10 กันยายน 2547 17:40 น.
วิญญาณศิลา
แว่วเสียงสั่ง ตอน 2
......ณ สำนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง ดอน กล้าผจญ กำลังเขียนจดหมายอยู่ที่โต๊ะทำงาน แทนที่เขาจะส่งไปให้บิดา แต่เขากลับส่งไปให้ ศศิ แม่พิมพ์ของชาติ ที่อยู่ทางภาคเหนือ
......แล้วอีกไม่นาน ดอน ก็ลาออกจากบริษัทแห่งนั้น และไปสมัครเข้าทำงานที่จังหวัดที่ครูสาวของเขาอยู่ เพื่อได้ใกล้ชิดกับสาวที่ตนหลงรักอยู่อย่างหมดหัวใจ จนลืมอดีตหมดทุกสิ่งทุกอย่างแม้กระทั่งผู้ให้กำเนิดที่ก้มหน้ารับกรรมอยู่ทางบ้าน จากหน้ามือเป็นหลังมือ
......เย็นวันหนึ่งดอน ออกจากร้านสุรา เดินโซเซไปถึงบ้านตนเอง เขาก็พบศศินั่งหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ที่โต๊ะรับแขก ดอน เดินเข้าไปใกล้ ๆ อย่างคุ้นเคยพร้อมกับพูดอ้อนเชิงปรารภ คุณศศิคับ เราหมั้น มาสองปีกว่าแล้ว ผมเห็นว่ามันนานแล้ว เราควรแต่งงานใน สอง สาม เดือนข้างหน้าดีไหมครับ
...ไม่..ฉันไม่แต่งงานกับคุณ ฉันจะถอนหมั้น ฉันไม่ยอมแต่งงานกับคนที่ปล่อยให้อบายมุขครอบงำอย่างคุณ และคนอกตัญญูแม้กระทั่งผู้ให้กำเนิด คุณเคยบอกกับฉันว่าพ่อแม่คุณได้เสียชีวิตไปนานแล้ว ฉันหลงเชื่อคุณมานาน แต่ความจริงคงหนีความจริงไปไม่พ้น บัดนี้ฉันมีหลักฐานประกอบที่จะถอดหน้ากากของคุณออกให้คนทั่วไปได้รู้ว่า คุณคือคนที่มีความอกตัญญู คนสารเลวและเลวที่สุดในโลก นี่ไงล่ะจดหมาย ฉันยอมเสียมารยาทเปิดอ่านก่อน... คุณอ่านดูสิ
ด้วยความสงสัย ดอน จึงหยิบจดหมายที่ ศศิ เหวี่ยงไป มาอ่าน มีข้อความว่า
ดอน ลูกรัก ขณะลูกอ่านจดหมายฉบับนี้พ่อคงออกจากบ้านไปพึ่งร่มเงาพระพุทธศาสนา พึ่งข้าวสุกก้นบาตรพระเพื่อประทังชีวิตไปวันหนึ่ง ๆ และไม่นานพ่อจะโกนหัวห่มผ้าเหลืองเอาพระธรรมเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต จนกว่าชีวิตของพ่อจะดับสลาย เพราะที่ดินกับบ้านเขาขายทอดตลาดไปหมดแล้วพ่อพึ่งทราบข่าวว่าลูกได้ตกไปแป็นทาสของอบายมุข พ่อรู้สึกเป็นห่วงมาก ถึงแม้ว่าลูกจะไม่ห่วงพ่อและถึงแม้ว่าลูกจะชั่วช้าเลวทรามเพียงใด พ่อก็ยังรักเป็นห่วงลูก ยังต้องการให้ลูกเป็นคนดี ขอให้ลูกกลับตัวกลับใจเสียใหม่ ก่อนที่จะสายเกินแก้ จงเชื่อพ่อเถอะลูก ทางอบายมุขไม่ใช่ทางเดินของผู้หวังความเจริญในอนาคต พ่อขอร้องให้ลูกเลิกจากความชั่วและประพฤติความดีเริ่มชีวิตใหม่แล้วลูกจะพบกับความสุขความเจริญ ต่ถ้าลูกยังหลงอยู่ในอบายมุข ลูกจะพบกับความหายนะและในที่สุดจะต้อง
......ยังอ่านไม่ทันจบจดหมายฉบับนั้นก็ถูกฉีกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เพราะจดหมายของพ่อฉบับเดียวนี้เองที่ทำให้สายรักของเราขาดสะบั้นลง ดอน คิดอยู่ในใจ
...ศศิ เห็นกิริยาท่าทาง ตลอดถึงใบหน้าของนายดอนผิดปกติ เธอกลัวว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้นกับตนก็รีบลุกขึ้นวิ่งออกจากบ้านทันที
...พิษรัก บวกกับพิษสุรา ทำให้ดอนขาดสติ ใคร่จะทำตามอารมณ์ของตนเองอย่างไม่ยั้งคิด ลุกขึ้นวิ่งตาม ศศิ ไปอย่างกระชั้นชิด
...ทางตัน ศศิ หยุดและหันหน้ากลับมาทางดอน หยุด-หยุดก่อน เสียงตะโกนลั่น เพียงเสี้ยววินาทีเดียว
เสียงแห่งมัจจุราชก็ดังขึ้นมาแทน- - - - - - - - - ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง - - - - - - - - - - - -
...ณ ช่องหน้าต่างเรือนจำ นักโทษชายคนหนึ่งยืนเกาะลูกกรงอยู่ด้วยใบหน้าหมองคล้ำผมเผ้ายุ่งเหยิงเพราะขาดการตกแต่งมาร่วมแรมปี ดวงตาทั้งสองแดงกล่ำ รอยคราบน้ำตาไหลลงอาบแก้มทั้งสองข้าง นานๆ จะถอนหายใจสะอื้น สักครั้งหนึ่ง
......จงละความชั่วแล้วประพฤติแต่ความดี
เสียงของนายเข้ม กล้าผจญ มาดังแว่วอยู่ในโสตประสาทของ ดอน กล้าผจญ อีกครั้งหนึ่ง
........แต่ทุกสิ่งทุกอย่างสายเกินแก้เสียแล้ว.....
6 กันยายน 2547 21:55 น.
วิญญาณศิลา
แว่วเสียงสั่ง
...ยามรุ่งอรุณของเช้าวันใหม่ ดวงอาทิตย์กำลังจะโผล่พ้นยอดไม้สาดแสงทองเป็นประกายแวววาว ท้องฟ้าก็ปลอดโปร่ง จากเมฆหมอกลม ต้นฤดูฝนกำลังพัดมาเอื่อย ๆ ทำให้อากาศตอนเช้าตรู่ ช่างแจ่มใสและสดชื่นเสียจริง
...นายเข้ม กล้าผจญ กำลังอบรมสั่งสอน บุตรคนเดียวของแกที่กำลังไปศึกษาต่อในต่างจังหวัดดอน ลูกรักการไปอยู่ที่หอพักรวมกับคนหมู่มากนั้น ลูกควรเลือกคบแต่มิตรดี ส่วนมิตรชั่วอย่าไปคลุกคลี การคบมิตรนี่แหล่ะลูกเอย เป็นหนทางที่จะนำพาเจ้าให้ประสบกับแสงสว่างหรือมืดมนในอนาคตได้ และประการสำคัญอบายมุข มันเป็นทางเสื่อมเสีย ลูกจงล่ะจากความชั่วแล้วประพฤติแต่ความดี จงพยายามเล่าเรียนเพื่อให้ได้มีความรู้ประดับตัวเอาไว้ เมื่อเติบใหญ่จะได้นำวิชาความรู้ที่ได้จากการศึกษาเล่าเรียน มาประกอบอาชีพ ตามความรู้ความสามารถของเจ้าสืบไป
...ครับพ่อ ผมจะทำตามที่พ่อสั่งสอนทุกอย่างลูกชายรับคำของนายผจญอย่างแข็งขัน
...สองปีผ่านไป การเรียนของนายดอน กล้าผจญ ไม่เคยตกต่ำเลย ปีนี้ ดอน กำลังเรียนอยู่ปีสุดท้ายซึ่งเหลือเวลาอีกไม่กี่วันจะสอบไล่ ทุก ๆ เดือนที่ผ่านมา ดอน จะต้องเขียนจดหมายมาถึงบิดาของเขา เพื่อให้รับรู้ความสุขความทุกข์ของตนเอง เป็นประจำไม่ขาด
...นายเข้ม เมื่อทราบข่าวของลูกก็มีความยินดีอย่างมากและนั่งวาดอนาคตไว้อย่างสวยหรูว่า คงจะได้พึ่งพาบุตรชายคนนี้ในวัยชรา และแล้ววันที่ดอนรอคอยก็มาถึง นั่นคือวันประกาศผลสอบไล่ของเขา ผลปรากฏว่า ดอน สอบเป็นที่ หนึ่ง ในนักเรียนทั้งหมด หลังจากที่ทราบผลของการสอบแล้ว ดอน ก็ไปกราบลาครูบาอาจารย์ และอำลาเพื่อน ๆ เพื่อไปตามวิถีชีวิตและดวงชะตาของแต่ล่ะบุคคล
...หลังจากจบการศึกษาแล้ว ดอน ก็ไปสอบเข้าเพื่อศึกษาต่อในสถาบันต่าง ๆที่มีวิทยฐานะสูงขึ้น แต่ทำไมดวงชะตาจึงเล่นตลกกับเขา ผลการสอบเข้าตามสถาบันต่าง ๆ ไม่มีชื่อของ ดอน ปรากฏ แม้แต่สถาบันเดียว ทำให้รู้สึกเสียใจมากที่ไม่สามารถเข้าเรียนต่อได้ตามที่เขาหวังเอาไว้
...หนึ่งปีผ่านไป ที่ ดอน ต้องกลับไปช่วยบิดาทำงานที่บ้าน
...วันนี้ไปติดต่องานเป็นอย่างไรบ้างล่ะ พอจะมีหวังที่จะเป็นเจ้านายกับเขาบ้างไหมลูกนายเข้มถามลูกชายขณะกำลังรับประทานอาหารเย็น
...ถ้ามีเงินสัก หนึ่งหมื่นบาท ก็มีหวังได้ครับ ดอนตอบ
...หนึ่งหมื่นบาทนายเข้มอุทานออกมาหนึ่งหมื่นบาท มันมีค่าน้อยสำหรับคนรวย ๆ ก็จริงอยู่แต่มันมีค่ามากสำหรับคนจน ๆ อย่างเรานะลูกนะ ในชีวิตของพ่อไม่มีความสามารถที่จะหาเงินหนึ่งหมื่นบาทมาได้ดอกลูกเอ้ย
...มีอยู่ทางหนึ่งครับ ดอนออกความเห็น คือให้คุณพ่อไปกู้เงินของลุงกำนัน เอาที่ดินแปลงนี้แหล่ะ ไปประกันไว้ เมื่อผมเข้าทำงานได้เงินเดือนแล้ว ผมจะส่งเงินมาให้คุณพ่อผ่อนหนี้สิน ภายในไม่กี่ปีคงหมดแน่ ๆ
...คนมีหนี้สินหาความสุขใจได้ยาก นายเข้มคิดอยู่ในใจ แต่ต้องตัดสินใจด้วยรักและสงสารลูก จึงยอมเพราะคนเป็นพ่อย่อมยอมเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิต เพื่อเห็นแก่ความสุขในอนาคตของลูก
เงินถูกกู้เพื่อดอนจะหาที่ทำงาน... อนาคตของดอน และนายเข้ม จะเป็นเช่นไร ต้องติดตาม ตอนต่อไป
4 กันยายน 2547 21:54 น.
วิญญาณศิลา
ผู้หลุดพ้นคนใหม่
บทที่ 1 เริ่มการเดินทาง
ดอกเชอรี่สีขาวบานสะพรั่ง ฉาบทาด้วยแสงแดดอ่อน ๆ ก่อนจะลับตะวัน
ชายหนุ่มในชุดเสื้อหนังสีดำ กล่าวขอบคุณอารีมิตรผู้ให้ร่มทางรถกระบะสีฟ้า หุ่นบึกบึงเช่นคนขับจากไปพร้อมกับความสว่างที่ลาลับขอบฟ้า
ผจญ เดินลงจากไหล่ทางลุยเข้าไปในดงหญ้าหนาทึบข้างทาง
ตรู๊ด ตรู๊ด ตรู๊ด ตรู๊ด ตรู๊ด ตรู๊ด
คุณอยู่ที่ไหน ทันทีที่สายคล้าย ๆ หูฟัง Sound about สัมผัสรูหู โทรศัพท์ติดตัวขนาดจิ๋ว ก็ทำงานโดยอัตโนมัติ ผจญ ก็ได้รับคำถามที่แฝงไว้ด้วยความกระวนกระวาย มิใช่น้อย
ผมอยู่ที่ ซานฟราน ฯ จะเข้าสู่ แล้วครับ ศาสตราจารย์เริ่มประชุมได้เลย เมื่อพูดขาดคำ โทรศัพท์ติดตัวขนาดจิ๋ว ก็เปลี่ยนเป็น Sound about เปิดเพลงบรรเลงของ โมสาร์ท ลำนำเสียงที่ 2087 โดยอัตโนมัติ เป็นเพลงที่ ผจญ ชื่นชอบโดยเป็นเพลงประจำตัวไปเสียแล้ว
ครึก ๆๆๆๆ ครืน เสียงพื้นดินตรงที่ ผจญ ยืนอยู่สั่นสนั่นหวั่นไหว มันกำลังยุบตัวลงไปใต้ผิวโลก
สักครู่หนึ่งสิ่งที่โผล่มาแทนเป็นวัตถุทรงกลมโตแบนราบ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๒ เมตร
เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างนิ่งสงบ ผจญ ก้าวขึ้นไปยืนบนวัตถุทรงโตแบนราบนั้น
ทันใดนั้นเอง ปรากฏครอบแก้ว โผล่ขึ้นมาล้อมรอบตัวเขาพร้อมปุ่มคอนโทรลมากมาย
กรุณาแจ้งระดับความสูง มีเสียงดังออกมาจากเครื่องอิเล็กทรอนิคส์ เขาสัมผัสนิ้วไปตามคำสั่งออโตสแกน จากนั้นระบบอิเล็กทรอนิคส์จึงทำงานโดยอัตโนมัติโดยตัวเองเครื่องนี้ คือยานบินพิเศษ นั่นเอง
ยานบินนี้ใช้หลักการ สร้างสนามแม่เหล็กเทียม ผลักดันสนามแม่เหล็กโลก ( ดั่งแม่เหล็ก ขั้วบวกและขั้วบวก ผลักดันซึ่งกันและกัน ) การเคลื่อนไหวจึงเงียบไร้เสียงเครื่องยนต์และปลอดซึ่งมลพิษทั้งหลาย
เครื่องสแกนสนามแม่เหล็กโลกเริ่มทำงานกรุณารัดเข็มขัด เสียงนั้นดังขึ้นอีก สองครั้ง ทันทีที่ เขานั่งลงบนแท่นแก้วอี้ที่โผล่ขึ้นมาจากแท่นคอนโทรล ก่อนที่ยานประหลาดจะพาเขาลอยขึ้นสู่ฟากฟ้า
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
บทที่ 2 เข้าสู่การประชุม
ผจญ ขึ้นยานประหลาดทะลุปุยเมฆขึ้นสู่ชั้นอากาศขึ้นมาเรื่อย ๆ จนถึงเมฆชั้นสุดท้าย เขามองดูดวงดาวสุกใสและกลุ่มไฟหลากสี
มันมิใช่ดวงดาว แต่หากเป็นฐานปฏิบัติการกลางเวหา
ยานบิน บินผ่านเข้าไปในอุโมงค์ใต้ฐานปฏิบัติการนั้น และจอดนิ่งบนลานกว้างในห้องโถงขนาดใหญ่ ที่มียานบินลักษณะเดียวกันนี้หลายสิบลำ
ศาสตราจารย์ กอสซิคส์ เขาจ่อปากไปใกล้ ๆ จอมอนิเตอร์ขนาดเล็กที่ข้างฝาผนัง
มิสเตอร์โจน ท่านรอคุณอยู่ที่ห้อง VIP LAP เสียงตอบกลับมายัง ผจญ หรืออีกชื่อหนึ่งที่ชาวต่างชาติเรียกเขาว่า มิสเตอร์โจน
ผจญ ก้าวยาว ๆ ไปตามทางเดินที่ทอดยาวไปข้างหน้า แสงไฟสลัวตามรายทางที่กระทบกับโลหะPlatinum ที่เป็นวัสดุส่วนประกอบในฐานปฏิบัติการแห่งนี้ สร้างบรรยากาศไม่น่าพิสมัยสำหรับเขาเลย แต่ภารกิจที่นี่สำคัญเกินกว่ามวลมนุษย์ชาติจะหยั่งรู้
รหัสผ่าน คุณผ่านเข้าได้ ผจญ ดึงการ์ดอิเล็กทรอนิกส์ออกจากเครื่อง เดินผ่านประตูสู่ห้อง VIP LAP ผู้ทรงคุณวุฒิจากหลายประเทศ ไม่ว่า จะเป็น อเมริกา รัสเซีย ญี่ปุ่น จีน บราซิล สวิตเซอร์แลนด์ อังกฤษ เยอรมัน อิตาลีและอีกหลายที่ กำลังฟังบรรยาย ของ ศาสตราจารย์ กอสซิคส์ ด้วยความสนใจ
สายตาทุกคู่จับจ้องบนจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ เป็นภาพหมู่ดาวและอวกาศอันมหาศาล
เมื่อเอกภพหดตัว หมู่กาแล็กซีและดวงดาวจะถูกบีบอัดเข้ามา แม้แต่ระบบสุริยะจักรวาล ก็จะต้องถูกบดขยี้เข้าสู่ใจกลางเอกภพ ชายชราผู้มีเส้นผมอันหยุกหยิกแต่ขาวโพลง และร่ำรวยไปด้วยหนวดเคราสีดอกเลา บรรยายผ่านด้วยเครื่องแปลภาษาที่เข้าใจกันได้ทุกชาติ แล้วจึงหยิบแว่นตาขึ้นมาใส่แล้วใช้แสงเลเซอร์ชี้พิกัดบนจอภาพ เป็นการจำลองด้วยคอมพิวเตอร์ กราฟฟิก สมจริง น่าพรั่นพรึงนัก
ในที่สุดก็จะเหลือแค่ เท่าเม็ดถั่วเขียว แรงอัดจำนวนมากมหาศาล จะส่งผลทำให้เกิดการระเบิดครั้งใหม่อีกครั้ง บึ้ม สิ้นคำพูดของ ศาสตราจารย์ กอสซิคส์ ภาพในจอมอนิเตอร์นั้นปรากฎฝุ่นผงกลุ่มลูกไฟ แตกจุดเล็ก ๆ จุดหนึ่งกลางจอภาพ จากความมืดมิดสนิทดำ กลับกลายเป็นหมู่ดาวและกาแล็กซี่อีกครั้ง
เท่านั้นเอง จากเสียงเงียบในห้อง VIP LAP ก้ออื้ออึงไปด้วยเสียงแลกเปลี่ยนนานาทัศนะ ไม่แตกต่างไปจากเสียงแม่ค้าในตลาดในประเทศไทยเรานี่เลย นายผจญ คิดเช่นนั้น
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
บทที่ 3 แผนการใหญ่
ทฤษฎี เอกภพในจักรวาลที่ยังพูดไม่สิ้นสุดของ ศาสตราจารย์ กอสซิคส์ ท่ามกลางเสียงฮือฮา ในห้อง VIP LAP บนฐานปฏิบัติการกลางเวหา จากผู้เข้าร่วมฟังหลายคนท่ามกลางความสงบนิ่งของบุรุษผู้ยืนอยู่ท้ายที่สุดในที่ประชุม เขาคื อนายผจญนั่นเอง ทำให้ ศาสตราจารย์ต้องเร่งพูดก่อนที่เสียงฮือฮา จะมีมากกว่านี้
มิต้องตกใจ ชั่วชีวิตของพวกเราคงไม่ได้อยู่จนถึงอุบัติการณ์นี้ ที่น่าเป็นห่วงคือ สรรพวิทยาการทั้งมวลที่มนุษย์สั่งสมมา ผม ไม่ต้องการให้มันกลับไปเริ่มต้นที่ศูนย์ เฉกเช่นเอกภพ หรือโลกใบนี้ ทุกท่านคงคิดเช่นกัน
ศาสตราจารย์ครับ แล้วมันอีกนานเท่าไร ผมหมายถึงเวลาที่มันจะเกิด นักวิทยาศาสตร์ จาก เยอรมัน ผู้เข้าร่วมการบรรยายถามผ่านเครื่องแปลภาษา ด้วยความสงสัย
นักวิทยาศาสตร์คำนวณว่าโลกของเรากำเนิดมาแล้วสี่พันหกร้อยล้าน ล้าน ปี นั่นก็คือระยะเวลาที่จักรวาลของเราได้เคลื่อนเข้าหาศูนย์กลางเอกภพไปพร้อม ๆ กัน ผมเคยคิดว่าการที่โลกเราร้อนขึ้นทุกวันนี้ไม่น่าจะเป็นเพียงการกระทำของมนุษย์อย่างเดียว เสียงฮือฮาดังขึ้นอีกคราหนึ่ง แต่ต้องหยุดลงเมื่อศาสตราจารย์ผู้บรรยายกล่าวต่อไป
สองปีก่อนเราใช้ยาน TP ONE (ไทยประดิษฐ์ หนึ่ง) ยานความเร็วเหนือแสง ส่งดาวเทียม TaiTamRay ไปไว้นอกระบบสุริยะจักรวาล เฝ้ามองดูทิศทางการเคลื่อนที่จักรวาลของเราอยู่ตลอดเวลา ศาสตราจารย์ กอสซิคส์ ดึงความสนใจของผู้ฟังคืนมาอีกครั้ง
ฮ้าประเทศของพวกคุณสร้างยานที่ว่าได้แล้วหรือนี่ นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ โพล่งขึ้นมาด้วยความริษยาแทบลืมตัว
เป็นความสำเร็จจากความร่วมมือของนักวิทยาศาสตร์ชาวไทย เขาชื่อมิสเตอร์โจน การอพยพสู่ดาวดวงอื่น ๆ จะมีขึ้นอย่างแน่นอน ถ้าหากว่าโลกใบนี้มิอาจเป็นบ้านของพวกเราได้อีก ซึ่งมันเป็นเรื่องเล็กน้อยในสายตาของบุคคลผู้นี้
ผจญ คิดว่าคำกล่าวแน่ะนำตัวเขาของ ศาสตราจารย์ กอสซิคส์ ต่อสาธารณะชนดูออกจะเกินไป แต่จำใจโค้งศีรษะรับเสียงปรบมือที่ดังขึ้น
ภารกิจ ของ ผจญ หรือ มิสเตอร์โจนกำลังจะเริ่มขึ้นอีกในไม่ช้านี้
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
บทที่ 4 เริ่มเดินทาง
ศาสตราจารย์ กอสซิคส์ แน่ะนำ มิสเตอร์โจนหรือนายผจญ อย่างให้เกียรติอย่างสูงส่ง จึงทำให้เขารู้สึกว่ามันจะเกินไปนิดหน่อยท่ามกลางเสียงปรบมืออย่างกึกก้องในห้อง VIP LAP ขอบคุณครับ เขากล่าวผ่านเครื่องแปลภาษา จะพูดอย่างไรดีให้ทุกท่านเข้าใจ การทดลองครั้งนี้จะนำพาท่านนำไปสู่ในสิ่งที่บางท่านคิดว่าไม่เคยมี ท่านคงเคยดูหนังเกี่ยวกับอวกาศ มันก็แค่เรื่องโกหก ผจญ ขึ้นอารัมภบทด้วยน้ำเสียงลึกลับ
นี่สิของจริง TP TWO ยานบินเหนือความเร็วแสง ถูกสร้าขึ้นมาเพื่อบินสวนทางแนวการเคลื่อนที่ของระบบ สุริยจักรวาล ภารกิจของผม คือการทะลุทะลวงเอกภพ ชายหนุ่มได้รับแสงเลเซอร์ จากศาสตราจารย์ มาชี้แสดงแสดงแนวเส้นทางการบินจากโลกสู่เส้นรอบขอบเอกภพ โดยใช้ TP TWO ในภาพเปรียบเทียบประดุจว่าเอกภพเป็นดั่งลูกแก้วที่บรรจุมวลหมู่ดาราดารากาแล็กซีไว้ภายใน และลูกแก้วยักษ์นั้นลอยอยู่ท่ามกลางอวกาศอันเวิ้งว้างว่างเปล่า
หากการเดินทางครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปตามการคาดคำนวณ นั่นหมายถึงเผ่าพันธุ์มนุษย์ จะไม่มีวันสูญสลาย เราจะมีอาณานิคมใหม่ นอกความเป็นไปของเอกภพอย่างแน่นอน ผมให้สัญญา เสียงปรบมือดังขึ้นเป็นคำรบสองให้กับความสามารถฉลาดล้ำของมิสเตอร์โจน
จบการบรรยาย ศาสตราจารย์ กอสซิคส์ เชิญทุกคนที่ฟังเข้ามาร่วมฟังการบรรยายในครั้งนี้ ขึ้นไปชมการปล่อยยานที่หอบังคับการกลางเวหา
ส่วนผจญ เตรียมพร้อมที่จะเดินทางทะลุทะลวงเอกภพในครั้งนี้ พร้อม PT TWO เขาสวมชุดนักบินอวกาศ บนอกเสื้อ มีแผ่นป้ายโลหะเล็ก ๆ เป็นสัญลักษณ์ธงชาติไทย เป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง เขาจะพาสัญลักษณ์นี้ทะลวงเอกภพไปพร้อมเกียรติยศที่จะปรากฏในประวัติศาสตร์ของโลก
5 4 3 2 ทันที เมื่อสิ้นสุดการนับถอยหลัง PT TWO ก็พุ่งผ่านชั้นบรรยากาศไปดุจลูกไฟในเวหา พอหลุดพ้นจากวงโคจรจึงได้สำแดงศักยภาพออกมาเต็มพิกัด เกิดประกายวูบวาบที่ตัวยาน แล้วมัน ก็หายวับ ไปจากห้วงอวกาศ และ หายไปจากจอภาพบนฐานปฏิบัติการกลางเวหา
โครม! เกิดแรงกระแทกอย่างแรงขึ้นกับ TP TWO ขณะที่ ผจญกำลังเพลิดเพลินอยู่กับแถบเส้นแสงของดวงดาวมากหลาย
เกิดอะไรขึ้นกับ TP TWO และนายผจญ
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
บทที่ 5 ความตายจริงหรือ ?
>>> มิสเตอร์โจน หรือ นายผจญ ผู้รับอาสาทะลุทะลวงเอกภพ พร้อมกับยาน TP TWO สลบไปพร้อมกับแรงกระแทกที่เกิดกับตนเองอย่างไม่คาดฝันนั้น
>>>นานเท่าใด จนการหลับใหลยุติ ผจญ สลัดศีรษะ ด้วยความมึนงง
>>>เขาพบว่า ตัวเองล่องลอยอยู่ในความว่างเปล่า
>>>สักครู่จึงเริ่มเปลี่ยนความตกใจเป็นการค้นหา
>>>กวาดตาไปจนครบ สามร้อยหกสิบองศา จึงพบยาน TP TWO
>>>ครึ่งหนึ่งของลำยาน TP TWO ติดอยู่ในผนังวุ้นใส ข้างในผนังวุ้นนั้น อันกว้างใหญ่นี้เต็มไปด้วยประกายแสงแห่งดวงดาว
เราทำสำเร็จแล้ว ไชโย! ไชโย! เขากระโดดโลดเต้นแหวกว่ายไปในความว่างเปล่านั้น
>>>ฉับพลัน สายตา จึงประสบพบเข้ากับสิ่งหนึ่ง
ความเวิ้งว้างว่างเปล่านอกเอกภพนี้มิได้มีตัวเขาเพียงลำพัง แสงสีเหลืองทองผ่องแผ้วจำนวนหนึ่งส่งแสงประกายจำรัสจ้า มาสู่สายตาของนายผจญ ในรัศมีสีทองนั้น พบชายศีรษะโล้นจำนวนมาก นั่งขัดสมาธิอยู่ในอาภรณ์สีเหลืองเข้ม มีรัศมีรุ่งโรจน์รอบตัวท่าน อย่างสงบ
พระโอพระเจ้าผมตายแล้วหรือนี่ ผจญ คร่ำครวญกับตนเองด้วยความตกใจอย่างยิ่ง
เมื่อครู่ที่เขามองหา TP TWO ไฉนมีแต่ความว่างเปล่า
แต่บัดนี้ รอบร่างข้างกายเขา เหตุใดจึงเต็มไปด้วยพระสงฆ์องค์เจ้า หรือว่าเขาตายเสียแล้ว
ภารกิจนี้เขาล้มเหลว หรือ มิสเตอร์โจน ตายแล้วหรือ ?...
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
บทที่ 6 ความจริงหรือความฝัน
ในความสบสน และ งุนงง ของนายผจญ หลังจาก นำยานTP TWO ออกมาจากฐานปฏิบัติการกลางเวหาที่อยู่เหนือซานฟรานฯ และปรากฏพบสถานที่นอกเหนือเอกภพ แต่มีพระสงฆ์มากมายหรือว่าเขาตายเสียแล้ว?
ยังหรอกโยม ที่นี่ห่างจากความตายเสียเหลือเกิน เสียดังกังวานนั้นมิได้เปล่งออกมาจากริมฝีปาก เขาสามารถสัมผัสได้ด้วย จิตใจจากพระรูปที่นั่งใกล้ตัวเขามากที่สุด
ที่นี่ที่ไหนขอรับ พระคุณเจ้า ผจญ คุกเข่าพนมมืออย่างนบนอบ แม้จะอยู่ท่ามกลางความเป็นสากล แต่เขา ก็ยังไม่ลืมธรรมเนียมของคนไทย
นิพพานัง ปะระมัง สุขัง โยมปรารถนาจะมามิใช่หรือ ที่ซึ่งอยู่ห่างไกลการดับและการเกิด ผจญ จ้องมองพระรูปที่นั่งหันหน้ามาทางเขา ท่านมิได้ลืมตาดูเขาแม้แต่น้อย กระแสเสียงที่ส่งออกมานุ่มนวลน่าฟังนัก
พระคุณเจ้า กรุณาแปลเป็นภาษทางโลกด้วยขอรับ กระผมไม่เข้าใจเขาพูดออกมาซื่อ ๆ เขามิได้มีความรู้ทางภาษบาลีแม้แต่น้อย
อาตมา เชื่อว่าธาตุมีเพียง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ โยมเชื่อว่าธาตุมีเป็นร้อยชนิด แต่สุดท้ายเมื่อดับสูญแล้ว มีใครเอาธาตุไปได้กี่ชนิด ก็แค่หยิบยืมเขามาเพื่อเวียนว่ายตายเกิด ที่นี่คือ นิพพาน ไม่มีวัตถุธาตุ มีแต่ความว่างเปล่า จบคำว่าว่างเปล่า หลวงพ่อรูปนั้นก็ค่อย ๆ อันตรธานหายไป
ผจญ คิดว่าเขาคงอยู่ในความฝัน จึงคิดจะหยิกแขนตัวเองดู แต่ต้องพบกับความสยองสุดชีวิต เมื่อเห็นท่อนร่างของตนเองค่อย ๆ จางหายไป มันลุกลามขึ้นมาเรื่อย ๆ จนถึงหน้าอก
อ๊ากกกกกผจญ ตะโกน สุดเสียง อย่างหวาดกลัว
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
บทที่ 7 ส่วนหนึ่งของเอกภพ
ผจญ นักบินอวกาศชาวไทยผู้ออกค้นหาสถานที่นอกเอกภพ กำลังคิดว่าเขาคงอยู่ในความฝัน จึงคิดจะหยิกแขนตัวเองดู แต่ต้องพบกับความสยองสุดชีวิต เมื่อเห็นท่อนร่างของตนเองค่อย ๆ จางหายไป มันลุกลามขึ้นมาเรื่อย ๆ จนถึงหน้าอก
อ๊ากกกกก ผจญ สะดุ้งสุดตัว พบว่า เข็มขัดนิรภัยยังรัดอกเขาอยู่ ภายในยาน TP TWO จึงรีบคลายมันออก หายใจเข้าจนท่วมปอด แต่ทว่า ผจญ ยังคงมองเห็นพระสงฆ์ทุกรูปยังนั่งอยู่อย่างสงบนอกยาน TP TWO
ภพภูมิที่โยมเรียกว่าเอกภพนั้น อีกไม่นานก็ต้องดับสลายและก่อกำเนิดใหม่ หมุนเวียนเปลี่ยนไปไม่มีที่สิ้นสุด กัมมุนา วัตตะตี โลโก จงกลับไปเสียเถิด โยมมาสถานที่แห่งนี้ได้ แต่ไม่อาจอยู่ได้ เพราะสรรพธาตุทั้งหลายในร่างกายของโยม ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของเอกภพ
สาธุ หลวงพ่อ กระผมสว่างกระจ่างแจ้งแล้ว นายผจญ ยกมือขึ้นท่วมศีรษะ ก่อนจะพายาน TP TWO กลับสู่ฐานกลางเวหา
เมื่อยานลงจอดแล้ว ศาสตราจารย์ กอสซิคส์ เป็นบุคคลแรกที่ก้าวเข้ามาทักทาย
คุณทำสำเร็จแล้วใช่ไหม มิสเตอร์โจน
ท่านศาสตราจารย์ ยังจำวลีหนึ่งได้ไหมครับ
อะไร สีหน้าของ ศาสตราจารย์ กอสซิคส์ เปลี่ยนจากความตื่นเต้นเป็นฉงนสนเท่ห์
สสารไม่มีการสูญหาย ผจญทิ้งคำตอบปริศนาไว้สั้น ๆ แล้วก้าวจากไป หัวใจเต็มไปด้วยความเวิ้งว้าง เลื่อนลอย เพราะห้วงเอกภพนี้ เขามิอาจพิชิตมันได้เป็นคนแรก
ผจญ ก้าวกลับสู่พื้นโลกอีกครา เสียงเพลงบรรเลงของ โมสาร์ท ลำนำเสียงที่ 2087 ไม่ใช่เพลงโปรดของเขาอีกต่อไป เขามีเสียงเพลงใหม่ เข้ามาในสามัญสำนึกแล้ว
ดอกเชอรี่สีขาวบานสะพรั่ง ฉาบทาด้วยแสงแดดอ่อน ๆ ตอนรุ่งอรุโณทัย รถกระบะสีฟ้าคันหนึ่ง กำลังมุ่งหน้ามาพร้อมความสว่าง
ชายหนุ่มผู้สวมชุดนักบินอวกาศก้าวขึ้นไปบนรถ พร้อมกล่าวคำขอบคุณ
คุณจะไปไหน อารีมิตรเหลือบมองชุดที่ ผจญ สวมใส่ ในใจอาจจะมีคำถามมากมาย
วัดไทย แถวนี้มีวัดไทยบ้างไหม ?
.............................อวสาน.................................