14 พฤษภาคม 2550 16:19 น.
ศรทอง
ความรู้สึกที่เศร้าและช่วงที่คนหลายๆคน อยากจะหยุดเวลาเอาไว้แต่มันก็ทำไม่ได้ ความรู้สึกแบบนี้มันอยู่ที่ใจคนเท่านั้น ถึงแม้จะหยุดเวลาไม่ได้ความรู้สึกที่ดีที่จะอยู่ในใจใครต่อหลายคน ตลอดไป สำหรับผมนั้นพิ่งจะผ่านด่านแรกของความเศร้าและอาลัยอาวรณ์กับเพื่อน คือตอนช่วงป.6 ช่วงเวลาเหล่านั้น เป็นช่วงเวลาท่ดีที่สุดในใจของใครบางคน เดี๋ยวผมก็จะเจอด่านที่สอง คือตอน ม.3นั้นเอง บางคนช่วงเวลาที่จะแยกจากกันนั้น บางคนอาจจะร้องไห้ หรือไม่ก็คึดถึงเพื่อนๆในห้องมาก โดยเฉพาะเพื่อนที่สนิทกันมากๆ ต้องแยกจากกัน มันหน้าเศร้ามากนะครับ ช่วงเวลาเหล่านี้เป็นช่วงเวลาที่หน้าเศร้า ผมว่านะครับช่วงเวลาที่หน้าเศร้าที่สุดในการต้องแยกจากเพื่อนไปนั้น คือช่วงม.6นั้นเอง เพื่อนบางคนเนี่ยคบกันมาตั้งแต่ม.1หรือไม่ก็ป.6เลยทีเดียว และก็อยู่ห้องเดียวกันมาตลอดแต่พอม.6 ต้องแยกจากกันนั้น ผมว่ามันน่าเศร้ามากเลยนะครับ ตอนป6นั้นผมก็ใจหายเหมือนกันที่อีกไม่กี่วันก็ต้องแยกจากกัน รู้สึกใจหายและดีใจในเวลาเดียวกัน มันยังไงก็ไม่รู้บอกไม่ถูก ความใจหายนั้นก็คือต้องแยกจากกับเพื่อนที่สนิท และความดีใจนั้นก็คือการที่จะได้ไม่ต้องเจอหน้าเพื่อนที่ชอบแกล้งเรามาตลอด ผมรู้สึกแบบนี้ละครับ
" สรุปง่ายๆเลยก็คือ การแยกจากนั้นมันต้องมีกันบ้างในชีวิตคนเรา คนเรานั้นจะให้มีความสุขตลอดไปเลยก็ไม่ได้ ชีวิตคนเรานั้นมันต้องมีทั้งสุขและทุกข์นั้นเอง
8 พฤษภาคม 2550 15:04 น.
ศรทอง
ฟ้าหลังฝนสำหรับคนส่วนใหญ่นั้นมักจะสวยงาม ฟ้าหลังฝนนั้นที่เขานำมาเปรียบเทียบกับชีวิตคนนั้นก็เพราะ ฟ้าหลังฝนมักจะมีสายรุ้งขึ้นตามมาหลังฝนตก เขาก็เปรียบเหมือนชีวิตคนเราที่เจอเรื่องร้ายๆมา แต่จะมีสิ่งดีๆตามมาทีหลัง แต่สำหรับบางคนฟ้าหลังฝนจะไม่สวยงามเพราะบางคนนั้น เจอแต่ฝนและพายุที่โหมกระหน่ำมาตลอดอย่างไม่หยุดหย่อน คงจะเจอฟ้าหลังฝนได้ยากที่ผมเปรียบเทียบนี้มหายถึงคนที่โชคร้ายตลอด คนประเภทนั้นคงจะเจอฟ้าหลังฝนยาก แต่ฟ้าหลังฝนยังไงๆทุกๆคนต้องเจอ ไม่ว่าจะช้าหรือจะเร็ว ไม่มีใครจะโชคร้ายไปตลอดก็เหมือนกับฝนและพายุที่โหมกระหน่ำมาตลอด แต่ยังไงๆแล้วพายุและผมเหล่านั้นก็ต้องหยุดและเป็นฟ้าหลังฝนที่สวยงามมากเลยละครับ
7 พฤษภาคม 2550 16:45 น.
ศรทอง
สมชายเป็นคนขยันและตั้งใจเรียน เขาเลือกเรียนคณะที่เขาเห็นว่าดีและเขาชอบมากที่สุด เจาขยันแลตั้งใจเรียนอย่างที่ผมบอกไป จนวันหนึ่งอาจารย์ประจำวิชาที่เขาชอบ ได้ถามเขาว่า "เออ!สมชาย เธอเนี่ยขยันเรียนและตั้งใจเรียนมาก ครูกะจะส่งเธอเนี่ยไปเรียนต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเดี่ยวครูจะให้เธอ จบปริญญาตรีก่อนแล้วครูจะส่งเธอไปเรียนปริญญาโทที่สหรัฐฯ เธอสนใจจะไปเรียนไหม " "เออ! ผมต้องลองถามทางบ้านดูก่อนนะครับแล้วเดี่ยวผมจะให้คำตอบครูวันพรุ่งนี้ " สมชายรีบไปถามคนทางบ้านเลยว่า ทางบ้านเขานั้นอนุญาติให้เขานั้นไปเรียนต่อรึเปล่า เขาให้คำตอบกับครูของเขาว่า " ทางบ้านของผมอนุญาติให้ผมไป เพราะจะได้เป็นอนาคตของตัวผมเองครับ " ครูเลยบอกกับเขาว่า " งั้นดีเลยเดี่ยวครูจะไปจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายให้แล้วถ้ามีอะไรคืบหน้าครูจะรีบมาบอกนะ ไม่ต้องห่วงนะ " และแล้วเขาก็ได้ไปเรียนเมืองนอกสมใจ และพอเขากลับมา เขาก็ได้ไปสมัครงานแต่เขาได้เกีรยตนิยมอันดับหนึ่ง และขยันทำงานมาก ไม่นานเขาก็ได้ตำแหน่งไปเป็นรองประธานบริษัทได้ในไม่นาน
"เห็นไหมละครับคว่มขยันมันทำให้เราเป็นคนใหญ่คนโตได้ในไม่นาน และที่ผมจะบอกนี้คือ เขาเป็นเด็กบ้านนอกหรือถ้าเรียกดีๆหน่อยคือ เด็กชนบทนั้นเอง "
4 พฤษภาคม 2550 11:25 น.
ศรทอง
มุมมืดในใจมนุษย์สำหรับบางคนนั้นยากที่จะเยี่ยวยา เพราะบางคนไม่มีเพื่อน หรือไม่ก็โชคร้ายที่เพื่อนไม่ชอบหน้าเราซะเท่าไร แต่ยังไงๆก็แล้วแต่ มุมมืดในใจมนุษย์ก็ต้องมีอยู่กับเขาเหมือนกัน ทุกๆคนก็ต้องมีมุมมืดในใจคน บางคนไม่มีเพื่อนก็คิดมากนั้นละ คือมุมมืดในใจคน การคิดมากหรือกังวลอะไรบางอย่าง นั้นละมนุษย์เราเรียกว่า มุมมืดในใจของคนนั้นๆ สำหรับคนที่มีความสุขก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีมุมมืดเลยซะทีเดียว มุมมืดในใจมักจะมาพร้อมกับความทุกข์ มุมมืดในใจสำคัญคือต้องได้รับกำลังใจจากเพื่อนรอบข้าง หรือเพื่อนที่สนิท เพื่อนหรือคนรอบข้างที่ให้กำลังใจเหล่านั้น นั้นละ เป็นแสงสว่างที่จะพาเราออกจากมุมมืด บางคนไม่เคยมีความทุกข์เลย คนเหล่านั้นคือ คนที่มีทุกๆอย่างเพียบพร้อม คือพวกคนรวยหรือมหาเศรษฐี คนพวกนี้คิดว่าตัวเองไม่มีความทุกข์ แต่จริงๆแล้วความทุกข์มันอยู่กับเราตลอด แค่ตอนเรามีความสุข ความทุกข์นั้นจะอยู่หลังเรา ในทางกลับกัน ถ้าเมื่อใดมีความทุกข์ ความสุขก็จะอยู่หลังเราเหมือนกัน ความสุขมีหลายประเภท คือ ความสุบทางวัตถุและความสุขในใจ พวกมหาเศรษฐีหรือคนรวย คนเหล่านี้จะมีความสุขทางวัตถุมากกว่า ความสุขทางใจ ความสุขทางวัตถุคือ พวกเงินทอง หรืออะไรที่ไปกระตุ้นกิเลสของคนเรา ประเภทที่สอง คือความสุขทางใจ ความสุขใจคือการได้ช่วยเหลือผู้อื่น นั้นละความสุขทางใจ ความสุขทางใจจะอยู่กับเราตลอดเวลา แต่ถ้าเป็นความสุขของวัตถุ คนเรามีความสุขเฉพาะมีวัตถุเท่านั้น เมื่อเราไม่มีวัตถุที่ทำให้เรามีความสุข เราก็จะเกิดความทุกข์
สรุปง่ายๆคือ ความสุขที่ได้รับจาการช่วยเหลือผู้อื่นนั้นจะอยู่กับเราตลอดแต่ถ้าป็นความสุขทางวัตถุมักจะอยู่กับเราไม่ได้นานนักหรอครับ
3 พฤษภาคม 2550 17:19 น.
ศรทอง
การเปลี่ยนโรงเรียนของผมครั้งที่สองของผมคือ การเปลี่ยนโรงเรียนจากโรงเรียนประถมศึกษาสิ่งเป็นโรงเรียนเอกชน มาอยู่โรงเรียนรัฐบาล ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมมศึกษา วันแรกที่ผมได้เจอเพื่อนใหม่ๆ ผมไม่ค่อยอยากจะเจอหน้าหรือ คุยด้วยด้วยซ้ำไป แต่ตอนปฐมนิเทศผมได้เจอเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งมาจากโรงเรียนในเครือของผมซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนเหมือนกัน ครั้งแรกที่เจอกัน ผมก็รู้สึกถูกชะตากับเพื่อนคนนี้ พอเริ่มคุยด้วย คุยไปคุยมาก็มีความรู้สึกว่า " เออ! คุยถูกคอกับตาคนนี้วะ "พอถึงวันเปิดเทอมก็เจอเพื่อนอีกคนหนึ่ง ซึ่งมาจากโรงเรียนรัฐบาล แต่ก็รู้สึกคุยคุยถูกคอ อีกละ แต่คุยกันไม่นาน เขาก็ไปรู้จักกับเพื่อนใหม่อีกสองคน และพาเพื่อนใหม่สองคนนั้น มาทำความรู้จักกับผม ไม่น่าเชื่อเลยผมคุยถูกคอกับเพื่อนสี่คนในห้องโดยที่ผมไม่รู้ตัวเลย ในห้องม.1ของผมก็มีเรื่องนุ่น เรื่องนี้เกิดขึ้นมามากมาย ทั้งเพื่อนร่วมห้องประสบอุบัติเหตุบ้างละ วิชาที่ผมไม่ชอบบ้างละ แต่ผมก็ผ่านมาได้ไม่น่าเชื่อเลย เวลานั้นผ่านไปเร็วเสียจริงๆ อย่างตอนที่เปิดเทอม1มีเพื่อนๆอยู่ในห้องตั้ง 50คน แต่พอมาปลายเทอม2นั้นเหลือ แค่48คนเท่านั้น แล้วตอนที่มาฟังผลครั้งที่1 หรือ ที่แบบว่า ไม่ผ่านก็ต้องมาสอบซ่อมอะไรแบบนี้ละครับ วันนั้นก็มีเพื่อนผู้หญิง ออกไปอีกคนหนึ่ง เวลามันเร็วเหลือเกิน ผมจำได้ว่าผมยังมีปัญหากับวิชา ว่ายน้ำอยู่เลยและอีกอย่างคือ ผมจำได้ว่าผมพิ่งฉลองตอนสิ้นปีไปไม่นานนี้เองและมีปัญหากับวิชาว่ายน้ำพิ่งไม่นานนี้เอง แปปเดียวก็จบม.1ซะแล้วเร็วจริงๆเลย ไม่น่าเชื่อว่าจะเร็วอย่างงี้ แต่การมาอยู่โรงเรียนใหม่นี้ก็มีความทรงจำที่ดี และก็ไม่ดีอยู่มากมายเลย จนบรรยายใส่เรื่องสั้นเรื่องนี้ไม่ได้
การมาอยู่ที่โรงเรียนใหม่ทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆได้มากมายเลยละครับ