25 สิงหาคม 2548 22:59 น.
วิจิตรวาทะลักษณ์
อดีตกาล เมื่อฝากฟ้า สิบห้าค่ำ
จันทราล้ำ นำแสงส่อง ต้องโลกหล้า
แสงสีนวล ชวนเพลินพิศ แนบนิทรา
ใต้ฟากฟ้า จันทราเจ้า กล่อมเรานอน
ข้าอยากให้ ข้าเต็มดวง ทุกห้วงฟ้า
เพื่อส่องหล้า ให้นอนหลับ หลงกับหมอน
เพราะข้าเห็น เมื่อแสงข้า กล่อมหล้านอน
ช่างโอนอ่อน ลงเบื้องล่าง อย่างอำไพ
สรรพชีวิต ใต้ฟากฟ้า เวลานี้
ในราตรี แห่งคืนเพ็ญ อันเย็นใส
เมื่อมนุษย์ สู่นิทรา ราตรีไกล
ช่างงดงาม ตามวิสัย อำไพพรรณ
แต่บัดนี้ ข้าอยากเป็น เช่นเดือนมืด
มิอยากยืด ให้แสงข้า ส่องหล้านั่น
เพราะภาพใหม่ ในเบื้องล่าง ช่างจาบัลย์
ข้าไม่อยาก จะเห็นมัน คืนวันเพ็ญ
เมื่อหนุ่มสาว ชาวนิสิต นักศึกษา
มาเริงรัก หลากลีลา ให้ข้าเห็น
ใช้ความมืด แห่งราตรี ที่ร่มเย็น
มาลองเล่น เช่นชู้สาว ให้ฉาวใจ
จะมองไป ทางไหนไหน ก็ใช่หมด
ข้าเหลืออด ไม่อยากดู รู้บ้างไหม
ไม่อายผี อายสาง บ้างหรือไร
อายข้าบ้าง จะได้ไหม อย่าได้ทำ
ใต้เงาไม้ ในริมทาง ไม่ว่างเว้น
เห็นข้าเป็น เช่นพยาน มันน่าขำ
เจ้าคือคน มิใช่สัตว์ อย่าอาจทำ
จงน้อมนำ เอาคำข้า มาใส่ใจ
หากไม่เชื่อ จนเหลือขอ ก็ลองเถิด
หากอยากเปิด ศึกกับข้า กล้าใช่ไหม
คำสาปข้า จะสาปส่ง ตรงลงไป
จากนี้ไป พระจันทร์ข้า จะจองเวร
วิจิตรวาทะลักษณ์ (นฤมิตรเทวากร)
วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม 2548
23.03 น.
25 สิงหาคม 2548 22:55 น.
วิจิตรวาทะลักษณ์
เมื่ออาทิตย์ อัสดง ลงดับแสง
ความมืดดำ จึงสำแดง ขับแสงจ้า
ราตรีม่าน จึงสานสั่ง กำบังตา
รัตติกาล จึงผ่านฟ้า มาร่ายมนต์
โรงแรมแห่ง รัตติกาล ถึงการเปิด
ก่อกำเนิด แหล่งเสพย์สุข ทุกแห่งหน
ที่ใดมืด แหล่งซอกอับ ลับตาคน
คือห้องคน บนโรงแรม รัตติกาล
เหล่าหญิงชาย หมายสมสู่ อยู่แห่งนี้
พี่กับน้อง น้องกับพี่ พี่กับหลาน
มาเปิดห้อง ของโรงแรม รัตติกาล
ป่าข้างบ้าน ข้างทุ่งนา ข้างป่าปอ
เสียงหรีดหริ่ง เรไร ในท้องทุ่ง
จึงคละคลุ้ง กับเสียงร้อง ในห้องหอ
ดาราราย ดั่งไฟโคม ประโลมรอ
ราตรีผ่าน ดั่งม่านทอ พอกำบัง
จะเสียเงิน เช่าห้องไป ทำไมเล่า
ในเมื่อเรา มีที่หมาย ให้สมหวัง
เมื่อเสร็จสม ก็แยกทาง ต่างลำพัง
มิหันหลัง ให้ติดค้าง ต่างน้ำตา
เมื่อความมืด มอบชีวิต นิทราให้
มวลมนุษย์ ได้หลับใหล ในโลกหล้า
ควรแล้วฤา มาเปิดให้ ใครเข้ามา
เริงกามา ณ โรงแรม แห่งรัตติกาล
วิจิตรวาทะลักษณ์ (นฤมิตรเทวากร)
วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม 2548
22.59 น.
25 สิงหาคม 2548 22:48 น.
วิจิตรวาทะลักษณ์
วายุว่าย พระพายพริ้ว ลิ่วสะบัด
พรมพร่างพัด สะบัดมา จากฟ้าไหน
ปะทะทาบ ปราบไม้ต้น จนหล่นใบ
ต้นเอนไหว ละลู่ลม ก้มลงดิน
พฤกษาสณฑ์ โดนลมลู่ ฤาสู้ไหว
จึงปลิดใบ ให้หล่นหลง ลงสู่สินธุ์
เมื่อไม้หมด ใบเคยเคียง ลงเรียงดิน
ใบจึงสิ้น เหลือแต่ก้าน ไว้ต้านลม
ลมจะแรง สักเพียงไหน พัดไม้ต้น
แค่ใบหล่น จนหมดสิ้น ให้ดินถม
แต่รากไม้ ใต้แผ่นดิน ไม่สิ้นคม
แค่แรงลม ฤาข่มไม้ ให้ไหวเอน
ประเทศไทย จะดำรง คงเป็นไทย
เมื่อรากไม้ ไทยมั่นคง ดำรงเห็น
ยังคงรักษ์ รากแห่งไทย มิไหวเอน
ไทยจะเป็น เช่นไทย ไม่สั่นคลอน
กระแสแห่ง กาลวิวัฒน์ จะพัดผ่าน
ไปสู่กาล เทคโนโลยี ที่หลอกหลอน
ความเป็นไทย จะคงมั่น มิสั่นคลอน
หากรากไทย ไม่ถูกถอน ขึ้นก่อนดิน
แด่รากเมือง ผู้เรืองยศ หมดทุกท่าน
อันเมืองบ้าน จะดำรง คงศักดิ์ศิลป์
อยู่ที่เรา ดำรงรักษ์ รากแผ่นดิน
อย่าลืมสิ้น ข้าขอฝาก รากนครา
วิจิตรวาทะลักษณ์ (นฤมิตรเทวากร)
วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม 2548
22.56 น.
14 สิงหาคม 2548 21:01 น.
วิจิตรวาทะลักษณ์
สองมือกุม ถุงกาว แล้วสาวฟ้า
เอื้อมแขนคว้า เอาดวงดาว พราวสดใส
เอามือดึง ให้ถึงดาว อันยาวไกล
มาอยู่ใน กำมือ แล้วถือดม
ไม่มีเงิน ซื้อยาบ้า มาร่วมเสพย์
ใช้เงินเก็บ ซื้อกาวตรา มาเสพย์สม
เปลี่ยนกาวทา ปะยางรถ หมดนิยม
มาเสพย์สม ดั่งของดี มีราคา
สารระเหย จึงครอบงำ นำไปสู่
ความเป็นอยู่ แห่งจินตนาการ อันเลิศหล้า
ภาพหลอนร้อย ลอยสะพรั่ง กำบังตา
สวยโสภา ดั่งวิมาน อันเลิศลอย
เมื่อสองเท้า ยังติดดิน บนถิ่นพื้น
แต่กลับยื่น เอามือคว้า ดาราร้อย
อีกมือหนึ่ง กุมถุงกาว ชมดาวลอย
ว่าตนสอย ดาวลอยฟ้า ลงมาดิน
ทั้งเด็กหญิง เด็กชาย หมายร่วมเสพย์
หมดเงินเก็บ ก็หาขอ พอไม่สิ้น
บ้างขายตัว มั่วขโมย หวังโบยบิน
เท้าติดดิน แต่มือสอย รอยดารา
ผู้ใหญ่เห็น เป็นเด็กน้อย ไม่ค่อยสน
ใช่ลูกตน หลานของตน ไม่สนหน้า
เด็กจึงดม ตามซอกอับ ที่ลับตา
ให้กาวพา อนาคต เด็กหมดไป
โอ้กาวเอ๋ย ระเหยไป ไม่เหลือหรอ
อนาคต เด็กไทยหนอ ก็มอดไหม้
หากปล่อยว่าง แล้ววางเฉย ให้เลยไป
อนาคต ของชาติไทย คงหายพลัน
หรือดมกาว ความผิดนั้น มันไม่ใหญ่
ตำรวจจึง ไม่สนใจ ให้เลยนั่น
ขึ้นชื่อว่า ยาเสพย์ติด พิษเท่ากัน
ควรหรือนั่น ปล่อยให้เขา ดึงดาวดม
วิจิตรวาทะลักษณ์
วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม 2548
21.06 น.
14 สิงหาคม 2548 20:54 น.
วิจิตรวาทะลักษณ์
เสียงวังเวง เพลงสงคราม ตามขับขาน
ในทุกย่าน ผ่านเสียงปืน อันขื่นขม
ระเบิดผ่าน ร่านประดัง ดั่งระรม
เพลงโศกตรม จึงพรมพรั่ง ดังระแวง
มีเรือจ้าง กลางแม่น้ำ แห่งสายเลือด
ที่ถูกเชือด ให้เลือดสาด หาดระแหง
อุดมการณ์ ครูยิ่งใหญ่ ไม่เปลี่ยนแปลง
จึงลงแรง เสี่ยงความตาย หมายวิชา
เพื่อนครูเขา หลายชีวิต ปลิดจากร่าง
ให้เวิ้งว้าง คงถึงตน บนเบื้องหน้า
เห็นเด็กน้อย ยังรอสอน ป้อนวิชา
จึงยังกล้า ยืนหยัด มิปัดไป
ทั้งพ่อแม่ เพื่อนพี่น้อง ร้องให้กลับ
อีกนานับ หลากปัญหา มาแข้ไข
เหนื่อยจากสอน ยังพอทน มิบ่นใด
แต่เหนื่อยใจ มันหนักอึ้ง จึ่งคร่ำครวญ
แต่ละวัน เสียงปืนดัง ยังไม่หาย
กี่คนตาย กี่คนร้อง ก้องโหยหวน
กี่ชีวิต ต้องโศกเศร้า เฝ้ารัญจวน
กี่เสียงครวญ ประโคมคู่ อยู่ทุกวัน
ขอเอาด้าม แดนขวานไทย ใช้ฝังศพ
ให้ดินกลบ ฝังร่าง ครูอย่างฉัน
ให้เขารู้ ว่าศรัทธา จรรยาบรรณ
ของครูนั้น ไม่ย่อท้อ ต่อสิ่งใด
อุทิศแล้ว จิตวิญญาณ อันแรงกล้า
เพื่อนำพา เด็กสู่ทาง อย่างสดใส
หากเขาอยาก ให้ลูกเขา โง่เง่าไป
รออะไร ฆ่าฉันสิ มิขัดเคือง
วิจิตรวาทะลักษณ์
วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม 2548
21.01 น.