24 มิถุนายน 2549 15:58 น.
วิจิตรวาทะลักษณ์
บ้านโคกสูง ณ แดนดิน ถิ่นอิสาน
ที่ชาวบ้าน ยังทำนา รอฟ้าฝน
ผลผลิต ลิขิตไว้ ใต้เบื้องบน
ตามแต่ฝน จะหล่นริน บนถิ่นนา
จากอดีต ปัจจุบัน อนาคต
ยังจำจด กับความจน ไม่พ้นหน้า
จนวันหนึ่ง มีหญิงสาว ก้าวจากนา
บินลัดฟ้า หาเงินแสน จากแดนไกล
ไปขายตัว เยอรมัน อันไกลโพ้น
หวังจะโยน ให้ความจน ไม่หล่นใกล้
เอากายแลก เศษเงินทอง ของคนไกล
มายาไส้ แม่พ่อ รออยู่นา
ส่งเงินให้ เดือนหลายหมื่น คืนสู่บ้าน
แม่หน้าบาน เพราะเงินทอง ของลูกหา
เอาสร้างบ้าน ซื้อทองใส่ ไถ่ที่นา
มีหน้าตา คนยกยอ พอประมาณ
จนเวลา ผ่านไป หลายปีล่วง
เธอเดินควง ชาวฝรั่ง คืนยังบ้าน
หอบเงินทอง พร้อมลูกน้อย ลอยหน้าบาน
ตั้งรากฐาน อยู่บ้านนา ประสาตน
สาวชาวบ้าน เห็นเธอไป ได้ดีดิบ
อีกนับสิบ เดินตามรอย ไม่คอยฝน
ทิ้งท้องนา ให้เปล่าว่าง ห่างเงาคน
ที่ผันตน ไปปนเปรอ เยอรมัน
จากเพียงสิบ เป็นยี่สิบ สามสิบต่อ
หาเงินพอ ก็ก็กลับบ้าน เพื่อสานฝัน
พร้อมลูกผัว จากเมืองฟ้า เยอรมัน
ผัวไทยนั้น เสียใจ เงินไม่มี
บ้านโคกสูง ดูแปลกตา อย่างน่าทึ่ง
มีลูกครึ่ง เต็มบ้าน ในวันนี้
คนจึงเปลี่ยน ชื่อหมู่บ้าน ให้ทันที
หมู่บ้านนี้ ชื่อหมู่บ้าน หมากสีดา
* หมากสีดา ภาษาอีสาน แปลว่า ฝรั่ง
วิจิตรวาทะลักษณ์(รฤมิตรเทวากร)
วันเสาร์ที่ 24 มิถุนายน 2549
เวลา 16.05 น.
22 มิถุนายน 2549 13:25 น.
วิจิตรวาทะลักษณ์
ณ ห้วงฟ้า นภาแคว้น แดนกว้างใหญ่
อาณาไกล สุดหล้า เกินตาเห็น
ตะวันลอย คล้อยเข้า เช้าจนเย็น
ยังมิเห็น สุดขอบฟ้า นภาไกล
ณ ห้วงเห่ ทะเลหล้า อาณานอก
คลื่นระลอก ระเริงหล้า เกินตาใกล้
จันทราจม ลมทะเล ดั่งเปลไกว
ประมาณไป หารู้รอบ ขอบนที
ณ ห้วงหลัก จักรวาล อันไกลโพ้น
หมู่ดาวโยน โอนเปลี่ยน เวียนวิถี
ดวงดาวหาง หมุนโคจร ร่อนราตรี
มิรู่ที่ สิ้นรอบ ขอบจักรวาล
อันห้วงฟ้า มหานที ที่ว่าใหญ่
อาณาไกล เกินกว่าตา มากล่าวขาน
หรือเหวห้วง แห่งเสาหลัก จักรวาล
ที่พาดผ่าน เกินอาณา โลกาไกล
ฤาจะสู้ ห้วงคำนึง ซึ่งเกินกล่าว
ด้วยกว้างยาว เกินกว่าปวง ห้วงไหนไหน
กินพื้นที่ ภายในห้วง ของดวงใจ
อาณาไกล เกินจะกล้า มากล่าวคำ
มองไม่เห็น ฝั่งฝา อาณาเขต
ภูมิประเทศ ใครมิกล้า มากรายก้ำ
ด้วยเหน็บหนาว ป่าวร้าง ไร้ทางนำ
ที่จองจำ ให้ตัวเรา เฝ้าดินแดน
ยังแหวกว่าย ตะกายเกียก ตัวเปียกชุ่ม
ความหนาวรุม สุมใจ ให้เจ็บแสน
อยู่ท่ามกลาง ห้วงคำนึง ถึงดินแดน
ที่มัดแน่น พันธนาการ ให้ซานซม
รอสวรรค์ ปั้นใคร ให้มาสร้าง
เปลี่ยนหนทาง ห้วงคำนึง ซึ่งขื่นขม
เป็นห้วงแห่ง แรงรัก หลากอารมณ์
พร้อมเพาะบ่ม สร้างสถาน วิมานเมือง
วิจิตรวาทะลักษณ์(นฤมิตรเทวากร)
วันพฤหัสบดีที่ 22 มิถุนายน 2549
เวลา 13.35 น.
21 มิถุนายน 2549 12:12 น.
วิจิตรวาทะลักษณ์
เมื่อนักเรียน ผู้เขียนอ่าน การศึกษา
เปลี่ยนทีท่า เป็นนักเลง เบ่งศักดิ์ศรี
ผู้ใดกล้า มาจองหอง ริลองดี
ตั้งเวที พิพากษา มาลงทัณฑ์
เอาโรงเรียน แหล่งสถาน การเรียนรู้
มาต่อสู้ ดั่งสถาน การแข่งขัน
กูรุ่นพี่ มึงรุ่นน้อง ต้องตามกัน
อย่าเทียบชั้น หาญกล้า มาลองดี
มึงมองหน้า ด่าในใจ ใช่ไหมนั่น
ต้องปรามมัน ให้ยำเกรง เก่งนักนี่
สั่งลูกน้อง ผู้จงรัก แสนภักดี
เอานังนี่ มาสั่งสอน ป้อนความตรม
มือจิกผม ข่มกาย ด้วยปลายเท้า
ทั้งศอกเข่า เข้าใส่ ให้สาสม
ทั้งตบตี ชกต่อย ถ่อยอารมณ์
ดั่งสังคม ไร้แปรขื่อ มาถือทำ
กิริยา ป่าเถื่อน เลือนมนุษย์
กระชากฉุด ตบตี ยังมีขำ
ยังเก็บภาพ การตบตี ที่ตนทำ
มาเผยซ้ำ ต่างประกาศ วาดศักดา
ว่ากูคือ ผู้ยิ่งใหญ่ ในแห่งนี้
ใครกล้าดี มาอวดใหญ่ ไม่ไว้หน้า
ดูตัวอย่าง ดั่งที่เห็น เป็นบุญตา
ถ้ากล้ามา จะเจอดี หนีไม่ทัน
ปัญญาชน คนเขาให้ ในนามนี้
คือศักดิ์ศรี แห่งเสื้อขาว พราวสีสัน
อย่าเปลี่ยนเป็น ทรชน จนจาบัลย์
จนถึงขั้น ถูกจำกัด ดัดสันดาน
รั้วโรงเรียน คือสถาน การศึกษา
หรือมีค่า เพียงเดนดัด อย่าอาจหาญ
เป็นนักเรียน อย่านักเลง เบ่งประจาน
ไม่ช้านาน เมื่อเติบใหญ่ ไม่ตายดี
วิจิตรวาทะลักษณ์(นฤมิตรเทวากร)
วันพุธที่ 21 มิถุนายน 2549
เวลา 12.20 น.
20 มิถุนายน 2549 11:43 น.
วิจิตรวาทะลักษณ์
สมัยก่อน ตอนอ่านเขียน เรียนประถม
ผู้เพาะบ่ม วิชาสาร การภาษา
ให้อ่านออก เขียนได้ แต่ใดมา
คือตำรา ของมานี ปิติชูใจ
แต่ละเรื่อง แต่ละเล่ม เต็มเนื้อหา
แต่ละแผ่น แต่ละหน้า ค่ายิ่งใหญ่
แต่ละบท แต่ละตอน ซ่อนความนัยน์
แต่ละคำ อักษรใส่ ดั่งร่ายมนต์
ตัวละคร ที่โลดเล่น เป็นหนังสือ
ล้วนฝึกปรือ ภาษาไทย ให้เป็นผล
ดั่งเขามี รูปคล้าย กายเป็นคน
พาเที่ยวซน เล่นไป ในตำรา
ยามใดอ่าน งานเขียน เรียนเล่มนี้
ดั่งเราหนี ท่องไป ในภาษา
มีปิติ ชูใจ ไขตำรา
ทั้งมานี มานะ พาเที่ยวไป
มียายของ ชูใจ ให้ขนม
คอยอบรม เล่านิทาน ในลานไม้
มีนายเพชร พาทุกคน ผจญภัย
ใครต่อใคร ในความหลัง ยังตราตรึง
ใช่เพียงเห็น เป็นหนังสือ สื่อภาษา
ใช่ตำรา ในเยาว์วัย ให้นึกถึง
แต่เรื่องราว หลายร้อย รอยคำนึง
ยังติดตรึง ตราใจ ไปชั่วกาล
น่าเสียดาย ที่เด็กไทย สมัยนี้
ไม่มีแล้ว เรื่องมานี ที่กล่าวขาน
กลายเป็นเพียง แค่เรื่องเล่า อันยาวนาน
จากผู้ผ่าน การศึกษา ภาษาไทย
มานีเอ๋ย สมัยนี้ ไม่มีแล้ว
เสียงเจื้อยแจ้ว ของจันทร ก่อนไปไหน
หวนคิดถึง หนูมานี ปิติชูใจ
ผู้สอนให้ รู้รักษ์ค่า ภาษาตน
วิจิตรวาทะลักษณ์(นฤมิตรเทวากร)
วันอังคารที่ 20 มิถุนายน 2549
11.50 น.
1 มิถุนายน 2549 18:37 น.
วิจิตรวาทะลักษณ์
เมื่อลมแล้ง ลงแปลงดิน ถิ่นอิสาน
แผ่นดินดาน ก็เหือดแห้ง ด้วยแล้งฝน
แรงลมแล้ง พัดดอกจาน ที่บานบน
ให้ร่วงหล่น ลงดินดาน ลาก้านใบ
ดั่งชีวิต ลูกอิสาน พลัดฐานถิ่น
จากแผ่นดิน จากท้องนา เคยอาศัย
มุ่งหน้าสู้ สู่เมืองฟ้า จากนาไกล
หวังชดใช้ ไถ่หนี้สิน ให้สิ้นที
เงินเดือนเบา แต่ตรากตรำ ทำงานหนัก
สัญลักษณ์ คนขายแรง ในแห่งนี้
เหงื่อหยดไหล รินหลั่ง สร้างสิ่งดี
ตามวิถี ลูกอิสาน จากบ้านนา
พักบ้านเช่า เท่ารังหนู อยู่แทนบ้าน
ข้าวแกงจาน พออิ่มคำ ยามยะถา
เงินเหลือใช้ ส่งคืนหลัง ยังบ้านนา
แลกข้าวปลา ให้แม่พ่อ ที่รอคอย
จากที่หนึ่ง ในห้องเรียน เปลี่ยนตำแหน่ง
มาขายแรง แลกเงิน พอเกินร้อย
จากหมอลำ มีชื่อเสียง เพียงเลิศลอย
ต้องมาคอย ลำขอทาน ตามลานดิน
จากนักมวย ชื่อดัง ชกครั้งหมื่น
ต้องมายืน ล้างจาน แบกงานหิน
จากเทพี ศรีสงกรานต์ ในบ้านดิน
มานั่งกิน กลิ่นเบียร์ กับเสี่ยบาร์
เหมือนเรานี้ มีตราบาป สาปชีวิต
ถูกลิขิต ให้ตรากตรำ ยามยะถา
จากอดีต ปัจจุบัน แต่นานมา
เรายังล้า บนหนทาง อย่างคนจน
บนหนทาง ของชาวดิน ถิ่นอิสาน
มีตำนาน คือน้ำตา มาทุกหน
เรายังรอ ความเมตา ฟ้าเบื้องบน
ได้ส่งคน เปลี่ยนเส้นทาง ห่างชาวดิน
วิจิตรวาทะลักษณ์(นฤมิตรเทวากร)
วันพฤหัศบดีที่ 1 มิถุนายน 2549
18.40 น.