3 พฤษภาคม 2550 08:37 น.
ศรทอง
การเรียนบทสุดท้ายของชีวิต สำหรับบางคนนั้นอาจจะแค่ม.6เท่านั้น แต่สำหรับบางคนการเรียนบทสุดท้ายของเขานั้น ไม่ใช่แค่ม.6หรือระดับอุดมศึกษา ความมายของคำว่า "การเรียนบทสุดท้าย ของชีวิตนั้นอาจจะหมายถึง การเรียนก่อนที่จะสิ้นลมหายใจ เพราะสำหรับบบางคนแล้วการเรียนเป็นชีวิตของเขา เดี๋ยวนี้มีสื่อการเยนการสอนมากมาย แต่บางคนไม่สนใจสื่อพวกนี้เลย แต่สำหรับบางคนชอบมากกับสื่อพวกนี้ การเรียนบทสุดท้ายของชีวิตแล้วแต่ว่าใครจะมีความพยายามค้นคว้า หรือมีความพยายามในการเรียนมากน้อยแค่ไหน บางคนชอบเรียนหนังสือ ชอบค้นคว้าจากหนังสือ หรือสื่อการเรียนรู้ต่างๆแล้วคนจำพวกนี้ก็เป็นเด็กที่ทางบ้านไม่ค่อยจะมีเงินจะส่งเรียนต่อ บางคนก็ต้องไปสอบชิงทุนการศึกษาในระดับอุดมศึกษาหรือ ในระดับเตรียมอุดมศึกษาหรือในระดับมัธยมศึกษานั้นเอง การเรียนบทสุดท้ายของคนที่ร่ำรวยนั้นคงจะเป็นแค่ในระดับอุดมศึกษา เท่านั้นเองแต่สำหรับคนที่ทางบ้านไม่ค่อยมีฐานะ การเรียนรู้ของคนจำพวกนี้การเรียนก็จะหมุนไปรอบๆตัวของเขา การเรียนในที่นี้ไม่ใช่การเรียนทางวิชาการ แต่เป็นการเรียนในสิ่งที่เขาต้องเจอ เช่น การถูกหักหลังจากเพื่อน หรือการเจอคนรวยหรือเจ้านายที่ไม่ดีต่อคนจำพวกนี้บ้าง เพราะฉะนั้นคนที่ไม่ค่อยมีฐานะร่ำรวยหรือเรียกง่ายๆว่า "คนจนนั้นเอง" คนจนมักจะถูกคนรวยนั้นต่อว่า เสมอๆ เรียกได้ว่าถูกต่อว่าตั้งแต่รุ่นปู่หรือ พ่อแม่ พอมาถึงรุ่นลูกหรือรุ่นหลานก็จะโดนต่อว่าหนักขึ้นเรื่อยๆ
สรุปง่ายๆคือคนจนมักจะชอบเรียนหนังสือหรือค้นคว้าทางการศึกษามากกว่าคนรวย ขนาดว่าคนรวยนั้นมีทุกอย่างเพียบพร้อม แต่กลับไม่ชอบเรียนหนังสือ หรือค้นคว้านั้นละครับ
30 เมษายน 2550 09:25 น.
ศรทอง
เด็กๆญี่ปุ่นในช่วงนั้นไม่ว่าจะ หญิงหรือชาย ไม่ว่าจะเด็กเล็ก เด็ก วัยรุ่น ก็ลำบาก โดยเฉพาะวัยรุ่นในช่วงนั้นเหมือนกับถูกบังคับไม่ให้คบเพื่อนผู้หญิง เด็กและเด็กเล็กก็เช่นกัน จนวันหนึ่งเด็กๆเหล่านี้รวมตัวกันพับนกสันติภาพ นกสันติภาพนี้ทำมาจากกระดาษสีขาว สีขาวเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพ ก่อนที่เด็กๆเหล่านี้จะมารวมตัวกันพับนกนั้น เขาได้ข่าวเกี่ยวกับสงครามกลางเมือง ว่า "มีเด็กหญิงที่โดนลูกหลง และตอนนี้นอนอยู่ที่โรงพยาบาล และเริ่มต้นพับนก เพราะอยู่ที่โรงพยาบาลนั้นว่าง ไม่มีอะไรทำ ก็เลยขอกระดาษจากพยาบาล และเริ่มพับนก ไปเรื่อยจนเธอเป็นข่าว" เมื่อเด็กๆเหล่านี้ ได้ข่าว เด็กๆเหล่านี้จึงเริ่มพับนก พับไปเรื่อยๆ จนได้หลายแสนตัวและส่งไปให้รัฐสภาของญี่ปุ่น เมื่อรัฐสภาได้รับนกสันติภาพหลายแสนตัว และมีจดหมายแนบมาด้วยว่า " เราได้รับข่าวจากโทรทัศน์แล้วว่า" มีเด็กหญิงคนหนึ่งโดนลูกหลงจากสงครามกลางเมือง และได้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล และเธอก็เริ่มพับนกขาวหรือนกสันติภาพ เริ่มพับเรื่อยๆจนได้หลายแสนตัว เราจึงเริ่มพับเพื่อช่วยเธอ ช่วยนำนกสันติภาพพวกนี้ไปปรอยให้ทั่วเมือง และจงทำความเข้าใจกับทั้งสองฝ่ายด้วย เราไม่อยากเห็นความสูญเสียเกิดขึ้นกับเด็กที่ไม่รู้เรื่องอีก
และไม่นานสงครามกลางเมืองก็จบลง เพราะ นกสันติภาพของกล่มเด็กๆเหล่านี้
30 เมษายน 2550 08:11 น.
ศรทอง
ปลายทางของคนแต่ละคนไม่เหมือนกันหรืออาจจะเหมือนกันในบางคนแต่ก็หาได้น้อยมาก ปลายทางก็เหมือนกับความสำเร็จทางการศึกษา แล้วพอเริ่มทำงานแล้วก็เริ่มต้นใหม่จนกะทั่งเราคิดว่าเราควรพอแล้วนั้นละคือปลายทางของการทำงาน บางคนเมื่อถึงปลายทางของการศึกษาแล้ว ก็อาจจะค้นหาตัวเองโดยการไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือการไปเที่ยวแบบ Off Road นั้นเอง บางคนก็ค้นหาตัวเองจนเจอแล้วก็เจอจุดมุ่งหมายด้วยว่า สุดท้ายไม่ใช่ที่ปลายทาง ปลายทางของคนเราในการศึกษาไม่เหมือนกันแล้วแต่ว่าคนเราจะมีความพยายามมากน้อยแค่ไหน บางคนที่มีความพยายามมาก ก็อาจจะได้เรียนสูงๆแต่สำหรับบางคนที่ไม่พยายามเรียนให้สูง สุดท้ายก็จบแค่ม.6แล้วก็ไม่เรียนต่อ คนที่อยากเรียนสูงๆกับจน แต่คนที่ไม่อยากจะเรียนสูงๆ หรือขี้เกียจจะเรียนนั้นกับมีเงินล้นฟ้า ต่อไปการเข้าทำงานนั้นเป็นเรื่องที่การศึกษาว่าสูงแค่ไหน การศึกษาสูงมากแค่ไหนก็ได้เงินเดือนดี แต่ถ้าการศึกษาต่ำ เงินเดือนก็ต่ำไปด้วย แล้วส่วนใหญ่คนที่เก่งๆนั้นจะมาจากต่างจังหวัด
เพราะฉะนั้นปลายทางของคนแต่ละคนต่างกันอย่างสิ้นเชิงไม่มีและปลายทางของการศึกษานั้นไม่เหมือนกันแล้วแต่ความพยายามของแต่ละคนนะครับ
27 เมษายน 2550 13:27 น.
ศรทอง
ชายคนนี้เป็นคนกรุงเทพ วันหนึ่งชายคนนี้ก็ไปสมัครงานไปทำงานต่างประเทศ ชายคนนี้ขยันขันแข็ง และเขาก็โชคดีที่ได้งานที่เมืองผู้ดีหรือประเทศอังกฤษนั้นเอง วันแรกที่เขาไปทำงานและวันที่เขาอยู่วันแรก เขาก็คิดถึงบ้านแต่เขาก็บอกกับตัวเองว่า "คึดถึงไปก็เท่านั้นละ เขาบอกกับตัวเองมาตลอด" และเขาก็โชคดีที่ได้ทำงานที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในอังกฤษวันแรกที่เขาทำงานเขาขยันทำงานจนขนาด นายเขาที่เป็นคนไทยยังชมเลยว่า " ขยันทำงานจริงๆ นายเนี่ย" เวลาเขาคิดถึงบ้าน เขาก็ทำแต่ งาน งาน งานและงาน เขาไม่เคยกับบ้านเลย เขาส่งเงินไปอย่างเดียว จนวันหนึ่งทางบ้านได้รับจดหมายจากชายคนนี้ ทางบ้านสรุปความว่า "เขาได้รับตำแหน่งเป็น ที่ปรึกษาของประธานบริษัทเลย และเขาบอกว่าจะขอลากลับบ้านสักสองอาทิตย์ แล้วไม่นานเขาก็กลับมาจริงๆและเมื่อวันที่เขาลาก็ครบสองอาทิตย์พอดี และเขาก็กลับไปทำงาน
งานพวกนี้เป็นงานวัดดวงและความขยันของคนจริงๆนะครับ บางคนได้งานดีแต่ตัวเองไม่ขยัน แต่บางคนได้งานไม่ดีแต่ขยันสักอย่างใครเห็ใครก็รัก
27 เมษายน 2550 13:06 น.
ศรทอง
เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะประเทศจีนช่วงนั้นเศรษฐกิจตกต่ำ ชาวจีนส่วนใหญ่จึงต้องอพยพมาทำงานที่ประเทศไทยโดยนั่งเรือสำเภามาจากประเทศจีน และมาเทียบท่าที่แม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนมากจะตั้งรกรากที่ประเทศไทยเลยหรืออยู่จนชั่วลูกชั่วหลานนั้นละครับ แตก็มีครอบครัวหนึ่งได้พาลูกชายของเขาอพยพมาจากประเทศจีนด้วย และได้เข้าเรียนที่เมืองไทยต่อจากที่เรียนที่เมืองจีน แรกๆเพื่อนก็ล้อเขาว่า "ว้าย! พูดไม่ชัด" แต่หลังๆเขาก็ชินและเพื่อนก็เลิกล้อไปเอง เพื่อนมีเหตุผลที่เลิกล้อว่า "เนี่ยคนจีนเนี่ยขยันและนิสัยดีกว่าคนไทยซะอีกมีอะไรก็ช่วยเหลือตลอด" ส่วนด้านพ่อแม่ของเขา คนจีนขยันขันแข็งแรกก็เช่าบ้านอยู่แต่ไม่นานเขาก็ซื้อบ้านอยู่ เวลาผ่านไปเร็วเหมือนโกหก จากเด็กชายที่ขยันขันแข็งก็กลายเป็นผู้ใหญ่ที่ขยันขันแข็งช่วยเหลือ พ่อและแม่เขาทำงาน อ่อ!ลืมบอกไปหลังจากซื้อบ้านได้ไม่นานพ่อและแม่ของเขาก็สร้างกิจการเป็นของตัวเอง นี้ละลูกของเขาช่วยพ่อแม่ทำงานตั้งแต่เด็กๆ จนตอนนี้โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว และไม่นานอีกเช่นกันเขาก็แต่งงานและมีลูก เขามีครอบครัวเล็กๆแต่ครอบครัวเล็กๆนี้ก็เงินไม่ขาดมือ เพราะขยันขันแข็งกันทุกคนและก็ทำแบบนี้ชั่วลูก ชั่วหลานเลยละครับ