19 เมษายน 2550 10:34 น.
ศรทอง
เรื่องเกี่ยวกับดาบศักสิทธิ์แห่งไฟได้มีเรื่องเล่าต่อกันมาหลายๆชั่วอายุคนบนแท่นหินมีคำสลัก "ไว้ว่าดาบเล่มนี้ถ้าใครดึงดาบเล่มนี้ออกจากแท่นหินได้ผู้นั้นต้องมีบุญญาธิการมากและผู้ที่ดึงดาบนี้ออกจะได้เป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่และจะได้ครอบครองดินแดนหลายๆดินแดนในคราวเดียว" วันหนึ่งมีอัศวินคนหนึ่งได้หลงป่าและได้เข้าไปในถ้ำและได้เห็นดาบศักสิทธิ์แห่งไฟที่เล่าขานกันมานานหลายชั่วอายุคน อัศวินคนนี้ได้ลองดึงดาบออกจากแท่นหินและเรื่องที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น อัศวินผู้นี้ดึงดาบศักสิทธิ์ออกจากแท่นหินได้ เมื่อชาวเมืองหรือชาวบ้านได้รู้ข่าวไม่นานอัศวินผู้นี้ก็ได้เป็นกษัตริย์อย่างที่บนแท่นหินสลักเอาไว้จริงๆต่อมาอัศวินผู้นี้ก็จัดประชุมเหล่าอัศวินเพื่อไปล่าอาณานิคมตามหัวเมืองต่างๆและได้หัวเมืองต่างๆในแต่ละทวีปมาเป็นของเมืองนี้ เมืองกษัตริย์เสด็จกลับมาถึงเมืองท่านทรงสั่งให้โหรทำนายดวงชะตาเมืองและตัวท่านเองด้วย โหรได้ทำนายเอาไว้ว่า "อืม!เมืองของท่านเนี่ยจะอยู่เย็นเป็นสุขถ้าท่านมีพระราชโอรสไว้สืบราชบัลลังก์แต่ถ้าหากท่ามีพระราชธิดาท่านจะร้อนรุ่มเมืองจะลุกเป็นไฟท่านมีพระราชธิดาไม่ได้พระราชธิดาเป็นกาลีบ้านกาลีเมืองเมื่อมเหสีห์ของท่านตั้งครรภ์ท่านก็ลุ้นรอเป็นเวลาเก้าเดือน เมื่อถึงวันคลอดท่านก็ลุ้นว่าให้ได้พระราชโอรสเมื่อมเหสีห์ของท่านคลอดออกมาเป็นพระราชโอรสกษัตริย์ได้ยินดังนั้นก็ดีใจมาก เวลาผ่านไปยี่สิบปี....................โอรสของท่านเติบโตเป็นหนุ่มที่กล้าหาญและแข็งแรงท่านจึงให้โอรสของท่านขึ้นครองราชย์ต่อจากท่านเพราะท่านแก่มากแล้วโอรสของท่านก็ยอมขึ้นครองราชย์และท่านก็หาพระมเหสีห์และครองราชย์กับมหเสีห์ที่รักของท่านและหัวเมืองต่างๆที่ท่านพ่อหามาตลอดไป
19 เมษายน 2550 08:14 น.
ศรทอง
เด็กชายคนนี้ได้ใช้ปากกาที่ตกทอดมาถึงรุ่นของเขาเขาใช้ปากกาวาดรูปเงินหลายล้านปอนด์ ทั้นใดนั้น!รูปเงินที่เขาวาดมันหลุดมาออกจากกระดาษในตอนแรกเขาก็ไม่เชื่อสายตาตัวเองเหมือนกันเขาจึงลองหยิบมันออกมาแล้วบอกกับพ่อแม่ว่า "พ่อแม่ปากกาแท่งนี้มหศจรรย์จริงๆ"เมื่อพ่อแม่ฟังจบเขาก็บอกกับลูกเขาว่าปากกาแท่งนี้เป็นปากกาวาดฝันเป็นปากกาวิเศษที่ปู่ทวดของลูกเจอที่อิตาลีเลยซื้อกลับมาเพราะเห็นว่าสวยดีและดูมีราคาด้วยปู่ทวดของลูกซื้อมาจากร้านขายของเก่าในอิตาลี"เมื่อเด็กชายฟังจบก็บอกกับแม่ของเขาว่า "แสดงว่าปากกาแท่งนี้เป็นของเก่าแก่ ใช่ไหมฮะ?"ใช่แล้วลูกแม่ตอบ ตั้งแต่ปู่ทวดของลูกเอามันกลับมาบ้านก็มีเรื่องที่มหศจรรย์เกิดขึ้นคือปู่ทวดของลูกเนี่ยเป็นคนชอบวาดรูปวัหนึ่งปู่ทวดของลูกก็หยิบปากกาขึ้นมาแล้ววาดรูปเป็นคฤหาสน์หลังใหญ่ขึ้นมาหลังหนึ่ง ทันใดนั้นคฤหาสน์หลังใหญ่ก็อยู่ในที่ดินของปู่ทวด "อ้าว!แล้วทำไมเราไปอยู่ที่คฤหาสน์หลังใหญ่นั้นละฮะ" ก็เพราะว่าหลังจากนั้นไม่นานทางรัฐก็ยึดคฤหาสน์หลังใหญ่หลังนั้นแล้วให้คำตอบกับปู่ทวดว่า"คฤหาสน์หลังใหญ่หลังนี้ดูจากสถาปัตยกรรมแล้วเหมาะมากที่จะทำเป็นพิพิธภัณฑ์" ต่อจากนั้นอีกไม่นานก็เกิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีเสียงอภิปรายไม่ไว้วางใจสูงกว่าเสียงที่ไว้วางใจเพราะฉะนั้นเขาจึงสั่งรื้อคฤหาสน์หลังใหญ่นั้นทิ้ง"แล้วก็ไม่มีใครไปแตะปากกาของปู่ทวดของลูกอีกเลยจนมาถึงรุ่นลูกนี้ละ"เมื่อลูกฟังจบลูกก็ถามว่าแม่รู้เรื่องนี้ได้ยังไง"ที่แม่รู้เรื่องเพราะปู่ทวดของลูกเนี่ยได้เขียนบันทึกทิ้งเอาไว้นะสิเมื่อเด็กชายฟังเรื่องที่แม่เล่าให้ฟังจบก็ไม่ไปแตะปากกาแท่งนั้นอีกเลย
18 เมษายน 2550 16:51 น.
ศรทอง
นักเรียนชั้นม.6ของโรงเรียนหนึ่งได้รับข่าวจากผ.อ.ว่าท่านรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาจากกรุงเทพฯมาแจ้งข่าวเรื่องการสอบชิงทุนเข้ามหาลัยฯในกรุงเทพผ.อ.แจ้งว่า "ใครที่มีเกรดเฉลี่ย3.50ขึ้นไปใครอยากได้ทุนเรียนฟรีจนถึงปริญญา-เอกให้มาติดต่อผ.อ."มีนักเรียนคนหนึ่งมาติดต่อสอบชิงทุนเข้ากรุงเทพ ผ.อ.ได้พิจารณาเกรดเฉลี่ยแล้วผ.อ.ก็บอกกับเด็กคนนั้นว่า "อืม! เกรดเฉลี่ยเธอเนี่ยอยู่ในขั้นเกือบดีมากเอางี้งั้นเดี๋ยวฉันคุยกับท่านรัฐมนตรีให้แล้วกันได้เรื่องยังไงเดี๋ยวมาแจ้ง" เด็กคนนั้นก็รอ รอได้3วันผ.อ.ก็มาแจ้งว่าท่านรัฐมนตรีได้พิจารณาแล้วท่านได้บอกว่า"ท่านรับเธอเข้าทุน" เมื่อเด็กคนนั้นได้ยินก็ดีใจมากเขารีบไปบอกผู้ปกครองของเขาเลยเมื่อผูปกครองของเขาก็คือ พ่อกับแม่ได้ยินก็ดีใจมากเหมือนกัน พอถึงวันเดินทางจริงเขานอนไม่หลับเลยเพราะเขาตื่นเต้นและดีใจที่จะได้เข้ากรุงเทพฯ เขาได้ไปเข้ามหาลัยที่กรุงเทพฯจริงๆอย่างที่เขาฝันมานาน และแล้วเวลาก็ผ่านไปเร็วมากเด็กคนนั้นได้เรียนจบปริญญาเอกอย่างที่เขาฝันเขาได้เป็นดร.และเข้ารับราชการ เขาเข้ารับราชการได้ไม่นานก็ได้ตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีและก่อนได้รับตำแหน่งรองนายกฯ3เดือนเขาได้ตำแหน่งเป็นศาสตราจารย์และเขาก็มีลูกและครอบครัว
"ไม่น่าเชื่อว่าจากเด็กต่างจังหวัดได้ทุนเรียนมหาวิทยาลัยและรับราชการได้ตำแหน่งเป็นศาสตราจารย์และอีก3เดือนต่อมาเขาก็ได้รับตำแหน่งรองนายกฯไม่น่าเชื่อจริงๆ"
18 เมษายน 2550 10:49 น.
ศรทอง
วันที่ฝนตกฉันจะชอบตรงที่เสียงฝนกระทบพื้นเป็นเวลาที่ใช่คิดอะไรได้มากเลยแต่ทุกวันนี้โลกเปลี่ยนไปทุกอย่างเร็วขึ้นฤดูกาลก็ไม่ตรงกับเดือนหน้าแปลกฝนตกตอนเดือนของฤดูร้อนมันเวลาฝนตกทำให้คิดอะไรๆได้มากทำให้คิถึงความหลังได้ทุกๆอย่างมีเริ่มต้นและจบลง ปากกาที่ไร้หมึกเป็นเรื่องปกติสำหรับทุกคนแต่สำหรับคนบางคน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หน้าแปลก ฉันก็ไม่ค่อยชอบเรื่องโลกหมุนเร็วขึ้นทุอย่างก็เร็วขึ้นตามกาลเวลาก็เมือนปากกาที่ใช่ได้ไม่เท่าไรหมึกก็หมดเป็นเพราะโลกหมุนเร็วขึ้นหรือเปล่า ฉันเคยซื้อปากกามาแท่งหนึ่งใช่ได้ไม่เท่าไรหมึกก็หมดเป็นเพราะโลกหมุนเร็วขึ้นกระมัง บางคน มีความเชื่อว่าต้องเจอกันมากกว่าสามครั้งถึงจะช่วยเหลือกันได้แต่ไม่จริงหรอกความจริงพิ่งจะเจอกันก็ใช่การยิ้มนี่ละเป็นตัวเชื่อมสัมพันธไมตรี บางอย่างหมดก่อนที่มนุษย์รุ่นปัจจุบันจะถือกำเนิดขึ้นสักอีก เพราะฉะนั้นธรรมชาติเป็นสิ่งที่ประเสริฐธรรมชาติเป็นสิ่งที่มนุษย์จะหลีกเลี่ยงไม่ใช้ทรัพยากรทางธรรมชาติ และมีอีกหลายๆอย่างที่เสียหายไปตามกาลเวลามนุษย์ก็เช่นกัน
18 เมษายน 2550 08:26 น.
ศรทอง
มีดินแดนอยู่สองดินอดน คือ ดินแดนแห่งไฟ และ ดินแดนแห่งน้ำแข็งสองดินแดนทำสงครามกันไม่เคยชนะสักครั้งจนวันหนึ่งได้มีพ่อมดแห่งลมซิ่งเดินทางมาจากดินอดนอันไกลโพ้น เมื่อพ่อมดแห่งลมได้มาถึงดินแดนแห่งไฟ พ่อมดจึงถามจักรพรรดิ์ว่า "มีอะไรให้ข้าช่วยไหมท่าน" เมื่อพ่อมดถามจบ จักรพรรดิ์ก็ตอบ-ว่า"อ่อ ข้ามีอะไรให้ท่านช่วยหน่อย ท่านช่วยร่วมทำสงครามกับเราได้ไหม"พ่อมดก็ตอบว่า"อ่อ ได้สิเพราะข้าอยู่ดินอดนแห่งลมข้าก็เป็นขุนศึกแห่งลม"เมื่อพ่อมดพูดจบ จักรพรรดิ์ก็บอกกับพ่อมดว่า"ถ้าเช่นนั้นเราวางแผนกันเลย" เราไปดูอีกดินแดนหนึ่งดีกว่า ดินแดนแห่งน้ำแข็งก็ได้รับความช่วยเหลือจากพ่อมดแห่งน้ำเช่นกันและแล้วพ่อมดแห่งน้ำได้ตกลงทำสงครามกับดินแดนแห่งน้ำแข็งเช่นกัน ทางดินแดนแห่งไฟได้ส่งทหารม้าเข้าไปส่งสารให้กับดินแดนแห่งน้ำแข็งในสารที่ส่งไปได้ความว่า "ข้าขอท้าเจ้าทำสงครามถ้าเจ้ากล้าพ่อเจ้าก็ยกทัพออกมารบกับข้าเจอกันที่หัวเมืองของข้า"เมื่อจักรพรรดิ์ผู้ครองเมืองน้ำแข็งเมื่ออ่านดูแล้วก็โกรธอย่างมากแล้วท่านก็พูดออกมาว่า "ฮืม! คิดว่าข้าไม่กล้าหรือไง"ท่านก็ทรงบอกกับทหารว่า "เจ้ารีบไปเตรียมกองทัพให้พร้อมเราจะออกเดินทางกันวันรุ่งขึ้น" วันรุ่งขึ้นจักรพรรดิ์ผู้ครองเมืองน้ำแข็งก็ยกทัพไปที่หัวเมืองแห่งไฟและเริ่มสู้รบกัน.................สุดท้ายดินแดนแห่งไฟก็พ่ายแพ้ไปอย่างราบคาบ และสองดินอดนนี้ก็ต่างคนต่างอยู่โดยไม่สู้รบกันอีกเลย
The End