16 มิถุนายน 2555 08:42 น.
ศรีสมภพ
โปลิศจับผู้ร้ายช่างวายวุ่น
ต้องหัวหมุนลุ้นหลักฐานงานสืบสวน
ต้องตามจับมันให้ได้ในทันด่วน
คงปั่นป่วนหากละม่อมไม่ยอมช่วย
ทั้งปล้นจี้ตีชิงวิ่งราวทรัพย์
ทั้งยิงกันไม่ยอมนับกระสุนด้วย
ข่มขืนคนปล้นร้านทองตัดช่องรวย
หวังใครช่วยด้วยตำรวจกวดไม่ทัน
โจรร้ายจ้องมองทีเผลอเจอแล้วจัด
ปฏิบัติงานโจรโดนจนหวั่น
ปิดประตูหน้าต่างวางใจมั่น
กุญแจลั่นมันยังงัดแล้วจัดให้
เศรษฐกิจตกสะเก็ดเด็ดสะระตี่
โจรมากมียิ่งกว่ายุงยุ่งกันใหญ่
สุจริตคิดดี แต่ไม่มีเงินใช้
ต้องแปลงกายใส่ตีนแมวขโมยกัน
พฤติกรรมทั้งหลายหลากยากหนีพ้น
ณ เบื้องบน ตาพระเจ้าเฝ้าดูนั่น
ท่านบันทึกผนึกไว้ได้เหนือชั้น
ทุกคืนวันทุกเวลาตาจับจ้อง
ทั่วถนนรนแคมท่านแซมอยู่
ตรอกซอกซอยคอยเฝ้าดูประตูช่อง
เพื่อพิทักษ์ยุติธรรมตามครรลอง
ทำชั่วต้องยอมจำนนโดนโทษทัณฑ์
เริ่มกลียุคเข้าทุกวันมันน่าห่วง
แม้ลับลวงกันแค่ไหนใช่พ้นนั่น
มีบันทึกถ่ายภาพเห็นเป็นหลักฐาน
ส่งให้ศาลจับคนร้ายมาใส่กรง
เห็นโปลิศจับผู้ร้ายได้ไม่นับ
ยายละม่อมช่วยล้อมจับมีภาพส่ง
วงจรปิดติดกล้องไว้สมใจจง
มันซื่องตรงกว่าโปลิศที่ผิดทาง
ด้วยผลงานการจับนับไม่ถ้วน
จึงเห็นควรเลื่อนขั้นเห็นเป็นตัวอย่าง
วอน ผบ.ตร. ขอเปิดทาง
ยัยละม่อม.. พร้อมจะนั่งสั่งการแทน ! ..อิอิ
...............................................................................................................
จับได้โดยละม่อม....หนีไปตามระเบียบ....
เมื่อวานดูข่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจสามารถจับผู้ร้ายที่ทำการขโมยทองจากร้านค้าแห่งหนึ่งได้โดยละม่อม ทำให้เกิดความสงสัยและโต้เถียงกับเพื่อนว่า ใครเป็นผู้ที่จับผู้ร้ายกันแน่ ระหว่างตำรวจ กับละม่อม
ลองเปิดยูทูบฟังเพลงคุณยายเธอสิ...
http://www.youtube.com/watch?v=yw2BSFM9hM4
14 มิถุนายน 2555 07:37 น.
ศรีสมภพ
วัฏจักรธรรมชาติวาดวางไว้
ต้องเป็นไปเป็นตามนิยามนั่น
เมื่อมีมาก็มีไปให้รู้ทัน
ทุกสิ่งอันเช่นนั้นเองเกรงไปไย
เมื่อมีหลากก็มีแล้งมาสลับ
เปลี่ยนอารมณ์โถมท่วมทับกับแล้งไร้
วัฏจักรแห่งกาลปียากหนีไกล
ต้องทำใจต้องใช้ธรรมนำมาปลง
มาอีกแล้ว.. ตามหน้าที่วิถีเขา
มันถึงคราวเวียนบรรจบครบประสงค์
ฤดูกาลหว่านไถเป็นไปตรง
ใช่เขาหลงจงใจไหลท่วมบ่า
ปริมาตรปริมาณ ไม่มีต่าง
ทุกสิ่งอย่างยังคงที่ไม่มีกังขา
เมื่อเมฆนั้นมันอิ่มตัวไปทั่วฟ้า
ก็กลั่นกลายโปรยปรายมาหาแผ่นดิน
มาขบคิดพินิจเหมาะวิเคราะห์แจ้ง
อุทกใหญ่ไหลท่วมแทงทั่วแหล่งถิ่น
ก็เพราะกัก ก็เพราะกั้นมันทั้งสิ้น
เขาจึงหลาก เขาจึงรินผินทางไป
สร้างกำแพงเพิ่มแนวคันยิ่งกั้นหนัก
เพิ่มแรงผลักอีกหนักหนาจะบ่าไหล
ขวางทางล่องน้องน้ำลงตรงทางใด
อุทกภัยในปีก่อนยังสอนจำ
เอาอยู่.. หรือไม่อยู่ได้รู้แน่
ต่างก็แก้กันใหญ่ไม่ถลำ
มองเวลายิ่งเหลือน้อยอย่าถอยทำ
บางระกำ น้ำมาแล้วแม่แก้วเอ๋ย..
เจ็บต้องจำนำมาคิดชีวิตปรับ
ความย่อยยับยังตราตรึงพึ่งจะเย้ย
จะชนะ หรือปราชัยไม่กล้าเอ่ย
เพราะทำใจได้ดังเคยเลยแล้วกัน
วัฏจักรธรรมชาติวาดวางไว้
ปล่อยเขาไหลลงทะเลอย่าเฮกั้น
บทเรียนก่อนสอนไว้ให้รู้ทัน
เปิดทางผ่านให้แก่เขา..เอาอยู่แน่นอน !
ขอเป็นกำลังใจให้นายกฯ เอาน้ำให้อยู่
เพื่อลบคำหลู่ผู้ไม่หวังดี.. ปีนี้มาดูกันใหม่นะจ๊ะ
13 มิถุนายน 2555 07:19 น.
ศรีสมภพ
น้องเปา.. เปาวลี ที่ได้เห็น
แสดงเป็นพุ่มพ่วงผู้ล่วงลับ
หน้าละม้าย คล้ายเสียงร้องต้องตาจับ
พุ่มพวงดับ เปากลับเกิด ประเสริฐศรี
กลอนพุ่มพวง ดวงจันทร์แต่งวันก่อน
ขอนำย้อนมาร่อนร่ายในที่นี้
เห็นน้องเปา เงาพุ่มพวงช่วงนี้ดี
ชื่อก็ดังหนังก็มีดีหลายหลาก
จันทร์เอ๋ย..จันทร์เจ้าขอข้าวขอแกง
ได้โปรดแบ่งแกงข้าวเหล่าคนยาก
ช่างอับจนข้นแค้นแสนลำบาก
จึงออกปากฝากวอนเป็นกลอนกานท์
จากสุพรรณ.. ฝันฟ้อนร่อนเร่ใฝ่
หอบหัวใจจากไร่นามาล่าฝัน
สักวันหนึ่งจะไปถึงซึ่งดวงจันทร์
ต่อเติมฝันบานเต็มดวงห้วงคืนเพ็ญ
สุริยนสนธยา นกกาสู่
ทิ้งผึ้งน้อย.. คอยต่อสู้อยู่ยากเข็ญ
สู่เมืองกรุงมุ่งหมายได้ร้องเต้น
สู่ดาวเด่นเป็นวิถีที่ตระการ
เสียงร้องก้องฟ้า..ราชินีลูกทุ่ง
ที่มั่นมุ่งหมายปองร้องขับขาน
กล่อมแฟนเพลงเก่งกล้ามาช้านาน
เดือนปีผ่านนานเนายิ่งเร้าใจ
"แก้วรอพี่" ที่ทิ้งไป "หม้ายขันหมาก"
แซ่บสูดปาก "ส้มตำ" ทำกันใหญ่
" ดาวเรืองดาวโรย" โหยอ่อนเพลงสอนใจ
"สาวนาสั่งแฟน" เว้าวอนชาย กลับไร่นา
จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า ! ถึงคราวพราก
จำต้องจาก จันทร์ไปไม่เห็นหน้า
ฝากบทเพลงบรรเลงอาลัย..ไม่กลับมา
ได้เวลา พุ่มพวงไป.. ไกลจากจันทร์ !
เห็นดวงจันทร์..ในคืนใหม่ให้หวนนึก
ยังรำลึก ถึงหนึ่งดวงที่ล่วงผ่าน
จันทร์ดวงเก่า เคยเศร้าใจในก่อนนั้น
มากลับกาล เป็นจันทร์เจ้า..เปาวลี !
ร่วมรำลึก ๒๐ ปี ราชินีลูกทุ่งไทย
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
น้องเปา หรือ เปาวลี พรพิมล
สาวจากเมืองสุพรรณบุรีที่หลงใหลการร้องเพลงมาตั้งแต่วัย 5 ขวบ
ขณะนี้เธอกำลังก้าวเข้ามาสู่วงการเพลงลูกทุ่ง และกำลังโด่งดังใน
การรับบทนางเอกภาพยนตร์เรื่องพุ่มพวง เป็นเรื่องราวของราชินีลูกทุ่ง
ที่เป็นดวงใจของคอเพลงลูกทุ่งและชาวไทยทุกคน ในขณะนี้
http://www.thairath.co.th/content/ent/266933
9 มิถุนายน 2555 10:53 น.
ศรีสมภพ
พุทธประวัติเห็นชัดแจ้งแห่งธรรมสัจ
พุทธองค์ทรงปฏิบัติขัดกิเลส
ด้วยความหน่ายในกรงขังปลงสังเวช
ไม่ปฏิเสธโลกิยะ ยากละพ้น
แม้เสพสุขจนสุขสมยังจมปลัก
ยิ่งหนาหนักเกินตะกายให้ฉงน
พบทางออกบอกจริงๆ ต้องทิ้งตน
ให้หลุดพ้นกามสุขที่ขลุกอยู่
ละทางโลก ให้ทางธรรมนำวิถี
ใช้วิธีทรมานให้มันรู้
ละขั้วบวกมาขั้วลบครบสุดกู่
ตรึกตรองดูจนรู้ธรรมนำทางไป
พบทางเลิศเกิดปัญญา.. ศรัทธามั่น
ณ กึ่งกลางทางสองนั้น นั่นสิใช่ !
เลิกสุดโต่งหลงทางสองมองข้ามไป
เส้นทางใหม่ มัชฌิมา .. วิชชาชี้
..ทรมานกั้นกายก็ผ่ายผอม
หรือสมยอมความอยากก็ยากหนี
ทำย่อหย่อนผ่อนต่ำความพอดี
อีกตึงตังตั้งตรงชี้ไม่ดีเลย
มัชฌิมาปฏิปทา.. กล้าประกาศ
ทางที่ชัดตัดขาดทุกข์ สุขวิถี
เรารู้แจ้งแห่งธรรมความพอดี
เดินสายกลาง..ทางนี้ที่พ้นทุกข์
พุทธศาสตร์ ที่ชัดแจ้งแห่งพุทธชน
หากยังวนบนทางโต่งคงปราศสุข
มัชฌิมา.. ทางนี้สิที่พ้นทุกข์
อย่ามัวขลุกฉุกใจคิด.. ปริศนาธรรม !
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
มัชฌิมาปฏิปทา แปลว่า ทางสายกลาง หมายถึง ทางปฏิบัติที่ไม่สุดโต่งไปในทางอุดมการณ์ใดอุดมการณ์หนึ่งเกินไป มุ่งเน้นใช้ปัญญาในการแก้ปัญหา มักไม่ยืดถือหลักการอย่างงมงาย เช่น ถือวัตถุหรือจิตใจมีค่า ยึดสิทธิปัจเจกชนหรือสังคม
สำคัญในทางพุทธศาสนาหมายถึงทางสายกลาง คือ อริยมรรคมีองค์ 8 เมื่อย่นย่อแล้ว เรียกว่า "ไตรสิกขา" ได้แก่ ศีล สมาธิ ปัญญา ที่ไม่ใช่ทางสายกลาง คือ สักแต่ว่ากลาง แต่ไม่กำหนดวิธีที่ถูกต้องเลย คือ การไม่ยึดถือสุดทางทั้ง 2 ได้แก่ อัตตกิลมถานุโยค คือ การประกอบตนเองให้ลำบากเกินไป กามสุขัลลิกานุโยค คือ การพัวพันในกามในความสบาย
7 มิถุนายน 2555 10:43 น.
ศรีสมภพ
บนครรลองทางสองแพร่งแบ่งให้เลือก
มือถูกเชือกมัดให้ชกจำชกสู้
ถูกบังคับโดยอ้อมพร้อมการขู่
โดยมิรู้จุดหมายปลายทางนั้น
ยังมีศักดิ์มีศรีที่จะคิด
เลือกชีวิตลิขิตทางจะสร้างฝัน
มันเป็นสิทธิ์ประชาธิปไตยใช่ไหมนั่น
ก็อยากฝัน แม้ฝันนั้นมันไม่จริง
จำทนอยู่ช่องกลางหว่างความแย้ง
ที่สองแพร่งถูกแบ่งแยกแตกห่างทิ้ง
มันลังเลสงสัยใช่ประวิง
ในความจริงที่อึมครึมซึมกะทือ
เลือกทางเก่าเข้าทางใหม่ใจยังหวั่น
ว่าเลือกนั้นมันถูกต้องจะครองถือ
คงเปลืองเปล่าเข้าจับปลาคาสองมือ
ยากยึดยื้ออย่างไร ต้องใคร่ครวญ
ทางเส้นเดิมเริ่มแรกนั้น บรรพ์บุรุษ
แผ้วถางขุดด้วยแรงกล้าศรัทธาล้วน
หลายรุ่นยุคปลุกปั้นกันขวายขวน
ทุกที่ถ้วนล้วนแลกเลือดเหือดแห้งคา
ทางเส้นใหม่ก็ใหญ่ยิ่งทิ้งแนวเก่า
ให้ลืมเหง้าเก่าก่อนอย่าย้อนหา
ต้องเร่งรุดและรีบรื้อปลดขื่อคา
ก้าวเดินหน้าประชาธิปไตยเพื่อไปต่อ
แพร่งที่สาม.. ไม่ใช่สองที่ต้องเลือก
ไม่มีเชือกมัดมือชก มีไหมหนอ ?
เป็นทางร่วมรวมทางสองไม่ต้องรอ
จะได้ขอเลือกทางนั้นเลิกหวั่นใจ
บนครรลองทางสองแพร่งที่แบ่งชัด
แม้จำกัดเป็นทางร่วม รวมไม่ได้
สร้างบายพาสต์เชื่อมโยงแล้วปลงใจ
ใช้ทางคู่สู่จุดหมาย.. ไม่ดีหรือ ?