19 มิถุนายน 2554 11:34 น.
ศรีสมภพ
เรือจ้าง.. วางพาย บนสายน้ำ
แล้วจ้วงจ้ำ นำเรือไป ให้ถึงฝั่ง
ผู้โดยสาร หลายหลาก มากประดัง
คนแจวยัง จ้ำพาย ..ด้วยใจทระนง !
น้ำเชี่ยว.. เรี่ยวแรงล้า ยังกล้าแกร่ง
ตะวันแดง เลาะแก่งน้ำ ข้ามคุ้งโค้ง
มุ่งที่หมาย พายเข้าหา ท่าฝั่งตรง
เจตน์จำนง คงไว้ ..ด้วยใจพลี
หัวเรือเกย.. เลยตลิ่ง นิ่งรอส่ง
ผู้โดยสาร นั้นลง..ถีบส่งหนี
คนแจวยิ้ม อิ่มใจ จงไปดี
หมดเที่ยวนี้ มีเที่ยวต่อ รอท่าเดิม
เรือจ้าง.. วางชีวิต คิดแค่นี้
ขอแค่มี ค่าจ้างนิด คิดสร้างเสริม
ส่งผู้คน ขึ้นบนฝั่ง อย่างเช่นเดิม
เป็นทางเริ่ม มรรคา มหาชน
เรือจ้าง.. หวังเช่นครู คือผู้ให้
ส่องเป็นไฟให้เห็นแสงแห่งเหตุผล
เปิดประเด็น เป็นความรู้ สู่ผู้คน
เพื่อส่งพ้น ขึ้นบนฝั่ง ..อย่างตั้งใจ
ความภาคภูมิ.. สุมไว้ ใจส่วนลึก
ตกผลึก ลึกแต่ปลื้ม ลืมเหนื่อยได้
ปิดทองแผ่น ใต้แท่นพระ ละด้วยใจ
ส่งศิษย์ให้ ได้ข้ามฝั่ง ..ตามอย่างครู
คารวะ และเชิดชู ..คุณครูทุกท่านนิรันดร !
18 มิถุนายน 2554 12:10 น.
ศรีสมภพ
"แพลงกิ้ง" นิ่งทื่อคือท่วงท่า
อย่ากังขาท่าเล่นที่เห็นนี้
แค่กระแสคนกระสัน..ปั่นเป็นผี
มองให้ดี มีความใน..แกล้งตายกัน
"แผลงกลิ้ง" นิ่งทื่อตื้อหาเสียง
ท่าไม่เกี่ยงเสี่ยงก็กล้าแม้ก๋ากั่น
หลากสไตล์ได้คะแนนผู้แทนมั่น
ก่อนเปลี่ยนผัน ท่าแกล้งเป็นเด่นชูคอ
โอละหนอ ! แพลงกิ้ง- มาแผลงกลิ้ง
ต่างแย่งชิง กลิ้งกันใหญ่ท่าไหว้ขอ
ประชานิยมคารมทื่อ ซื้อแต้มต่อ
แผลงให้พอ กลิ้งกันต่อ..ถึงสภา !
แล้วเปลี่ยนท่า แพลงกิ้ง..วิ่งต่อรอง !
16 มิถุนายน 2554 03:08 น.
ศรีสมภพ
ราหูอมจันทร์ ..คืนวันนี้ !
รอบสี่ปีมีให้เห็นเพ็ญดวงดับ
ปรากฏการณ์สามดวงพ่วงแนวราบ
เงาโลกทับเกิดอับแสงแห่งคืนเพ็ญ
ต้องตีเกราะเคาะดังอย่างตั้งมั่น
ให้ราหูคายจันทร์ทุกย่านเห็น
เขย่าต้น ให้ผลดกยกประเด็น
วอนโชคช่วยรวยละเข็ญเซ่นไหว้วอน
ปรากฎการณ์ผ่านไป ในความมืด
ช่างยาวยืดเกินเวลากว่าคืนค่อน
เห็นมวลเมฆโยกเยกไหลไม่ผัดผ่อน
ล้มตัวนอนถอนใจข่ม ..เมฆอมจันทร์ !
ใกล้ตะวัน สาดแสงกล้ามาเยี่ยมเยือน...
14 มิถุนายน 2554 02:41 น.
ศรีสมภพ
รำลึกก่อน..ย้อนหลังในครั้งนั้น
พม่าโหมโรมรันประจันหน้า
ทัพใหญ่พร้อมล้อมตี ศรีอยุธยา
ทั่วพาราระส่ำระสาย เลือดไหลริน
พม่าจับขับเข็นข่มเช่นทาส
ไล่ต้อนกวาดคัดค้นปล้นทรัพย์สิน
เหยียบย่ำใจใคร่ข่มขืนผืนแผ่นดิน
เห็นทีสิ้น ถิ่นสุด.. อยุธยา !
บางระจัน..บ้านสิงห์ไม่นิ่งน้อม
ทุกคนพร้อมหลอมรวมใจไล่ฟันฆ่า
ทิ้งคมเคียวมือเกี่ยวดาบปราบผู้มา
หักหาญกล้าพม่าสยบ พบคนจริง !
นายแท่นนายอินนายโชตินายเมือง
พร้อมพันเรือง เคืองแค้นแทนคนสิงห์
มึงเป็นใคร ? ทำไมใจร้ายจริง
เด็กผู้หญิง นิ่งเห็นไม่เว้นวาง
กูขอสู้.. อยู่หรือตายไว้ลายชื่อ
ให้เขาลือว่าชาวบ้าน หาญขัดขวาง
กองทัพใหญ่ที่ใครยอมพร้อมเปิดทาง
น้ำน้อยกร่างกล้าดับไฟใจทระนง
ไอ้ทองเหม็นไอ้ดอก กรอกปืนใหญ่
ยิงเข้าไปให้มันรู้กูประสงค์
ข้ามศพกู ผู้พร้อมยอมปลดปลง
ให้เลือดไทยไหลหลั่งลง..ชโลมดิน
มาคำนึง..ถึงสมัยในวันนี้
ว่าความรักสามัคคี มีหรือสิ้น ?
ไม่สืบสาน ต้านหรือต่อ ก่อหรือกิน ?
ทั่วธานินทร์ จึงสิ้นสุข ลุกเป็นไฟ !
แย่งกันใหญ่ ขายขี้หน้าบ้าดีเดือด
ไม่มีเลือด บางระจัน อันยิ่งใหญ่
แบ่งพวก แบ่งกลุ่ม สุมฝักฝ่าย
น่าอับอาย ผู้วายชนม์ คน..บางระจัน !
เอาชนะคะคานกัน น่าหวั่นใจ
12 มิถุนายน 2554 14:36 น.
ศรีสมภพ
จันทร์เอ๋ย..จันทร์เจ้าขอข้าวขอแกง
ได้โปรดแบ่งแกงข้าวเหล่าคนยาก
ช่างอับจนข้นแค้นแสนลำบาก
จึงออกปากฝากวอนเป็นกลอนกานท์
จากสุพรรณ.. ฝันฟ้อนร่อนเร่ใฝ่
หอบหัวใจจากไร่นามาล่าฝัน
สักวันหนึ่งจะไปถึงซึ่งดวงจันทร์
ต่อเติมฝันบานเต็มดวงห้วงคืนเพ็ญ
สุริยนสนธยา นกกาสู่
ทิ้งผึ้งน้อย.. คอยต่อสู้อยู่ยากเข็ญ
สู่เมืองกรุงมุ่งหมายได้ร้องเต้น
สู่ดาวเด่นเป็นวิถีที่ยาวนาน
เสียงร้องก้องฟ้า..ราชินีลูกทุ่ง
ที่มั่นมุ่งหมายปองร้องขับขาน
กล่อมแฟนเพลงเก่งกล้ามาช้านาน
เดือนปีผ่านนานเนายิ่งเร้าใจ
"แก้วรอพี่" ที่ทิ้งไป "หม้ายขันหมาก"
แซ่บสูดปาก "ส้มตำ" ทำกันใหญ่
" ดาวเรืองดาวโรย" โหยอ่อนเพลงสอนใจ
"สาวนาสั่งแฟน" เว้าวอนชาย กลับไร่นา
จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า ! ถึงคราวพราก
จำต้องจาก จันทร์ไปไม่เห็นหน้า
ฝากบทเพลงบรรเลงอาลัย..ไม่กลับมา
ได้เวลา พุ่มพวงไป.. ไกลจากจันทร์ !
๑๓ มิ.ย.๕๔ รำลึก ๑๙ ปี การจากไปของ
ราชินีลูกทุ่งไทย พุ่มพวง ดวงจันทร์