19 สิงหาคม 2553 22:29 น.
วิทย์ ศิริ
สารัตถะ ตกตะกอน นอนก้นบึ้ง
อยู่เงียบงัน ตรึงขึง ถึงไร้เสียง
เฉกดินแดน เร้นลับ ดับพะเนียง
อยู่ข้างเคียง สัจจะ ตระหนักหาย
สารัตถะ สู่สัจจะ ประจักษ์ได้
เอกปัจจัย ยิ่งใหญ่ ในความหมาย
ความเป็นคน ยลให้ลึก สำนึกฉาย
สิ่งทั้งหลาย คล้ายดวงแก้ว ผ่องแผ้วใจ
ใจหล่อหลอม อ้อมกอด ปรารถนา
ธรรมเมตตา พาสุข ทุกข์ห่างไกล
โลกอดีต ปัจจุบัน พลันสดใส
อนาคต ณ.แห่งใด ไร้กังวล
กระแสเปลี่ยน เวียนหมุน ที่หนุนเนื่อง
กลายก่อเรื่อง ยุ่งเหยิง ระเริงตน
กลายโซ่ตรวน ป่วนปั่น อันทุกข์ทน
กลายอับจน หมองหม่น จนชีพวาย
เพียงเพ่งชัด สารัตถะ สู่สัจจะ
เพียงลดละ อวิชชา กังขาคลาย
เพียงสู่ทิศ สถิตธรรม นำบั้นปลาย
เหตุอบาย ทั้งหลาย มลายครัน
มองย้อนดู สู่วิถี ที่ฝันใฝ่
เคยตั้งธง แห่งชัย ใจหมายมั่น
เคยบทเรียน เพียรซ้ำ ย้ำฝ่าฟัน
เคยผูกพัน สรรสร้าง อย่าร้างลา
เมื่อกำเนิด เกิดก่อ หน่อชีวิต
ล้วนลิขิต จิตถวิล ยินปรีดา
โอกาสเดียว ข้องเกี่ยว เที่ยวเสาะหา
หวังปัญญา สารัตถะ สู่สัจจะ
16 สิงหาคม 2553 00:21 น.
วิทย์ ศิริ
งามกายมองผ่านแล้ว ลับลา
งามจิตนั้นซิหนา ยากแท้
งามรู้สึกตรึงตา สูงเด่น
งามซึ่งกายใจแล้ เลิศล้ำ จริงเจียว
งามมนุษย์เกิดขึ้น ทางใจ
งามซึ่งธรรมชาติให้ แก่หล้า
งามฤายั่งยืนได้ หมดจด
งามสมดุลแห่งฟ้า ดั่งนี้ ใคร่ครวญ
5 สิงหาคม 2553 19:57 น.
วิทย์ ศิริ
เมื่อฉันค้น.....ก็เพียงสิ่งที่ต้องการหา
เมื่อฉันหา.....ก็เพียงสิ่งที่ต้องการเจอ
เมื่อฉันเจอ....ก็เพียงสิ่งที่ต้องการเห็น
เมื่อฉันเห็น....ก็เพียงสิ่งที่ต้องการคิด
เมื่อฉันคิด.....ก็เพียงสิ่งที่ต้องการเป็น
เมื่อฉันเป็น....ก็เพียงสิ่งต้องการอยู่
เมื่อฉันอยู่......ก็เพียงสิ่งที่ต้องการมี
เมื่อฉันมี........ก็เพียงสิ่งที่ต้องการรู้
เมื่อฉันรู้.........ก็เพียงสิ่งที่ต้องการค้น
และแล้ว.........ก็เพียงสิ่งที่ต้องการหวนคืน....
ตรรกะนี้..........ก็เพียงมุมมองหนึ่งเท่านั้น......
3 สิงหาคม 2553 21:41 น.
วิทย์ ศิริ
แดนแห่งหน กลไก ในชีวิต
เงียบสนิท มิดชิด ยากคิดหนี
สู่ภวังค์ ชีพยัง หวังสดศรี
แต่ชีวี ถ้วนถี่ มีหมากกล
แดนเร้นลับ ผนึกไว้ ในห้วงลึก
ไร้รู้สึก นึกคิด จิตฉงน
ร่างสงบ บรรจบขัย ในบัดดล
ลมหายใจ ยินยล จนแผ่วเบา
แดนปราการ กั้นกลางกาย หว่างวิญญาน
กึ่งดับขันธ์ สัณฐาน แห่งกาลเงา
กึ่งทรงจำ ดำริคลาด มิคาดเดา
ปัญญาเชาว์ เสลาหมด สลดปลง
แดนสนเท่ห์ เล่ห์กล มนต์แห่งฝัน
บ้างมิ่งขวัญ พรหมวิหาร ทานประสงค์
บ้างว่างเปล่า เบาสบาย คล้ายฝุ่นผง
จิตสำนึก ย้ำมั่นคง พะวงตื่น
แดนแห่งร่าง วิสัญญี ที่หลับใหล
ภพแห่งใหน ปริศนา พาเป็นอื่น
หนแห่งใด ใช่ขมขื่น ชื่นระรื่น
เพียงค่ำคืน ย้ำนิมิต จิตนิรันดร์
1 สิงหาคม 2553 10:02 น.
วิทย์ ศิริ
สิ่งประดิษฐิ์ ด้วยความคิด จิตมนุษย์
หาที่สุด หยุดยั้ง มิหวังได้
หาเหตุผล พัฒนา มารับใช้
จึงตั้งตา ดาหน้าไป ไกลสุดหล้า
สิ่งประดิษฐิ์ ทั้งมวล ล้วนบันดาล
ก่อสัณฐาน สราษสุข ทุกย่างตรา
หมายก่อเกิด กำเนิด เลิศโสภา
สบายหนา อัตตา พาสุขสม
สารพัน ขันแข่ง ประชันสร้าง
ต่างอวดอ้าง สร้างพราง ทางอารมณ์
หมายเจริญ เฉิดฉาย กายพร่างพรม
ตราบเชยชม จมปลัก ตระหนักยิ่ง
ครั้นเสพติด สิ่งประดิษฐิ์ สนิทใน
ครั้งคราวใด ไกลจากใจ ไร้พักพิง
เหมือนใจขาด อากาศธาตุ อาจหยุดนิ่ง
มิ่งมิตรจริง ธรรมชาติ กรรมสนอง
สิ่งประดิษฐิ์ ทันสมัย ในภพหล้า
สะท้อนภาพ สองหน้า ลองไตร่ตรอง
ตั้งใจหมาย ให้รับใช้ ในครรลอง
กลับใช้เรา เข้าครอบครอง หมองวิญญาณ์
สิ่งสมมุติ ผ่องผุด สุดประมาณ
ครั้นโบราณ สื่อสาร ตระการค่า
สำคัญผิด จิตปั้นแต่ง แห่งเงินตรา
ยึดติดหนา ชีวา พาดิ้นรน
เหตุกำหนด แลกเปลี่ยน หมุนเวียนใช้
เหตุฉันใด ปั่นป่วนใจ ไงสับสน
กลับครอบงำ จำขัง ให้อับจน
กลับส่งผล คงอำนาจ เป็นทาสมัน
ภาพลักษณ์เห็น เด่นประจักษ์ เป็นหลักชัย
ใครใคร่ได้ ไขว่คว้าหา มาแข่งขัน
อีกลาภยศ สรรเสริญเลิศ เทิดอนันต์
เกียรติยกยอ ปอปั้นกัน นั้นโง่เขลา
ค่าของคน ทนย่ำยี บีฑาซ้ำ
เหตุชอกช้ำ จำต้อง มองตัวเรา
ทั้งประดิษฐิ์ คิดสมมุติ ผุดผาดเอา
กลับร่างเงา เผาอาภรณ์ ย้อนสำแดง
สิ่งประดิษฐิ์ จิตแท้จริง สิ่งสมมุติ
เหตุมนุษย์ ฤาฉุดรั้ง หวังเปลี่ยนแปลง
หากยึดติด จิตสลด หมดเรี่ยวแรง
คงถึงคราว ดาวอับแสง แห่งชะตา