29 มิถุนายน 2554 21:40 น.
วิทย์ ศิริ
"ทางเลือก" เมื่อแบ่งขั้ว ทั่วไปหมด
ยามน้ำลด ตอผุด ต่างจุดยืน
ฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ มวลชนค้ำ จำทวงคืน
สุดทนฝืน ยืนข้างใหน ต่างเด่นด้อย
"ทางรอด" เมื่อปรองดอง มองข้องเกี่ยว
ร่วมจัดตั้ง เป็นหนึ่งเดียว เดินเกี่ยวก้อย
เงื่อนไขดล ผลประโยชน์ โปรดมาคอย
เดินตัวลอย ค่อยสลาย กลายมิตรกัน
"ทางตัน" เมื่อต่างค่าย ต่างฝ่ายอ้าง
ต้องเลือกข้าง ชัดเจน เข่นฟาดฟัน
ต่างไม่เชื่อ ไม่ฟังผล หลังแข่งขัน
อ้างชอบธรรม อำนาจ ทำตัดตอน
ทั้ง"ทางเลือก" "ทางรอด" และ"ทางตัน"
ใครเล่าสร้าง ทางนั่น ที่บั่นทอน
อนาคต สบถได้ ใครสั่นคลอน
ยากไถ่ถอน ร้อนใจปลุก ทุกรูปนาม
แม้ปัญหา ทุกอย่าง มี"ทางออก"
แต่อย่าบอก ทางข้างต้น พ้นพงหนาม
แม้จริงแล้ว ไม่แคล้วภัย ไล่คุกคาม
แต่ความหวัง ยังติดตาม ถามต่อไป
เบื้องหลังบ้าง "ทางออก" ย้อนสาเหตุ
ภัยการเมือง เรื่องอาเพศ เพราะเหตุใด
ใครพิสูจน์ พูดความจริง แอบอิงได้
แล้วใครเล่า เขาจริงใจ ในการเมือง
26 มิถุนายน 2554 17:21 น.
วิทย์ ศิริ
ธรรมดาสิ้นวันก็สิ้นแรง
งานที่ทำยื้อแย่งแข่งเวลา
หมายให้เสร็จเร็วเร่งเก่งทุกครา
เพราะเวลาจำกัดมัดตัวเอง
ช่วงสุดท้ายของวันฉันเฝ้ารอ
โอละหนอพอทีงานกาลเพรง
ก็เหนื่อยดีกิจวัตรมิตรครื้นเครง
คราวพักผ่อนตัวเองไม่เกรงใคร
ก่อนอยู่ใต้ผ้าห่มกล่อมนิทรา
ก่อนจันทราลาลับฟากฟ้าไกล
ก่อนจะนอนเตรียมฝันวันเยาว์วัย
ก่อนที่ใยสลบไสลจะขาดผึง
หนังสือจัดไว้บนชั้นคั่นหมวดหมู่
แยกที่อยู่จำแนกไว้ให้คิดถึง
ชนิดอ่านตื่นใจให้คำนึง
น่าสะพรึงน่ากลัวหัวใจเต้น
ทั้งประเภทสืบสวนใคร่ครวญอ่าน
ให้ติดตามความจนจบกลบซ่อนเร้น
หวังแปลกใจในเฉลยอย่างเคยเป็น
กลับกลายเช่นอดนอนกัดกร่อนใจ
เมื่อหยิบอ่านการวิชามีสาระ
ไม่ลดละในจำนรรจ์ธรรมปราศรัย
กลายโอสถสะกดให้หลับใหล
สู่ห้วงลึกทันใดในบัดดล
หลังอยู่ใต้ผ้าห่มจมนิทรา
โลกมืดมิดลับลาคราต้องมนต์
สู่ความฝันอันลี้ลับประดับตน
เป็นแห่งหนบนนิมิตมิคิดหวั่น
จิตที่อยู่ใต้สำนึกระลึกอยู่
ถักทอคู่สู่ฝันสัมพันธ์กัน
ทั้งอดีตปัจจุบันอันครบครัน
อนาคตบทบาทนั้นยังพันตู
ใต้ผ้าห่มกล่อมฝันอันมากหลาย
ยากระบายเล่าสลายก่อนเช้าตรู่
หลายครั้งยังปริศนาพาย้อนดู
อยากล่วงรู้หรือกลับสู่อยู่คู่ฝัน
15 มิถุนายน 2554 22:59 น.
วิทย์ ศิริ
จวบจน.....ตะวัน.....สิ้นแสง
กระทั่ง.....เรี่ยวแรง.....หดหาย
แม้นว่า.....แค้นรัก.....ดับวาย
คำถาม.....ไม่ตาย.....สักที
ใจเธอ.....ใจฉัน.....ช่างเถอะ
ต่างเปรอะ.....เลอะเทอะ.....ราคี
โซ่ห่วง.....คำลวง.....แสร้งดี
ศักดิ์ศรี.....ซื่อสัตย์.....ตัดไป
ฤทธิ์เล่ห์.....เสน่หา.....พาเขลา
ภาพเก่า.....เล่าเรื่อง.....สาไถย
เหตุนั้น.....อันควร.....เช่นไร
หัวใจ.....ใครบ้าง.....วางขาย
เหตุผล.....กลใด....ใคร่ถาม
สงสัย.....ติดตาม.....ข้างกาย
รักแล.....แปรเปลี่ยน.....เวียนว่าย
หยุดนิ่ง.....ถึงตาย.....สลายฤา
11 มิถุนายน 2554 22:07 น.
วิทย์ ศิริ
หนึ่งนั้นคือ นารี ศรีประชัน
หมายมุ่งมั่น ชนะ ณ.คราวนี้
พร้อมลีลา น่าชม ข่มไพรี
รวยและสวย ดูดี กว่าสาวใด
ก่อนหน้านั้น บทบาท วาดไม่ชัด
งานการเมือง เรื่องถนัด แต่เมื่อไร
เมื่อถึงคราว ป่าวประกาศ ราษฎร์อวยชัย
ปรากฏการณ์ หมดจดใจ ไม่อดสู
สิบนั้นเล่า คนเขาลือ ถือไพ่ต่อ
ทั้งรูปหล่อ วาจาเพราะ เสนาะหู
เก่งดีเบต เกรดเอ เท่น่าดู
มีพระครู อยู่ข้างกาย สบายตัว
เลือกตั้งนี้ ไฟล์บังคับ รับสู้ศึก
ไม่ต้องนึก ตรึกตรอง ให้เสียหัว
แพ้ครั้งนี้ มีเดิมพัน หวั่นชื่อมัว
ใจทั้งกล้า ทั้งกลัว เพราะตัวเต็ง
ทั้งเบอร์หนึ่ง เบอร์สิบ เลขลิบห่าง
ต่างมีร่าง ทรงกลด หมดคาดเล็ง
พฤติกรรม คำร่ำลือ คือที่เห็น
หากยากเย็น ไม่ต้องเกร็ง เล็งโหวตโน
8 มิถุนายน 2554 12:08 น.
วิทย์ ศิริ
อ้อมกอด แห่งเวลา พาทุกสิ่ง
เปลี่ยนแปลง แห่งความจริง ยิ่งตระหนัก
หมุนเวียน แห่งวัฏฏะ พุทธจักร
ทุกข์สุข แห่งความรัก ประจักษ์ใจ
ปีกแห่งฝัน วันเวลา พาได้คิด
ทุกการกิจ ในชีวิต ลิขิตวัย
ทั้งสาระ คละบันเทิง รื่นเริงไป
สู่ธารา นภาลัย ในครรลอง
หลายชีวิต ดิ้นรน จนสุดท้าย
เหลือแต่ป้าย วิญญาณ สิ้นหมายปอง
เป็นที่สุด หยุดพัก ศักดิ์ศรีหมอง
หมดทำนอง ร้องเต้น เป็นสิ้นกาล
เมื่อชีวา ดั่งกังหัน วันที่อยู่
อดทนสู้ ลู่ทางฝัน อันยาวนาน
บ้างตรากตรำ กลับร่ำไห้ ไร้ผลงาน
กลายเหมือนหุ่น หมุนไขลาน กาลผ่านเลย
ช่วงเวลา ทุกนาที มีคุณค่า
ชีวิตหนา หากล้าหลัง นั่งวางเฉย
ยังประมาท อวดองอาจ วาดมาดเคย
กาลเปิดเผย เฉลยธรรม กรรมทำเอง