันใด.. พ่อไม่กลับ ถูกคนจับ หายลับหน้า
บ้านโพรงก็โล่งตา ลูกเมียลา ตายตามไป
รักแท้ ..ที่โลกเห็น ป่าลับเร้นเป็นไปได้
นกเงือก เทือกพงไพร รักยิ่งใหญ่..คนอายจัง !
13 ก.พ. วันรักนกเงือก
๑๓ ก.พ. วันรักนกเงือก
10 กุมภาพันธ์ 2554 11:20 น.
ศรีสมภพ
คนตาย..ให้คนเป็น
มัดตราสังข์..สามเปราะเพราะมีห่วง
มัดที่คอก็เหมือนบ่วงห่วงลูกเต้า
มัดที่มือยื้อยุดฉุดสองเรา
มัดข้อเท้าเฝ้าห่วงบ่วงเงินตรา
ทั้งสามบ่วง ล่วงไปตายเป็นผี
ยากจะหนีเพราะบ่วงถ่วงหนักหนา
ต้องเกิดตายว่ายวนไม่พ้นหน้า
อวิชชาพาไป..ไม่นิพพาน
เคาะโลงดัง ให้ฟังพระจะรับศีล
ใช่ได้ยินเพราะสิ้นไปเหมือนไม้ถ่าน
บอกคนเป็นให้เห็นรู้ดูเป็นทาน
ตายแล้วนั้น..ก็พลันสิ้นยินเสียงธรรม
สวดอภิธรรมพร่ำบาลีที่ไม่รู้
สอนคนอยู่ให้รู้ปลงอย่าหลงถลำ
ใช่คาถาส่งคนตายไปพ้นกรรม
ไม่รู้คำ ทำใจฟังก็ยังดี
บวชหน้าไฟ..จูงคนตายไปสวรรค์
ความจริงนั้น หาใช่ในวิถี
เกิดแก่เจ็บ..แล้วตายหน่ายชีวี
หนทางมี เป็นสมณะละปล่อยวาง
พระจูงศพ ครบสามนำเวียนซ้าย
บอกเป็นนัยให้รู้ดูแตกต่าง
ตอนยังอยู่รู้ธรรมเดินตามหลัง
ใกล้เผาฝังยังตามพระ ก่อนละกาย
เวียนซ้ายสาม..นำไปให้บรรจบ
ทั้งกามภพ รูปภพ ขบคิดได้
อรูปภพ ต้นเหตุกิเลสใหญ่
ต้องวนซ้าย ทวนกระแส แก้ทางธรรม
ก่อนจะเผา น้ำมะพร้าวเอาล้างหน้า
ชี้เห็นค่า ความประเสริฐสูงเลิศล้ำ
ชำระจิต ด้วยน้ำทิพย์แห่งพระธรรม
สิ้นเวรกรรม ช่วยนำไปในนิพพาน
หลังการเผาเถ้าอัฐจัดเป็นร่าง
เป็นเค้าลางร่างใหม่ได้ผสาน
วิบากกรรมนำให้ไปเกิดทัน
สิ้นชาติกาลผ่านพ้นร่างคนเป็น
ปริศนาธรรม..ย้ำชัดจัดงานศพ
ควรค่าครบจบความนำให้เห็น
เป็นคำสอน ตอกย้ำ นำคนเป็น
เปิดประเด็น เห็นคนตาย ได้เกิดธรรม
ตถตา ..มันเป็นเช่นนั้นเอง