25 พฤษภาคม 2548 23:38 น.
วิจิตรวาทะลักษณ์
ไทยลือเลื่อง กระเดื่องนาม สยามเมืองยิ้ม
ด้วยภาพพิมพ์ ยิ้มสยาม งดงามไสว
ติดตราตรึง ซึ้งทราบ อาบฤทัย
ทั่วโลกให้ ขนานนาม ตามสมญา
พอพบหน้า ยิ้มทักทาย แล้วไหว้พร้อม
คำนับน้อม ประนมมือ คือคุณค่า
สวัสดี เหมือนที่เคย เอ่ยวาจา
จึงตรึงตรา ติดตรึงใจ ใครยลยิน
เปี่ยมน้ำใจ ล้นไมตรี มีเอื้อเฟื้อ
ที่แผ่เผื่อ ธารน้ำใจ ไม่มีสิ้น
ใครทนทุกข์ รุกโรม โหมชีวิน
ไทยทั้งสิ้น ต่างพร้อมพลับ ซับน้ำตา
เมื่อสังคม เริ่มเปลี่ยนแปลง แล้งรอยยิ้ม
ภาพเคยพิมพ์ ยิ้มสยาม ยามเจอหน้า
เริ่มแปรเปลี่ยน เป็นหน้าบึ้ง กึงนัยน์ตา
เพราะเงินค่า มาเปลี่ยนแปลง แล้งน้ำใจ
น้ำใจเอ๋ย เคยไหลรวม จนท่วมโลก
ต้องเศร้าโศก เมื่อน้ำเงิน มาเกินใกล้
ไม่มีแล้ว ยิ้มสยาม และน้ำใจ
เคยตราไว้ คู่แผ่นดิน กลับสิ้นพลัน
สมญานาม ยิ้มสยาม อันงามงด
เคยปรากฏ คู่สยาม งามเฉิดฉัน
บัดนี้เขา ขอเอาคืน ไม่ยืนยัน
เพราะเรานั้น ไม่มีแล้ว แววยิ้มงาม
25 พฤษภาคม 2548 23:35 น.
วิจิตรวาทะลักษณ์
ประเทศไทย รวมเลือดเนื้อ ชาติเชื้อไทย
กังวานก้อง ผ่องอำไพ ให้ชนเห็น
คือเอกลักษณ์ ประจักษ์หล้า พาร่มเย็น
ให้ไทยเป็น เช่นชาติไทย ในโลกา
ร่วมร้อยเรียง เสียงประสาน ผ่านเชิงชั้น
ที่กรองกลั่น จากหัวใจ ไทยทั้งหล้า
บรรพชน ร่วมรังสรรค์ แต่นานมา
คงคุณค่า เพลงชาติไทย ให้แผ่นดิน
ทำนองเพลง บรรเลงลาย หมายร่วมชาติ
ก้องประกาศ ชนชาติไทย ไม่สูญสิ้น
คีตกาล ประสานทำนอง เพลงของแผ่นดิน
ผ่านคีตศิลป์ ถิ่นบรรพชน นิพนธ์ประพันธ์
ควรแล้วฤา จะถือสิทธิ์ คิดทำใหม่
มาบรรเลง เพลงชาติไทย หลายเวอร์ชั่น
เพลงชาตินี้ ควรมีหนึ่ง จึงสำคัญ
หลายเวอร์ชั่น ควรแล้วหรือ คือเพลงชาติไทย
เพลงชาติไทย คือเกียรติยศ คนหมดทั้งชาติ
อย่าบังอาจ เปลี่ยนความงาม ไปตามกาลสมัย
กระแสวิวัฒน์ แห่งกาลเวลา อาจโสภาวิลัย
แต่อย่าใช้ ใส่บทเพลง บรรเลงแผ่นดิน
จะทำอะไร ใส่ท่วงทำนอง บทเพลงของชาติ
เคยขออนุญาต เจ้าของเขาไหม ก่อนใส่คีตศิลป์
เจ้าของหรือ คือคนนับแสน อยู่บนแผ่นดิน
โปรดอย่าตัดสิน เพียงลำพัง ให้ฟังคนไทย
เพลงชาติไทย คือศูนย์รวมใจ คนไทยทั้งนั้น
หากแบ่งไป หลายเวอร์ชั่น มันสมควรไหม
แค่เพียงเพลงชาติ ยังแบ่งแยก แตกออกไป
นับประสาอะไร กับคนในชาติ คงแบ่งขาดออกจากกัน
24 พฤษภาคม 2548 23:44 น.
วิจิตรวาทะลักษณ์
หนั่งเหว้หว้า มองดูฝน ที่หล่นร่วง
คำนึงห้วง แห่งความเหงา เข้าสั่งสม
ป่านนี้เพื่อน คงสุขใจ กลางสายลม
ที่พร่างพรม ในทะเล ดั่งเห่มา
แต่ตัวเรา นังเหงาตรม ซมซึมเศร้า
หยาดน้ำตา แห่งความเหงา เข้าอาบหน้า
อยากจะไป เที่ยวทะเล ให้เปลพา
ไกวอุรา ให้โลดเล่น เป็นคลื่นใจ
ฝากทุกคน เก็บเอารัก จากเกลียวคลื่น
มาทักทอ ก่อเป็นผืน มายื่นให้
ซับน้ำตา จากตัวแทน อยู่แดนไกล
มิได้ไป ร่วมสังสรรค์ อันโอฬาร
แม้ตัวไกล จากระยอง ต้องหมองหม่น
แต่ใจตน ส่งไปให้ ใกล้สถาน
เห็นทุกคน ร่วมเริงรื่น พร้อมชื่นบาน
ก็สำราญ ในหัวใจ ไปเช่นกัน
โอกาสหน้า ถ้าฟ้าให้ คงได้พบ
คงประสบ ร่วมหัวใจ ได้รังสรรค์
แต่คราวนี้ ไมตรีพร้อม น้อมให้กัน
คราวหน้านั้น วิจิตรวาทะลักษณ์ จักมิคลาดครา
24 พฤษภาคม 2548 23:15 น.
วิจิตรวาทะลักษณ์
เกิดมาเป็น เช่นชาวดิน ถิ่นอิสาน
เรื่องอาหาร ไม่อดตาย เหมือนใครเขา
วิถีชน คนอิสาน แต่นานเนา
สอนให้เรา เข้าหากิน ตามถิ่นนา
ตื่นแต่เช้า เราจูงควาย ไปชายทุ่ง
สะพายถุง แล้วไล่ควาย ไปข้างหน้า
น้องถือเสียม เตรียมคุน้ำ เดินตามมา
แม่ถือผ้า กับสวิง วิ่งตามกัน
เอาควายผูก ให้เล็มหญ้า ในนาทุ่ง
สวิงแม่ เอาซ้อนกุ้ง คุ้งห้วยกั้น
น้องเอาเสียม สับหน่อไม้ ไว้รวมกัน
เก็บผักบุ้ง เอาผ้าพัน ไว้ทันที
ได้หน่อไม้ กุ้งหอย พอพลอยอิ่ม
ก็ยิ้มกริ่ม เดินกลับบ้าน ให้ทันที่
ก่อฟืนไฟ ปรุงอาหาร รสชั้นดี
แบ่งน้องพี่ ที่บ้างบ้าน ปันกันกิน
แต่วันนี้ แหล่งอาหาร ชั้นเลิศรส
ไม่เหลือคู่ อยู่ปรากฏ หมดเสียสิ้น
เหล่าห้วยหนอง ลำคลองเอ๋ย เคยหากิน
สารเคมี นี้เปื้อนดิน กินไม่ลง
เหล่ากอไผ่ ในห้วยเอ๋ย เคยสับอยู่
กลับเคียงคู่ ด้วนคลองปูน อาดูลย์หลง
ผักบุ้งเอ๋ย เคยเก็บกิน ในดินดง
กลับเหลือหลง ซากขยะ มาลอยแทน
เกิดมาเป็น เช่นชาวดิน ถิ่นอิสาน
เมื่อเมืองบ้าน เขาก้าวไป ไกลสุดแสน
จากเคยกิน อาหารป่า ณ ดงแดน
มาเปลี่ยนแทน เป็นปลากระป๋อง ของโรงงาน
24 พฤษภาคม 2548 23:12 น.
วิจิตรวาทะลักษณ์
มียายหนึ่ง ซึ่งเลี้ยงหลาน ในบ้านเก่า
หลักเรือนเสา เก่าคลอนแคลน มิแน่นหนา
หากินอยู่ คู่สถาน บ้านกลางนา
ตามประสา สองยายหลาน แต่นานเนา
แกเคยมี ลูกสาว คราวแต่ก่อน
แต่เดี๋ยวนี้ มิเคยย้อน ต้องนอนเศร้า
ส่งเขาไป ได้ดีแล้ว ไร้แววเงา
มีหรือเขา จะหันหน้า คืนหาตน
มีเพียงหลาน ที่ลูกสาว เขาทิ้งให้
ด้วยเชื้อไข จึงเลี้ยงดู อยู่เป็นผล
เงินสักบาท ไม่เคยให้ ไว้เลี้ยงตน
มิเคยบ่น ทนอุตส่าห์ หาเลี้ยงดู
เมื่อหลานสาว เจ้าเติบใหญ่ เป็นวัยรุ่น
รักจึงจุ้น ชายคบหา พาอดสู
ยายจึงห้าม ปรามเอาไว้ ให้ค่อยดู
หลานจึงสู้ ทำงามหน้า หนีมาตามกัน
หนึ่งปีผ่าน เจ้าหลานสาว ก้าวคืนถิ่น
ผ้าขาดวิ่น ห่อลูกน้อย พลอยร้องลั่น
หนูเอาให้ ฝากยายดู ลูกหนูละกัน
งานยุ่งทั้งวัน ไม่มีเวลา จะมาดูแล
ยายรับเอา เจ้าเหลนน้อย คอยเห่กล่อม
แม้ผ่ายผอม ยอมหาเลี้ยง เพียงดั่งแม่
หวังสักวัน เหลนรักยาย ไม่ผันแปร
อยู่ดูแล คอยฝังร่าง เมื่อวางวาย