21 มกราคม 2548 16:49 น.
ศพเดินได้
รุ่งอรุณในวันนี้ช่างเป็นเช้าที่สดใสยิ่งนัก เป็นรุ่งอรุณที่ไม่เหมือนเดิม เหมือนกับโลกแห่งใหม่ที่มีแต่ความสุขเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่กิจวัตรประจำวันก็เหมือนกับทุกวันที่ผ่านมา แต่กลับดูเหมือนว่าไม่เคยมีชีวิตเช่นนี้มาก่อน แต่ทว่าเมื่อกลับมาหวนคิดถึงในเวลาข้างหน้า น้ำตาแห่งความเศร้าก็แทบจะพรั่งออกมา ในตอนนี้ผมไม่มีน้ำตาแห่งความสิ้นหวังอีกแล้ว หากจะมีแต่น้ำตาแห่งการลาจาก ซึ่งจะเกิดในอีกเพียงไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าเท่านั้น ผมรอเวลาให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ เพียงเพื่อรอเวลาเที่ยงเพื่อที่ไปยังสวนหย่อมแห่งนั้น เธอคงจะมานั่นแหละ ผมเดินไปยังบ่อปลานั่งลงที่โขดหินชมฝูงปลาที่แหวกว่ายในน้ำ ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างหลังผม ผมจึงหันไปมอง
ตายแล้ว ฉันทำเธอตกใจหรือเปล่านี่ ใบฝ้ายนั่นเอง
เปล่าเลย
วันนี้เธอมาที่นี่เร็วกว่าปกติ
เพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ฉันจะได้อยู่ที่นี่
จริงสินะ พรุ่งนี้เธอก็ไปจากเมืองนี้แล้ว ผมและเธอเงียบอยู่พักใหญ่เพราะไม่ต้องการที่จะพูดถึงเรื่องนี้ นี่แหนะนพ. เมื่อคืนวันเกิดที่บ้านเธอสนุกหรือเปล่า
ก็ครื้นเครงดี ผมตอบสั้น ๆ เธอคิดดีแล้วหรือที่มอบของขวัญอันมีค่านี้ให้กับฉัน
ฉันคิดดีที่สุดแล้ว. นพ อย่างที่ฉันบอกเธอเมื่อคืนนี้แหละ ฉันไม่เสียดายหรอกเพราะฉันอยู่ที่นี่อยู่ใกล้ตลอดเวลา แต่เมื่อเธอเก็บสร้อยนี้ไว้ ความทรงจำดี ๆ จะอยู่กับเธอ ผมคิดในใจ ผมและเธอพูดไปพูดมาก็หนีไม่พ้นเรื่องการจากไปของผมอยู่ดี ผมหัวเราะอยู่ในลำคอนิด ๆ
อือ. ใช่. ฉันชอบบรรยากาศแบบเมื่อคืนนี้มากเลยนะ เธอไม่เคยบอกฉันนี่ว่าที่นี่มีแบบนี้ด้วย
ฉันก็ไม่คิดหรอกว่าจะมีบรรยากาศแบบนั้นในคืนนั้น เพราะมันเกิดขึ้นยากมาก สักครึ่งปีจะมีสักสามสี่ครั้งเท่านั้น โชคดีที่หนึ่งในวันนั้นเป็นเมื่อคืนนี้
ใช่ โชคดีจริง ๆ ฉันรู้สึกโชคดีมากที่ได้มาที่นี่ ฉันได้พบเธอที่นี่และได้พบกับธรรมชาติอันสวยงาม
ฉันเองก็คิดว่าโชคดีที่ได้เจอกับเธอ ผมรู้สึกว่าคุยไปคุยมาอย่างไรก็ตามมันก็หนีไม่พ้นเรื่องนั้นอยู่ดี เก็บไว้อึดอัดเปล่า ๆ
พรุ่งนี้ฉันต้องออกจากที่นี่ตอนแปดโมงเช้า
เร็วจังนะ เร็วเหลือเกิน แม้กระทั่งเวลานี้ก็ช่างเร็วเหลือเกิน ถึงเวลาที่ฉันต้องกลับบ้านอีกแล้ว วันนี้เป็นวันเรียนพิเศษของฉัน เธอพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย ฉันไปนะ เธอพูดทำให้ผมหันไปหาเธอ
เอ่อ..พรุ่งนี้ ผมไม่กล้าพูดต่อ
พรุ่งนี้ฉันจะไปรอเธอที่หน้าโรงเรียนนะ ฉันคงต้องตื่นเช้าเสียหน่อย เธอพูดเหมือนเธอว่าผมจะพูดอะไรต่อ
แล้วเจอกันนะ
จ้ะ. เธอพูดแล้วเดินออกไปจากสวน ผมมองหาที่นั่งแล้วก็เจอโขดหินที่เคยนั่งกับใบฝ้ายข้าง ๆ บ่อปลา ผมก็ไม่ช้าที่จะหย่อนก้นนั่งลง มองดูปลาที่แหวกว่ายสายน้ำที่กระเพื่อมอย่างช้า ๆ ผมคิดถึงวันที่ผ่านมาที่ผมอยู่ที่นี่ และกล่าวคำอำรา ลาก่อนต้นไม้ที่ฉันรัก ลาก่อนฝูงนกฝูงแมลงที่น่ารัก ลาก่อนสายลมอันหอมหวน.
ในค่ำคืนนี้ทุกอย่างเงียบกริบไม่ได้ยินแม้แต่เสียงจักจั่นไม่มีเสียงของสายลมทุกสิ่งกำลังหยุดนิ่ง มีแต่เพียงเด็กชายตัวน้อย ๆ ที่จ้องสายตาทั้งสองไปยังพระจันทร์ด้วยสายตาที่อาลัยอาวรณ์
****************************************
ตายจริง. ตื่นไวนี่วันนี้ ตื่นก่อนแม่เสียอีก คงอยากกลับบ้านเต็มที่สินะ
ผมเก็บของผมเรียบร้อยแล้ว
ดีจ้ะ เดี๋ยวแม่จะไปอาบน้ำจะได้รีบมาเก็บของ.ป้าลีตื่นหรือยัง
ตื่นแล้วครับ ทำอาหารเช้าอยู่หลังครัว
เจ็ดโมงแล้วรีบเสียหน่อย แม่ผมพูดหลังจากหันไปมองนาฬิกาตั้งโต๊ะแล้วรีบลุกไปหยิบผ้าขุนหนูที่ตากอยู่นอกระเบียงแล้วเดินออกนอกห้องไป มีเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงที่จะได้พบกับใบฝ้าย ผมตัดสินใจเดินไปหาเธอที่บ้านของเธอ ผมกดออดที่หน้าบ้านเธอเสร็จ สักพักหนึ่งประตูหน้าบ้านก็เปิดออก เธอเดินออกมาแล้วแสดงสีหน้าอย่างประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด
นพ. เธอมาที่นี่ได้อย่างไร เธอถามผมด้วยความแปลกใจแล้วเดินมาหาผม พร้อมเปิดประตูรั้วออก
เมื่อคืนฉันนอกไม่หลับ วันนี้เลยตื่นเช้าหน่อย จะได้มีเวลาร่ำลาเธอ ฉันอดที่จะไปพบเธอที่หน้าโรงเรียนไม่ได้
ขอบใจที่มาหาฉัน ฉันเองก็นอนไม่หลับเมื่อคืนนี้ รอฉันสักเดี๋ยวนะ เธอพูดแล้วชวนผมมานั่งม้าหินอ่อนในสวนในบ้านของเธอแล้วเดินเข้าประตูบ้านไป ไม่นานเธอก็เดินออกมาอีกที ผมและเธอจึงพากันเดินไปยังสวนหย่อมด้วยกัน ผมสังเกตสีหน้าของเธอดูเธอสดใสเหมือนอย่างที่ผมเห็นทุกวัน บางทีเธอคงต้องการอำลาผมด้วยความสุขใจไม่ใช่เศร้าใจ
ฉันไม่คิดว่าเราจะได้อยู่ที่นี่ด้วยกันอีกในวันนี้ ถึงแม้จะเป็นครั้งสุดท้ายก็ตาม เธอพูดเมื่อเธอนั่งบนเก้าอี้หินอ่อน
ฉันก็เหมือนกัน ขอบใจเธอมากใบฝ้าย ฉันคิดมาตลอดว่าฉันโชคดีที่ได้มาที่นี่และได้พบกับเธอในสวนนี้
คิดถึงฉันเสมอนะ
ฉันจะคิดถึงเธอเสมอ. นพ
. ผมไม่รู้จะพูดอะไรต่ออีกเพราะกลัวน้ำตาจะไหลออกมา แต่ยังไงก็ต้องพูดเพราะผมเตรียมมาเรียบร้อยแล้ว ผมล้วงกระเป๋ากางเกงด้านขวามือ แล้วหยิบออกมาให้เธอ ใบฝ้าย. โปรดรับสิ่งนี้ไว้เป็นที่ระลึกต่างตัวฉันด้วย เธอรับเอารูปปั้นแมลงเต่าทองที่ผมได้มาจากในห้าง ที่ท้องของมันผมเอามีดแกะชื่อผมไว้
ขอบใจมากนะ.นพ ฉันจะเก็บไว้อย่างดี
ฉันจะแขวนสร้อยนี้ไว้บนคอของฉันตลอด จะไม่มีวันห่างตัวฉันเด็ดขาด
ขอบใจจ้ะ ทั้ง ๆ ที่ผมมีอะไรจะพูดตั้งเยอะ แต่เอาเข้าจริงแล้วผมกลับพูดอะไรไม่ออกสักนิด แต่ความรู้สึกทุกอย่างมันแสดงออกทางสายตาของผม
นพจ้ะ นี่เป็นคำร่ำลาสำหรับฉัน ฉันได้พบกับเธอที่นี่เป็นครั้งแรก ทันที่ที่ฉันเห็นหน้าเธอในต้อนนั้น ฉันสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของคนที่ฉันพบ ด้วยความเหงาโดดเดี่ยวของคน ๆ นั้น ซึ่งก็คือเธอนพ และเมื่อเธออยู่ที่นี่ถึงวันนี้เดี๋ยวนี้ ความรู้สึกเธอล่ะ โปรดบอกฉันที่ได้มั้ย เธออย่าหลั่งน้ำตาสินพ แล้วบอกฉัน บอกถึงความรู้สึกของเธอ เธอไม่เหงาแล้วใช่มั้ย ยิ้มเถอะแล้วทำสีหน้าให้สดใส. ต่อไปนี้เธอจะไม่มีสายตาแห่งความเศร้าอีกแล้ว หากแต่เป็นสายตาแห่งความหวังและความสุขเท่านั้น ผมพยายามกลืนน้ำตากลับ แต่เธอกลับหลั่งน้ำตาออกมาสวนทางกับผม ผมยังไม่สามารถแสดงสีหน้าที่เธอบ่งบอกแบบนั้นได้ แต่ผมรู้สึกได้ว่าบัดนี้ผมไม่มีความเหงา โดดเดี่ยว สิ้นหวังอีกแล้ว มันเอ่อล้นไปด้วยแสงสว่างแห่งความหัวงที่จะเป็นใบเบิกทางไปสู่อนาคตอันสดใส
เธอคงยังทำไม่ได้ เมื่อเธอจะพูดต่อทันใดนั้นลมเหนือที่พัดผ่านเข้ามาในสวนหย่อม ฝูงแมลงฝูงนกพร้อมใจกันส่งเสียงร้องเสมือนเพลงอำราใบไม้แห้งที่ร่วงหล่นสู่พื้นดินอย่างช้า ๆ กลิ่นดอกไม้หลายชนิดที่ผสมกันเป็นกลิ่นของดอกไม้จากสวรรค์ ทั้งหมดนี้คือบทอำราจากเพื่อนผม
ฉันเชื่อว่าที่แห่งนี้รับรู้ความรู้สึกและความทรงจำของเธอได้ เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ในตอนนั้นทีเดียวเมื่อผมและใบฝ้ายเหลือบไปเห็นแมลงเต่าทองนับสิบตัว ออกมาเกาะตามที่ต่าง ๆ ในสวน มันมาเกาะบนจมูกผมเหมือนกับวันแรกที่ผมมาที่นี่ บางที่อาจจะเป็นตัวเดียวกันก็ได้
ใบฝ้าย.เธอหลับตาลงสิ เธอทำหน้างงไม่เข้าใจที่ผมพูดแต่เธอก็ทำตาม
เอาล่ะ.ลืมตาแล้วจ้องดูฉัน เธอค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้าดวงตาทั้งสองดวงของเธอมองมาที่ผมและเมื่อเธอเบิกตาขึ้นสุดความตื้นตันใจก็เข้ามากระทบ
ในตอนนี้ฉันเป็นอย่างที่ฉันควรจะเป็น นับแต่นี้ไปฉันจะไม่ใช่นพ เด็กคนก่อนอีกแล้ว เป็นอย่างไรบ้างสีหน้าของฉัน
ดีมากจ้ะนพ แค่นี้ฉันก็อุ่นใจ เป็นสายตาที่ทีแววของอนาคตอันสดใสอยู่เต็มดวงตาคู่นั้นเลย เธอกระพริบตาลงพร้อมน้ำตาที่หลั่งออกมาจากดวงตาอันกลมใสน่ารัก พร้อมกับความอบอุ่นที่ผมได้รับไปตลอดกาล.
รถคันหนึ่งมุ่งหน้าออกจากตัวเมือง เสียงร้องไห้ของเด็กคนหนึ่งดังตลอดทาง คนขับรถเอื้อมมือที่จับพวงมาลัยข้างหนึ่งมาเปิดวิทยุบนรถเพื่อหวังจะเปลี่ยนบรรยากาศเศร้า ๆ ของเด็กคนนั้น
พรุ่งนี้ฉันต้องลาก่อน พรุ่งนี้ฉันต้องจากเธอไป ไม่รู้จะอีกนานสักเท่าไหร่
ยอดดวงใจจะกลับมาเจอ ห่วงเธอที่คงคิดไม่ต่าง ห่วงเธอตอนที่ฉันไม่อยู่ ฝากฟ้าเดือนและดาวช่วยดู ให้เธอรู้ว่าฉันจะคิดถึง เพราะฉันเป็นของเธอ เพราะเธอเป็นของฉัน เพราะเราเป็นของกันไม่มีวันจะเปลี่ยนไป สัญญาเป็นสัญญาว่าจะมาพบกันใหม่ จากเพียงตัวและหัวใจฝากไว้ให้เธอช่วยดูแล ขอบคุณกับความรักที่มี ขอบคุณกับหัวใจที่มอบให้ จากกันเพื่อจะมาพบกันใหม่ จากเพียงกาย แต่ใจเราผูกพัน หากวันใดเธอนั้นสับสน ให้เธอมองดาวบนฟ้า ก็จะเห็นฉันส่งยิ้มมาให้เธอได้สุขใจ..
คนขับรถหมุนเปลี่ยนคลื่นเมื่อเจอเพลงที่ไม่หวังประสงค์ เด็กน้อยก็ยังคงหลั่งน้ำตาไปตลอดทาง น้ำตาแห่งการลาจาก
*********************
21 มกราคม 2548 16:47 น.
ศพเดินได้
เข้าสู่วันที่ 5 เมษายน วันนี้เป็นวันเกิดผมเป็นวันครบรอบอายุ 8 ปีของผม กิจกรรมในวันนี้ช่างวุ่นวายเหลือเกิน ผมต้องตื่นนอนแต่เช้าเพราะในวันนี้ทุกคนจะไปเที่ยวห้างสรรพสินค้ากันหมด ผมจึงต้องไปด้วย วันนี้ผมคงไม่ได้ไปที่สวนนั่นทั้งวัน
อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอ.กินข้าวซะสิ พี่น้ำพูดหลังจากที่ผมออกมาจากห้องน้ำ ผมเดินไปที่โต๊ะอาหารมีแม่ผมนั่งอยู่
วันนี้วันเกิดเรา อยากได้อะไรหรือป่าวจ้ะ แม่พูด
ไม่ครับ
เหรอ. วันนี้แม่จะแวะซื้ออาหารซะหน่อยไว้ทำอาหารที่ลูกชอบในงานวันเกิดคืนนี้ไง
ขอบคุณครับ ผมเงียบสักครู่จึงหันมาพูดกับแม่ แม่ครับ.ผมขออยู่ที่นี่ถึงสิ้นเดือนนี้เลยได้ไหม
อ้าว?? ทำไมล่ะ
ผมยังไม่อยากกลับบ้าน.ผมอยากอยู่ที่นี่ ได้มั้ยครับ
อะไรของลูกเนี่ย.หือ?. มาวันแรกก็บอกไม่อยากมา คราวนี้กลับบอกว่าไม่อยากกลับบ้าน
ได้มั้ยล่ะฮะ
คงจะไม่ได้หรอกจ้ะ เพราะลูกต้องมีเรียนปรับพื้นฐานนะจ้ะ ผมเงียบถอนหายใจเบา ๆ เพราะรู้ว่าพูดต่อไปคงไม่มีอะไรดีขึ้นมา.ผมไม่รู้สึกดีใจที่วันนี้เป็นวันเกิดผม ผมเสียใจมากกว่าที่ต้องไปจากที่นี่ในไม่นานนี้.
ความแออัดที่ห้างสรรพสินค้ามันทำให้ผมปวดหัวผมบอกได้เลยว่าอยู่ที่นี่ เซ็งมาก
เป็นอะไรหรือ นพ ?? พ่อผมเอ่ยปากพูดกับแม่
ไม่รู้เหมือนกัน. สงสัยคงงอนที่แกต้องกลับกรุงเทพนั่นล่ะ
อ้าว ก็ก่อนมาเห็นบ่นไม่อยากมา ทำไมคราวนี้ถึงได้อยากกลับซะล่ะ??
นั่นนะสิ . ลูกคนนี้เข้าใจยากจริงจริ้ง ผมทำหน้าเมินประมาณว่า เข้าใจยากก็ไม่ต้องมาเข้าใจผมหร้อก ผมคิดในใจ
นี่ แม่คะเราแวะร้านนั้นหน่อยดีมั้ย
ดีเลยแหละ น้ำ เราไปที่นั่นก็ดีนะ
อือ. ไปสิ ผมเดินตามแม่ที่จูงมือผม ให้ตายสิกลัวผมจะหลงหรือไง .แต่ในใจผมตอนนี้มีแต่สวนแล้วก็ใบฝ้าย คิดถึงใบฝ้ายแล้วก็นึกถึงแมลงเต่าทอง
นึกถึงแมลงเต่าทองก็เห็นแมลงเต่าทอง เป็นแมลงเต่าทองตัวเล็กที่ทำจากอะไรสักอย่าง
แม่ครับผมขอไอ้นั่นได้มั้ย แม่มองตามนิ้วไปที่แมลงเต่าทอง
ได้สิ แค่นั้นคิดว่าคงไม่แพงมาก ใบฝ้ายบอกว่าแมลงเต่าทองเป็นสัญลักษณ์ของความหวังและความโชคดี ถ้าผมจะมีเก็บไว้เป็นสมบัติบ้างคงจะดี
เมื่อได้ดูภาพยนต์ในห้างแล้วถูกใจมาก ในเรื่องมีธรรมชาติที่งดงามนึกแล้วก็นึกถึงสวนหย่อมที่โรงเรียนเหลือเกิน ผมชักอยากจะกลับเสียแล้ว อยากกลับไปอยู่เล่นกับเพื่อน ๆ ของผม
ล่วงเข้าสู่ 6 โมงเย็นของวันนี้ทุกคนกลับมาที่บ้านต่างก็ช่วยกันทำอาหาร ขนมนมเนยสารพัดอย่างไว้สำหรับงานวันเกิดผม เมื่อผมกลับมาถึงบ้านก็ไม่ได้ไปที่สวนนั่น(แม่ไม่ให้ออก)ผมจำต้องอยู่ในห้องนอน มองไปยังหน้าต่างชื่นชมสวนหย่อมอยู่ไกล ๆ อย่างเงียบเหงาและอ้างว้างผมคงจะร้องให้เพราะความเหงาที่ไม่มีเพื่อน ๆ มาในงานวันเกิดของผมเช่นเดียวกับทุกปี.ทุกปีเลยทีเดียวที่ผมต้องร้องให้คนเดียวและในปีนี้ก็คงเป็นอย่างนั้น ถึงผมจะพูดกับใบฝ้ายไปว่า ชินแล้ว ก็ตามมันก็เป็นแค่การอวดดีเท่านั้น ในใจจริงแล้วสิมันช่างเย็นชาเหลือเกิน
อาหารเสร็จแล้วจ้ะ. ทุกคนรอฉลองวันเกิดเราอยู่ ลงมาเร็ว พี่น้ำเปิดประตูโดยไม่ได้เคาะทำเอาผมสะดุ้ง
ครับ.พี่น้ำลงไปก่อนเดี๋ยวผมลงไป
ได้จ้ะ เร็ว ๆ นะ เอาล่ะมันก็คงเป็นอย่างนี้ต่อไปละนะ ถึงแม้ใบฝ้ายเพื่อนที่รักของเราจะมางานเราไม่ได้ แต่ยังไงเสียเราก็ยังมีเพื่อนที่ดีที่สุดของเรา ผมปลอบใจตัวเองแล้วลงไปข้างล่าง เมื่อผมลงไปข้างล่าง รอบ ๆ ดูมืดไปหมด เมื่อใครก็ไม่รู้เปิดไฟสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าก็คือเค้กชิ้นใหญ่ อาหารนับสิบ ๆ จานและของขวัญที่ทุกคนมอบให้ผม
สุขสันต์วันเกิดจ้ะ นพ. พี่น้ำพูดมือค้างอยู่ที่สลักไฟเธอคงเป็นคนเปิดไฟ
มาเถอะ.เพื่อไม่ให้เสียเวลาเรามาจุดเทียนวันเกิด ร้องเพลงอวยพรให้นพดีกว่า แม่จุดไม้ขีดไฟแล้วจ่อที่ชนวนของเทียนตามจำนวนอายุของผม แล้วไฟก็ปิดลงอีกครั้ง เสียงเพลงอวยพรวันเกิดของผมดังขึ้นจากเสียงร้องของคนที่อยู่ในห้อง ตรงกลางเค้กมีไฟดวงเล็ก ๆ 8 ดวงสว่างจ้าสั่นไหวไปมาผมยื่นหน้าเข้าเปลวไฟแล้วเป่าเบา ๆ จนดับหมด แสงไฟจากหลอดไฟบนเพดานก็เข้าแทนที่ งานก็ดำเนินไปเหมือนทุกปีเพียงแต่ปีนี้ไม่เหมือนเดิม
การฉลองวันเกิดในคืนนี้ช่างมีความสุขเหลือเกิน จบลงด้วยความเปรมปรีอย่างเอ้อล้น ทุกคนมีความสุขและผมเองก็เช่นกัน ซึ่งมันก็คงไม่เป็นเช่นนั้น หากผมไม่ได้รับความอบอุ่นจากเธอผู้มาเยือน จึงขอเล่าย้อนไปสักชั่วโมงก่อน ในงานวันเกิดผมขณะที่ผมกำลังเบื่อ มีเสียงเรียกชื่อผมจากนอกบ้าน ป้าลีออกไปดูว่าใครมาเรียกสักพักเธอก็กลับเข้ามา
นพจ้ะ ดูสิว่าใครมา เธอเผยหน้าออกมาอยู่หน้าประตูห้อง สวัสดีจ้ะ นพ
ใบฝ้าย!!เธอมาที่นี่ได้ยังไง ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
รบกวนความสุขของเธอหรือเปล่า
ไม่หรอก.ฉันดีใจที่เธอมา เธอบอกว่าเธอมาไม่ได้นี่
งานเลิกไวกว่าที่คิด ฉันเลยบอกให้แม่รีบกลับมาในงานวันเกิดเธอ
ขอบใจที่เธอคิดถึงฉัน
นพ.ฉันละอายใจที่ไม่สามารถมีของขวัญให้เธอ แต่เพื่อนของเธอมีของขวัญจะให้เธออยู่
อะไรหรือ
ไปเถอะเดี๋ยวเธอก็รู้เอง
น้าคะ. ฝ้ายขอพานพไปเล่นที่บ้านฝ้ายนะคะ
ได้สิจ้ะ.แต่อย่ากลับดึกนักล่ะ
ค่ะ. เราไปกันเถอะ เธอจูงมือผมวิ่งออกไปยังสวน อยากรู้จังของขวัญนั่นคืออะไร??
ผมและเธอเดินออกมาข้างนอก กายสัมผัสกับลมที่พัดมาอย่างเย็นสบาย
คืนนี้โชคดีนะ พระจันทร์เต็มดวง อากาศเย็นสบาย เธอพูดพลางประกบมือถูกันไปมา
ขอร้อง บอกฉันที อะไรคือของขวัญที่ฉันจะได้จากที่แห่งนี้ ผมตื้อจะเอาคำตอบให้ได้ แต่เธอยังไม่ทันตอบแสงสว่างสาดส่องเข้าที่หน้าผม ผมหันไปมองอย่างสนใจแต่สิ่งที่พบคือ แสงนั่นมีแสงพุ่งมาจากพื้นข้างล่าง แต่เมื่อผมสังเกตดูดี ๆ มันเป็นแสงจากพระจันทร์ที่กระทบกับพื้นน้ำที่นิ่งราวกับน้ำแข็ง แล้วสะท้อนแสงให้พุ่งพวยออกมาอย่างเจิดจรัส ความรู้สึกแบบนี้มันช่างอบอุ่นจริง ๆ เหมือนกับแสงที่นำพาไปสู่สวรรค์แสงแห่งความหวัง
รออีกสักเดี๋ยว ลมลูกใหญ่กำลังมา นพ. จงดูสิ่งที่จะเกิดต่อไปนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนนี้ จะเป็นของขวัญวันเกิดครบรอบอายุ 8 ปีจากธรรมชาติที่เธอรักและรักเธอ เธอพูดแล้วหันมาสายตาประกบกับผมนัยตาของเธอสะท้อนภาพของผมอย่างเห็นได้ชัด. เพราะเหตุใดไม่ทราบน้ำตาของผมแทบจะเอ่อล้นออกมา ในที่สุดผมก็รู้ทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ผมประจักษ์แล้วในทุกสิ่งทุกอย่าง เธอเธอ ผมรักเธอคนนี้ เธอคือเพื่อนที่ผมรักเช่นเดียวกับที่แห่งนี้ บัดนี้ในแววตาผมไม่ได้มีแววความเศร้า เหงาและโดดเดี๋ยวอีกแล้ว น้ำตาทีเอ่อล้นออกมาเป็นน้ำตาแห่งความอบอุ่น
ตายแล้ว!!!เธอร้องไห้
ขอโทษนะ ฉันเป็นคนตาแพ้แสงสว่าง(โกหก) ผมพูดเสร็จ เสียงของลมลูกใหญ่พัดเข้ามาแทนที่ ผมเช็ดน้ำตาออกด้วยแขนเสื้อ ทำให้ผมเห็นภาพชัดขึ้น สิ่งแรกที่ผมสัมผัสได้คือ เสียง เสียงลมที่พัดผ่านสอกแทรกทุกอณูของต้นไม้กิ่งไม้ให้เสียดสีกัน เสียงของจักจั่นที่ร้องประสานเสียงอย่างไพเราะ มันคือเสียงร้องเพลงอวยพรวันเกิดของผม กลิ่นดอกไม้นับสิบชนิดทูกลมตี พัดนำเอากลิ่นดอกไม้กระจายทั่วสวน ผมหลับตาและสูดรับเอาอย่างเต็มปอด นั่นคือ คำอวยพรวันเกิด
นพ. ฉันหาของขวัญให้เธอไม่ทันฉันขอมอบสิ่งที่ฉันรักให้เธอ เธอปลดสร้อยคอออกจากลำคอที่ขาวเนียน มันเป็นสร้อยคอที่มีแมลงเต่าทองอยู่ในกรอบ
ฉันรับไม่ได้หรอก มันเป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับเธอไม่ใช่หรือ
ใช่จ้ะ มันเป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับฉันและฉันก็ไม่เสียดายที่จะมอบสิ่งมีค่านี้ให้กับคนที่มีค่าสำหรับฉัน ผมทราบซึ้งกับคำที่เธอพูดออกมา ชั่วชีวิตนี้จะมีสักกี่คนที่รู้สึกแบบนั้นกับเรา ผมคงจะรับไว้อย่างเดียวเท่านั้น ผมเพียงแต่กล่าวคำพูดเพียงประโยคเดียวว่า ขอบคุณ แล้วเราก็จากกันสำหรับคืนนี้ และความคิดที่ผมเคยรู้สึกเมื่อก่อนนี้คืออะไรตอนนี้ผมรู้แล้ว ในโลกนี้มีสิ่งที่ผมรักเพียงสองอย่างคือ ใบฝ้ายและธรรมชาติ เหตุการณ์ในวันนี้มันเป็นเหตุการณ์ที่จะตราตรึงอยู่ในหัวใจของผมไปตลอดกาล
*********************
21 มกราคม 2548 16:46 น.
ศพเดินได้
เข้าสู่วันที่ 4 เมษายน หลังจากที่ผมได้อยู่ที่นี่ได้สามวัน ตอนนี้ผมเข้ามาที่สวนหย่อมนี่อีกครั้ง ผมอยู่คนเดียว ตอนแรกผมไปเรียกใบฝ้ายที่บ้าน แต่ไม่รู้ว่าเธอไปไหน ที่บ้านของเธอก็ปิดด้วย เธอไปไหนทำไมเธอไม่บอกผมเสียหน่อยนะ
ผมนั่งลงที่เก้าอี้ยาว พลางพิจารณาธรรมชาติอย่างอิ่มเอิบใจ วันนี้อากาศดี
ลมพัดเย็นสบาย กิ่งใบ้ใบไม้ตีกัน เกิดเป็นเสียงที่ไพเราะ ฝูงแมลงบินเล่นกันอย่างสนุกสนาน ทุกสิ่งทุกอย่างในสวนนี้มันทำให้ผมเริ่ม ๆ เคลิ้มหลับอย่างช้า ๆ........
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ ผมตื่นเพราะแมลงปอบินมาจอดที่จมูกผม จึงรู้สึกตัวขึ้น พระอาทิตย์เยื้องไปทางทิศตะวันออก คิดว่าคงประมาณบ่าย 3บ่าย
4 เห็นจะได้ ผมคิดว่าคนที่บ้านคงเป็นห่วงกันแล้ว จึงรีบกลับบ้าน
นี่.ไปอยู่ที่ไหนมา.ฮึ!! พี่น้ำเดินมาหาผมเมื่อผมเดินออกจากสวนหย่อม หน้าตาท่าทางบอกบุญไม่รับ
เอ่อ. คือผมไปเล่นในสวนครับ กำลังจะกลับอยู่ ผมรีบแก้ตัว
เร็ว !! รีบกลับบ้านไปอาบน้ำแต่งตัว
ทำไม???
วันนี้มีงานวัดที่หลังโรงเรียน พวกแม่กับป้าลีล่วงไปกันก่อนแล้ว ทิ้งให้พี่ต้องมาพาเธอไป พี่จะรีบไปงานวัดนะ ไปอาบน้ำได้แล้ว
ครับ.ครับ ผมรีบเดินจ้ำกลับบ้าน เพราะขืนผมช้าพี่น้ำตีผมตายแน่ พี่น้ำเป็นคนโมโหง่าย แต่น่าเบื่อจัง งานวัดเหรอ?? คงมีเสียงดังแน่เลย ผมไม่ชอบเสียงดัง.
ผมออกจากบ้านกับพี่น้ำตอน 6 โมงเย็นพอดี ความมืดมิดของท้องฟ้าเริมปกคลุม เสียงเครื่องดนตรี ดังมาแต่ไกล
เร็วเข้าเดี๋ยวหาพวกแม่ไม่เจอ พี่น้ำจูงมือผมรีบจ้ำไปยังหลังโรงเรียน
บรรยากาศของงานวัดนี้แตกต่างจากสวนหย่อมอย่างสิ้นเชิง เสียงของเครื่องดนตรีดังจนแสบแก้วหู ผู้คนที่เดินกันพลุกพล่าน แสงสีเสียงสาดส่องเข้าตา ผมหรี่ตาแทบสนิท
นั่นไงพวกแม่ แม่!! แม่!! พี่น้ำตะโกนเรียกแม่ให้หยุดอยู่ข้างหน้า
ทำไมเพิ่งมา!!เราหายไปไหนมา แม่ตวาดผมเมื่อเห็นผม
ผมไปเล่นที่สวนครับ.ขอโทษ
ช่างเหอะ แถวนี้มีร้านอาหารอยู่เราไปกินข้าวเย็นที่นั่นเลยละกัน
ที่นี่มันช่างน่าเบื่อเหลือเกิน ผมไม่อยากอยู่ที่นี่เลย ผมอยากอยู่ที่ไหนก็ได้ที่เงียบสงบกว่านี้ ผมต้องหาทางปลีกตัวไปจากที่นี่แต่จะทำอย่างไรดี ผมหรี่ตาปี๋และหันหน้าหนีแสงไฟที่สาดส่องเข้าตา ชั่วเวลานั้น เวลาที่ผมหันหน้าหนีจากแสงนั้น ผมพอจะเห็นลาง ๆ คิดว่าใช่แน่ เธอนั่นเอง เธอคือใบฝ้าย เธอมาที่นี่และเธออยู่ตรงหน้าผม แต่ดูเหมือนเธอยังไม่เห็นผม ผมร้องเรียกเธอ แต่เสียงของเครื่องเสียงนั้นมีอำนาจมากกว่า เสียงผมไม่สามารถผ่านเข้าหูเธอได้ ขอร้องล่ะหันมาทางนี้หน่อยเถอะ บ้าชะมัดถ้าพี่น้ำไม่จับมือผมไว้ล่ะก็ผมคงได้เดินไปหาเธอแล้ว เธอค่อย ๆเดินหายไปกับแสงที่ส่องเข้าตาผม ผมหรี่ตาลงทันใดนั้นดูเหมือนผมจะเห็นเธอ เธอหันมามองผม สายตาเธอสบตากับผม เธอจะเห็นผมหรือ เธอค่อย ๆ เดินเข้ามาหาผม ใช่เธอแน่ เธอจริง ๆ และดูเหมือนเธอจะเห็นผมอย่างแน่นอน
เป็นเธอจริง ๆ ฉันกำลังลังเลใจอยู่ว่าเป็นเธอหรือเปล่า
ฉันก็เหมือนกัน ดีใจที่ได้พบเธออีกครั้ง ผมไม่นึกว่าจะได้เจอเธอที่นี่เลย น่าตกใจ แต่ผมก็ดีใจ เธอมาคนเดียวเหรอ ผมถามเธอ
เปล่า. ฉันมากับแม่ พอดีฉันกับแม่มาซื้อของแต่ฉันจะมาดูของที่ฉันชอบฉันเลยแยกกับแม่มาก่อน.แล้วเธอล่ะ.มาคนเดียวเหรอ ผมหันไปข้างหลังจึงรู้ตัวว่าพลัดหลง กับทุกคน เปล่า.ฉันมากับพวกป้าลีนั่นแหละ ฉันก็แยกมาเหมือนกัน ( ถ้าบอกว่าหลงเธอขำกลิ้งแน่ ) นี่.เราไปนั่งคุยกันฝั่งโน้นเถอะ ฉันอยู่ที่นี่หูแทบแตกแล้วล่ะ ผมชวนเธอออกไปนอกงานวัด ตรงที่ที่เป็นลานกว้างขนาดสนามฟุตบอล ผมกับเธอหย่อนก้นลงนั่งบนเนินหิน ที่นี่เงียบสงบ แสงและเสียงจากที่งานวัดไม่มีอำนาจมาถึงตรงนี้ ผมมองขึ้นฟ้าเห็นดวงดาวและพระจันทร์เต็มดวงส่องเป็นรัศมีจนเห็นกลุ่มเมฆสีเทาอยู่รอบ ๆ ที่นี่เป็นลานกว้างจึงมีลมพัดเย็นสบาย
นี่.ใบฝ้าย วันนี้ฉันไม่เห็นเธอเลย
พอดีวันนี้ฉันต้องไปร่วมงานศพของคนที่สนิทกับแม่ฉันน่ะ. เพิ่งจะกลับมาได้ซัก30นาทีก่อน
เธอมาที่สวนหรือ
อือ. ฉันมาที่นั่นแต่ไม่เจอเธอ พอฉันไปหาที่บ้านเธอ ก็ไม่มีใครอยู่เลย
จ๊ะ. ขอโทษที่ไม่ได้บอกเธอก่อน เธอตอบผมสั้น ๆ แล้วเงียบไปสักพักก็พูดขึ้นมาอีก นี่. นพ วันพรุ่งนี้ เอ่อ..วันที่ 5 ใช่มั้ย??
ใช่. ทำไมหรือ
วันพรุ่งนี้เป็นวัน..วันเกิดเธอใช่มั้ย วันที่ 5 เมษายน ผมสะดุ้งด้วยความประหลาดใจ เธอรู้ได้ไง ฉันไม่เคยบอกเธอนี่ ผมถามเธอด้วยความงุนงง
ฉันได้ยินป้าลีคุยกับแม่ฉันเมื่อวานนี้ เขาชวนไปงานวันเกิดเธอน่ะจ๊ะ
แล้วเธอจะมามั้ย??
ขอโทษนะ. ฉันอยากไปมาก. แต่พรุ่งนี้ฉันต้องไปงานศพอีกวันจ๊ะ.คิดว่าต้องกลับดึก พรุ่งนี้สวดน่ะ
อืม.ไม่เป็นไรฉันชินแล้ว เธอเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจเมื่อได้ยินผมพูดแบบนั้น ทำไมเธอพูดอย่างนี้ .นพ
ฉันเบื่องานวันเกิดฉัน
ทำไมล่ะ เธอไม่ชอบหรือ เธอน่าจะชอบนะเพราะเป็นวันเดียวที่จะสนุกที่สุดในแต่ละปีนะ เธอพูดด้วยท่าทางจริงจัง
ใช่. ฉันรู้ แต่ฉันไม่มีสิทธิที่จะสนุกกับงานวันเกิดของฉัน.ทุกปี ทุกปีเลยเธอรู้มั้ย. ไม่มีปีไหนที่งานวันเกิดฉันจะสนุกสนาน
ทำไมล่ะจ๊ะ. ฉันคิดว่าเธอจะได้สนุกกับเพื่อน ๆ
โชคร้ายวันเกิดฉันตรงฤดูร้อนไม่มีใครมางานฉันกันหรอก.เธอรู้มั้ยฉันอยากมีเพื่อนพอถึงงานวันเกิดเพื่อนฉันฉันก็ไป ฉันก็เห็นเพื่อน ๆ สนุกสนานกัน แต่พองานวันเกิดฉันสิ.มันช่างเงียบเหงาเหลือเกิน.ใบฝ้าย ถึงจะมีคนในครอบครัวจัดให้ก็เถอะ แต่เด็กที่ไม่ประสีประสาอย่างฉัน อยากจะสนุกสนานกับเพื่อน ๆ มากกว่า เราสองคนเงียบสักพัก ผมจ้องมองหน้าของเธอที่กำลังมองบนท้องฟ้า ดูเหมือนเธอกำลังคิดอะไรสักอย่าง. เสียงอันดังก้องกังวาล แสงและสีที่ประทุขึ้นบนท้องฟ้าก็บังเกิดขึ้นจนผมและใบฝ้ายสะดุ้งทันทีทันใด เฟี้ยว!!ตูม!! เสียงของพลุดังขึ้นติดต่อกันไม่เว้นสักระยะ
พลุสวยจัง ใบฝ้ายเอ่ยขึ้น
อือ สวย.สวย.เธอดูสิใบฝ้ายสวยราวกับดอกไม้ที่กำลังแย้มบานดอกมหึมาอยู่บนท้องฟ้า( ดูอะไรก็เป็นธรรมชาติไปหมด ) ผมและเธอชื่นชมกับพลุที่ประทุบนท้องฟ้า ราว 20 ลูก. จนผมเพิ่งจะนึกว่าผมพลัดหลงกับพวกแม่
นี่ ใบฝ้าย ฉันลืมไป ป่านนี้พวกแม่คงจะหาฉันวุ่นแน่ แม่เธอก็เหมือนกันแหละ เรารีบกลับเข้างานกันเถอะ ผมและใบฝ้ายรีบยืนขึ้นแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปในงาน ผมและเธอก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย
************************
21 มกราคม 2548 16:45 น.
ศพเดินได้
รุ่งเช้าพระอาทิตย์เกิดใหม่อีกครั้ง ป้าลีพาผมไปที่นั่น อยู่ไม่ไกลนัก ถัดจากที่ที่เราอยู่สัก 3-4 หลังเห็นจะได้ ป้าลีเดินไปกดออดหน้าบ้านหลังหนึ่ง
อ้าว. ลมอะไรพามาหาฉันนี่.ลี หญิงวัยกลางคนเปิดประตูออกมาหน้าบ้านเอ่ยขึ้นเมื่อป้าลีเลื่อนมือลงจากการกดออด ฉันอยากขอร้องเธอสักนิดได้ไหม.ดาว เมื่อวานญาติฉันมาที่นี่ เขาพาลูกชายมาด้วย เห็นว่าไม่มีเพื่อนเล่น. ฉันจึงอยากจะพามาเล่นกับลูกสาวเธอ
ได้สิ. คิดว่าลูกสาวฉันคงจะดีใจ
ขอบใจมาก.โชคดีที่มีเธอเป็นเพื่อนบ้านที่ดี อยู่ที่นี่นะนพ ป้าลีหันมาพูดกับผม เดี๋ยวป้าลีจะมารับ ตอนเวลาอาหารเที่ยง
ครับ ผมกล่าวป้าลีก็เดินกลับไป
มาทางนี้สิจ้ะนพ. ชื่อนพใช่มั้ย น้าจะพาไปหาเพื่อนของเธอ ผมเดินตามเธอไป อันที่จริงผมไม่ได้ตื่นเต้นหรือดีอกดีใจเลยสักนิด ผมกลับอึดอัดและน่าเบื่อที่ได้อยู่ที่นี่มากกว่า ทำไมผมต้องมาเสียเวลาในที่ ๆ น่าเบื่อแบบนี้.ธรรมชาติ.สวนหย่อม.ใช่แล้ว ที่นั่นคือที่ที่ผมรักและคิดถึงผมอยากจะไปที่นั่น
เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องห้องหนึ่ง น้าที่ชื่อดาวก็เปิดประตู ข้างในห้องมีเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ รุ่นเดียวกับผม เธอคือเด็กคนที่ผมพบเมื่อวานนี้.
นี่ไงจ้ะเพื่อนเล่นของเธอ ทำความรู้จักกันหน่อยนะ
สวัสดีจ้ะ.ชื่อใบฝ้ายนะ
ครับ ผมตอบสั้น ๆ ห้วน ๆ
เล่นด้วยกันจนถึงเที่ยงนะ.เดี๋ยวแม่จะไปทำอาหารสำหรับมื้อเที่ยง เธอพูดกับลูกสาวของเธอแล้วเดินออกจากห้องไป
ได้พบกันอีกเป็นครั้งที่สอง เธอพูดด้วยน้ำเสียงดีอกดีใจ. ผมไม่ทักตอบ แต่ดูเธอจะอ่านความต้องการของผมได้ มานี่สิ ตามฉันมา เธอพูดพลางจับมือผมแล้ววิ่งลากผมออกไป
เธอจะพาฉันไปไหน. เอ่อ
ใบฝ้ายจ้ะ . ฉันจะพาเธอไปที่ที่เธออยากไปไง
ผมเงียบสนิทตาจ้องมองไปที่เธอผมปล่อยใจให้ร่างกายวิ่งไปเองตามธรรมชาติ ความรู้สึกนึกคิดของผมไม่ได้จับอยู่ที่การก้าววิ่ง หรือจังหวะการวิ่ง เพียงแต่จับอยู่ที่เธอ เธอผู้เดียว น่าประหลาดใจ.มันเกิดอะไรขึ้นกับความรู้สึกของผม ผมไม่เคยเกิดความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน แต่ผมพยายามข่มความรู้สึกนั้นไว้
เสียงของแมลง.นก.ส่งเสียงร้องผลัดกับเสียงโบกพัดของกิ่งไม้ใบไม้ที่เสียดสีกันราวกับเสียงดนตรีที่บรรเลงจากสวรรค์ กลิ่นอันหอมหวนของดอกไม้นานาพรรณ แสงแดดสาดส่องทอดเงาตามกิ่งไม้ต้นไม้ ผมได้อยู่กับเพื่อนที่รักของผมอย่างที่ผมต้องการ
เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันอยากมาที่นี่ ผมถามเธอทันทีที่มาถึง
ฉันรู้ว่าเธอชอบมันเหมือนกับที่ฉันรู้ว่าฉันชอบมัน
เธอชอบที่นี่หรือ
ฉันรู้สึกดีที่ได้อยู่ที่นี่ ใบฝ้ายพูด.ผมและเธอนิ่งเงียบสักพัก เธอก็ชวนผมไปนั่งริมบ่อปลาด้วยกัน เราสองคนค่อย ๆ หย่อนก้นนั่งลงบนที่ที่เหมาะจะเป็นที่นั่งได้
นี่. ฉันถามเธอครั้งที่สามแล้วนะว่า..
นพ.ฉันชื่อนพ
นพเหรอะ.ดูสินพ.เธอรู้มั้ยนั่นปลาอะไร เธอถามผม
ปลาหางนกยูง
ใช่ . ดูตัวนั้นสิท้องป่องเชียว อีกไม่นานมันคงออกลูก เธอชื่นชมปลาอย่างน่ารักน่าชัง ผมดูเธอมีความสุขมาก . ผมมองเธอและบังเอิญสายตาก็ไปกระทบกับสร้อยคอของเธอ เป็นสร้อยคอที่มีตัวอะไรสักอย่างแต่ผมนึกไม่ออก มันเป็นแมลงที่เคยเกาะจมูกผมในครั้งแรกที่ผมมาที่นี่ มันอัดอยู่ในกรอบ ผมจึงถามเธอด้วยความสงสัย
สร้อยคอนั่น?
สร้อยคอ? นี่หรือ
ใช่.สวยดี ตัวที่อยู่ข้างใน เอ่อ..ชื่ออะไรน้าาา
แมลงเต่าทองจ้ะ
ใช่ ๆ ฉันนึกออกแล้ว ดูเธอจะชอบมันมาก ฉันเดาเอาน่ะนะ
เธอเดาถูก ฉันชอบมัน นพ.เธอรู้มั้ยแมลงเต่าทองเป็นแมลงของพระเจ้ามันจะนำเอาความสุขความโชคดีมาให้แก่เรา
พระเจ้า?? ผมถามอย่างงุนงง มันคืออะไร
ศาสดาของศาสนาคริสต์. ฉันนับถือศาสนาคริสต์ ดังนั้นฉันจึงมีความเชื่อนี้ เธอเว้นช่วงไว้พักหนึ่งจึงถามขึ้นมาใหม่
เอาหล่ะ เธอถามฉันมามากแล้ว ฉันถามเธอบ้างดีกว่า เธอพูดในขณะที่นิ้วของเธอจุ่มลงไปในบ่อปลา
ได้สิ ผมตอบตาพลางมองลงไปในบ่อปลา เห็นปลาหางนกยูงว่ายมาตอดนิ้วของเธอ
ฉันอยู่ที่นี่มานาน ไม่เคยเห็นหน้าเธอเลย เพิ่งย้ายมาอยู่หรือ
เปล่า. ฉันไม่ได้ย้ายมา ฉันแค่มาพักบ้านญาติที่นี่ในช่วงปิดเทอมเท่านั้น
งั้นหรือ ฉันคิดว่าเธอเพิ่งย้ายมา
ฉันเพิ่งมาที่นี่ได้เมื่อวันก่อนเอง วันที่ฉันพบกับเธอครั้งแรกนั่นแหละ แต่อีกไม่นานฉันก็ต้องไป
ทำไม??
ฉันมาอยู่ที่นี่แค่หนึ่งอาทิตย์เท่านั้น
งั้นหรือ น่าจะอยู่นานกว่านี้
ฉันก็อยากให้เป็นแบบนั้น.ใบฝ้ายแต่มันเป็นไปไม่ได้ ตอนนี้ก็ผ่านไปแล้ววันหนึ่ง ยังเหลือเวลาอีกมากก็จริง แต่เดี๋ยวเดียว.เดี๋ยวเดียวเท่านั้นที่ฉันต้องไปจากที่นี่----------นั่นเธอเป็นอะไร.ใบฝ้าย
อ๋อ.เปล่าหรอกจ้ะ เพียงแต่คิดว่าฉันต้องเหงาแน่ถ้าเธอไปแล้ว
ทำไม?? ที่นี่เธอไม่มีเพื่อนหรือ
ไม่มีหรอก. ที่นี่มีเด็กอยู่คนเดียวนี่แหละก็คือฉัน ฉันนึกว่าจะมีเพื่อนใหม่ซะแล้ว
ฉันไม่เข้าใจอย่างหนึ่งทำไมเธอถึงได้ทำตัวเป็นเพื่อนกับฉัน
เธอมีแววตาเศร้า.นพ ผมสะดุ้งเมื่อได้ยินคำนี้ อะไรนะ.เธอว่าอะไร
ฉันเห็นตั้งแต่วันแรก. แววตาเธอเศร้ามาก เราเองก็เป็นเด็กเหมือนกัน แต่ฉันไม่เคยเห็นเด็กที่มีแววตาแบบเธอ ให้ฉันรู้บ้างได้มั้ยนพ. เธอมีเรื่องอะไรหรือ??
ใบฝ้าย!!ใบฝ้าย!! ผมหยุดและหันไปมองหาเสียงหนึ่งที่เรียกร้องชื่อของใบฝ้ายขึ้นที่หน้าสวนหย่อมเห็นแม่ของใบฝ้ายถือร่มกันแดดคันใหญ่
มาเล่นกันที่นี่เองเหรอ.หาแทบตายแหน่ะ. ไปเถอะ ป้าของเธอมารับไปทานอาหารเที่ยงแล้ว.นพ
อ้า..ครับ( ทำไมไวจังนะ ) ผมและใบฝ้ายลุกขึ้นจากหินที่นั่งอยู่และเดินตามแม่ใบฝ้ายไป
เดี๋ยวทานอาหารเที่ยงแล้วมาเจอกันอีกได้มั้ย ผมหันมาพูดกับเธอ
ขอโทษทีนะ พอดีว่าฉันต้องไปเรียนพิเศษช่วงบ่ายน่ะ. ขอโทษมาก ๆ เลยจ้ะ
งั้นเหรอ..อือ..ไม่เป็นไร ไว้เจอกันวันหลังแล้วกัน ฉันไปก่อนนะ ไปล่ะ
เดี๋ยว.นพ!!!
อะไร??
ถ้าเธอมีเรื่องอะไรอย่าคิดที่จะไม่เล่าให้คนที่เธอรักฟัง
หา??? ผมไม่เข้าใจความหมายที่เธอพูดเลยสักนิด แต่ถึงอย่างไรเธอก็เป็นคนดีมากคนหนึ่ง เธอเข้าใจในสิ่งที่ผมคิดทุกอย่างและพูดมันออกมาเพื่อให้ผมสบายใจ.
***********************
21 มกราคม 2548 16:42 น.
ศพเดินได้
-------วันที่ 2 เมษายน 2535-------
เข้าสู่ฤดูร้อนเดือนเมษายน ซึ่งถือว่าเป็นปีที่ร้อนกว่าทุกปี แต่ผมรู้สึกว่า
ปีนี้จะร้อนกว่าปีไหน ๆ เลยทีเดียว จนทำให้บางคนต้องหนีร้อนกันยกใหญ่ราวกับหนีตายจากสงครามโลก. ส่วนผม.ไม่ใช่สิ.ครอบครัวของผม หนีไปหลบร้อนที่ภาคเหนือ จ.น่าน ตามคำชักชวนของป้าลีที่เป็นพี่ของแม่ผม
อีกนานไหมกว่าจะถึง
อีกนิดนึงก็ถึงแล้วล่ะ
ผมไม่เข้าใจทำไมต้องเอาผมมาด้วย. ผมก็บอกแล้วว่าให้ผมอยู่กับน้าจันก็ได้นี่
โธ่. นพ น้าจันอยู่ดูแลทางบ้านก็เหนื่อยแย่แล้ว ยังจะให้มารับภาระดูแลลูกอีกหรือไง ผมกำลังจะพูดแย้ง แต่ก็มีเสียงหนึ่งแซงขึ้น
เอาล่ะ ถึงแล้ว เสียงพ่อพูด ทำให้การถกเถียงระหว่างผมกับแม่ยุติลง รถ
คันหนึ่ง วิ่งช้า ๆ จากต้นซอยถึงท้ายซอย สุดทางมีประตูขนาดใหญ่ ที่ด้านข้างประตูมีป้ายเขียนว่า โรงเรียนพุทราย และถัดจากป้ายโรงเรียน มีหญิงคราวเดียวกับแม่ยืนอยู่ สีหน้าบอกเห็นได้ชัดถึงการรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ รถของผมหยุด และในที่สุดก็ถึงจุดหมายปลายทางเสียที
ฉันดีใจที่ได้พบเธออีก ลี แม่ผมทักหญิงคนหนึ่งหลังจากปิดประตูรถเรียบร้อย
ฉันก็เช่นกัน. นานทีที่เราจะได้พบกัน ป้าลีทักตอบพร้อมเหลียวไปมองพ่อผมที่เพิ่งปิดประตูรถ เป็นอย่างไรบ้าง พ่อองอาจตั้งแต่ที่ฉันมางานแต่งของเธอกับน้องสาวฉันก็ไม่ได้พบเธออีกเลย สบายดีหรือ ป้าลีทักทายพ่อผม
สบายดีครับ.ผมคิดว่าคุณคงสบายดีเช่นเดียวกับผม พ่อผมทักตอบอย่างสุภาพ
จริงสิ. ฉันได้ข่าวเรื่องที่เธอแจ้งให้ฉันรู้คราวก่อนว่าเธอมีลูก.สักเจ็ดปีได้แล้วมั้ง ตั้งแต่วันที่ฉันไปดูลูกเธอที่เพิ่งเกิดที่โรงพยาบาล ก็ไม่เห็นอีกเลย
ใช่. ลูกฉัน. ฉันพามาด้วย ชื่อนพ อายุเจ็ดขวบแล้ว. ไหว้ป้าลีเสียหน่อยสิลูก
สวัสดีครับ ผมยกมือไหว้ผู้หญิงที่พึ่งจะพบหน้าครั้งแรกแล้วกล่าวเบา ๆ
อยู่ป.1 จะขึ้น ป.2 เทอมหน้านี้ใช่ไหมจ๊ะ
ใช่ครับ
อากาศร้อน เราเข้าไปข้างในก่อนดีกว่านะ.ทุกคนรออยู่ ป้าลีชักชวนเราเข้าไปข้างในโรงเรียน. บรรยากาศข้างในโรงเรียนช่างดีเหลือเกิน มีต้นไม้ต้นใหญ่หลายต้น ภายในโรงเรียนที่เล็กไม่ใหญ่มาก จนในโรงเรียนมีร่มเงาของต้นไม้เกือบทั้งโรงเรียนพร้อมทั้งมีลมพัดเย็นสบายมีบ่อปลาเล็ก ๆ ที่ใสสะท้อนภาพบนท้องฟ้าราวกับกระจก. ดูแล้วช่างเหมือนกับปลาที่แหวกว่ายกลางอากาศ. หากจะเทียบกับนอกประตูของโรงเรียนกับในโรงเรียนนี่แล้วเหมือนกับสวรรค์ที่ถูกห้อมล้อมด้วยนรกหรือจะเปรียบเทียบกับโอเอซิสกลางทะเลทรายก็ว่าได้.พวกเราเดินไปถึงหน้าบ้านหลังหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงตะโกนดังที่บ่งถึงความดีใจสุดขีด.
พ่อ.พ่อ! พวกแม่มากันแล้ว!! เสียงหญิงสาวดังขึ้นพร้อมกับเสียงตึงตังภายในบ้าน มีคนเปิดประตูหน้าบ้านออกมาแล้ววิ่งมาทางเรา
สวัสดีค่ะ.น้าอ้อย ลุงอาจ เข้ามาข้างในก่อนสิคะ หล่อนชักชวนและเปิดประตูหน้าบ้านให้เราเข้าไป หญิงสาวรุ่นคนนี้ผมเดาว่าคงจะเป็นลูกสาวป้าลี
สวัสดีนะทุกคน.คุณอ้อยคุณองอาจและ.เอ่อ ชายวัยสี่สิบคนหนึ่งหยุดพูดเมื่อมองมาที่ผม
นพจ๊ะ. ลูกฉัน.ไหว้อากิจสิ แย่จังต้องให้แม่บอกทุกครั้ง
สวัสดีครับ.อากิจ ผมพูดด้วยน้ำเสียงเชิงประชดแม่ ผมเบื่อมากที่ต้องทำอะไรที่มันยุ่งยากอย่างนี้ ผมอยากมีชีวิตที่สุขสบายเรียบง่ายและสนุกสนานมากกว่า. เมื่อทุกคนทักทายกันเรียบร้อยป้าลีก็พาไปยังห้องพักที่ได้จัดไว้ให้ ผมเพิ่งจะ
ฉุกคิดได้ว่ารู้สึกเหนียวตัวคงเพราะอากาศร้อนอบอ้าวและสิ่งที่ผมควรจะทำก็คือการอาบน้ำ ผมลงไปอาบน้ำทันทีที่จัดของในห้องเสร็จ.ใช่แล้ว ผมจำได้ตอนที่เดินมายังบ้านหลังนี้ผมเหลือบไปเห็นสวนหย่อมเข้าน่าชื่นชมมากผมต้องรีบอาบ
น้ำเพื่อจะไปที่นั่น
จะไปไหนล่ะจ้ะ. นพ แม่ผมถามในขณะที่ผมกำลังจะออกไป
ผมจะไปเดินเล่นแถวนี้แป็ปเดี๋ยวครับแม่
ระวังงูเงี้ยวเคี่ยวตะขอด้วยละ เดี๋ยววุ่นวายกันใหญ่ ผมไม่ตอบ ผมรีบวิ่งออกไปยังสวนนั่น . เพราะเหตุใดผมไม่ทราบความรู้สึกของผมได้ ทันทีที่ผมเข้าไปสู่ส่วนหย่อมนี้. ประสาทสัมผัสส่วนจมูกก็รับรู้ถึงกลิ่นอันหอมหวานของดอกไม้นานาชนิด.ร่างกายกระทบกับสายลมอ่อน ๆ เหล่าฝูงแมลงนาชนิดบินว่อนกิ่งไม้ใบไม้โบกพัดพอเบา ๆ ราวกับจะต้อนรับการมาที่สวนนี้ของผม . นี่คือธรรมชาติ.ใช่แล้ว ผมชอบธรรมชาติ.ที่หลังบ้านผมก็มีสวนป่าที่ร่มรื่น ผมชอบสวนป่าที่บ้านผมมาก.ผมถึงไม่อยากมาที่นี่แต่ที่นี่มีธรรมชาติที่สวยงามเหลือเกินสวยกว่าสวนป่าที่บ้านอีก.ผมเดินไปนั่งเก้าอี้และชื่นชมสวนหย่อมอย่างอิ่มเอิบใจ ดูสิมีบ่อปลาด้วย ปลาอะไรนี่ ว้าว..ปลาหางนกยูงนี่นา สวยจริง ๆ ผมสนทนากับตัวเอง. ธรรมชาติทำให้ผมสดชื่นสนุกสนาน ธรรมชาติเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผมเสมอ. เวลาผมเหงา อ้างว้าง หรือโศกเศร้า เสียใจ ผมก็มักจะมาอยู่กับธรรมชาตินี่ล่ะ มันจะบอกผมว่า ไม่เป็นไรนะ อย่าคิดมากเลย ฉันจะอยู่กับเธอเอง ผมรับได้ถึงความรู้สึกที่ธรรมชาติส่งให้ผม. ในขณะที่ผมกำลังชื่นชมธรรมชาติ อยู่นั้น รู้สึกว่าจะมีแมลงตัวหนึ่ง .บินมาเกาะที่จมูกผม ผมเงื้อมือเตรียมที่จะปัดมันออกไป แต่ทันใดนั้น มีเสียงหนึ่งร้องทักขึ้น
เดี๋ยว ! หยุดก่อน !! ผมชะงักทันทีวางมือลงและหันไปมองเจ้าของเสียง
สวัสดีจ้ะ. เธอชื่ออะไร เธอถามผมพลางเดินเข้ามาหาผม. เท่าที่ผมดูเธอเป็นเด็กที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับผม น้ำเสียงและหน้าตาน่ารัก.แต่ผมรู้สึกเคืองที่มีคนมาขัดจังหวะความสุขของผม
อยู่นิ่ง ๆ ก่อนนะ เธอพูด. ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงพูดเช่นนั้น แต่ผมก็ทำตามที่เธอสั่งโดยที่ไม่รู้ตัว.เธอเดินมายืนข้างหน้าผมและเอื้อมมือมาจับตัวแมลง
อยู่บนจมูกผม ผมเห็นแมลงตัวนั้นบนมือเธอ ผมไม่รู้จักมัน.มันมีพื้นหลังเป็นสีแดง และมีจุดดำ ๆ บนตัวมัน
แมลงเต่าทองจ้ะเธอตอบเหมือนเธอรู้ว่าผมสงสัย ถ้าเมื่อกี้เธอปัดมันไป
มันจะตาย แมลงเต่าทองจะตายง่ายมาก ฉันจึงห้ามเธอก่อนที่เธอจะปัดมัน เธอ
อธิบายให้ผมฟัง ผมทำหน้างุนงงชั่วขณะ
เธอชื่ออะไรจ้ะ.ฉันถามเธอครั้งที่สองแล้วนะ
. ผมไม่ตอบแต่อย่างไร เพราะโกรธเรื่องที่เธอขัดจังหวะผม
ฉันมองเธออยู่นานแล้ว ดูเธอมีความสุขมาก ต้องขอโทษด้วย เธอกล่าวขอโทษผม.แต่ผมไม่ตอบ ผมเดินออกจากสวนนั้นทันที เอาไว้พรุ่งนี้ผมค่อยมาใหม่อีกครั้ง.
อาหารเย็นในวันนี้ ทุกคนคุยกันอย่างสนุกสนาน ทำให้ผมรู้สึกรำคาญและหงุดหงิด จนแม่ผมสังเกตออก
ไม่สบายหรือไง. นพ แม่ผมถาม
เปล่านี่ ผมตอบ
บางทีนพอาจจะเหงาก็ได้ ก็ไม่มีเพื่อนรุ่นเดียวกันเล่นด้วยเลยที่นี่
จริงสิ .ฉันมีเพื่อนบ้านที่สนิทกัน หล่อนมีลูกสาวอยู่ คิดว่าอายุน่าจะพอ ๆ กับนพ พรุ่งนี้เช้าฉันจะพานพไปรู้จักก็แล้วกัน ป้าลีพูด
ได้เหรอ ถ้าอย่างนั้น ฉันฝากนพด้วยแล้วกัน. ไปที่นั่นนะลูก พรุ่งนี้น่ะ
ครับ ผมตอบเชิงขอไปทีเพราะรู้สึกเหนื่อยล้าและ อยากที่จะพักผ่อนเต็มที
******************