26 มิถุนายน 2548 23:25 น.

แท๊กซี่สอนลูก

วิจิตรวาทะลักษณ์

นายบุญเย็น  เป็นแท๊กซี่  ที่กรุงเทพ
หาเงินเก็บ  ส่งทางบ้าน  เพื่อสานฝัน
ต้องพานพบ  เรื่องใหญ่น้อย  หลายร้อยพัน
ในทุกวัน  เจอหลายคน  บนเบาะตน

นายบุญเย็น  มีลูกสาว  คราววัยรุ่น
เพิ่งแรกแย้ม  ดั่งดรุณ  อรุณหน
ประสบการณ์  สอนบุญเย็น  ให้เห็นคน
จึงหวังใช้  สอนลูกตน  เป็นคนดี

โอ้ลูกเอ๋ย  พ่อเคยเห็น  เป็นหลายเรื่อง
ให้ขัดเคือง  สารพัด  เรื่องบัดสี
พ่อขับรถ  ส่งโดยสาร  กาลราตรี
ล้วนแต่มี  เรื่องเน่าเน่า  จะเล่าความ

บ้างขึ้นมา  สมสู่  อยู่เบาะหลัง
พ่อห้ามยัง  ว่าอย่าสอด  กอดกันหยาม
หนักกว่านั้น  ชุดนักเรียน  ที่ขาวงาม
ยังลวนลาม  ลูบจับ  น่าอับอาย

มีครั้งหนึ่ง  เจอเด็กนัก  สัก  ม. 2
โบกรถพ่อ  ขึ้นเบาะมอง  แล้งร้องขาย
คุณน้าขา  หนูมีเงิน  พันปลายปลาย
ให้น้าชาย  ช่วยพาหนู  สู่สวรรค์ที

พ่อเลยถาม  เขาไป  ทำไมหนู
เขาบอกอยู่  กับเพื่อนเลย  เลยลองนี่
วันนี้หนู  อยากลองนัก  อีกสักที
เสร็จแล้วพี่  ก็เลิกแนว  แล้วต่อกัน

โอ้ลูกเอ๋ย  อย่าเลยรอ  คำพ่อสอน
พึงสังวรณ์  ลูกเป็นหญิง  อย่าชิงฝัน
อย่าให้หนึ่ง  หลังเบาะฟูก  คือลูกพลัน
ไม่เช่นนั้น  หัวอกพ่อ  คงรอตาย
				
26 มิถุนายน 2548 23:22 น.

"ตราสถาบัน" สัญลักษณ์แห่งความภูมิใจ หรือ สัญลักษณ์แห่งความตาย

วิจิตรวาทะลักษณ์

ปิยะพงษ์  เป็นลูกชาย  ของยายแก้ว
ขายลูกชิ้น  อยู่แถวแถว  แนวถนน
พ่อเขาเสีย  แต่ยังเด็ก  ยังเล็กคน
แม่จึงทน  หาเลี้ยงดู  อยู่เรื่อยมา

ปิยะพงษ์  มีความฝัน  อันยิ่งใหญ่
อยากเรียนใน  สถาบัน  อันทรงค่า
ใส่เสื้อช็อป  ถือไม้ที  มีราคา
หน้าอกเสื้อ  มีตรา  สถาบัน

ปิยะพงษ์  เขาสอบได้  ดั่งใจเฝ้า
จึงได้เข้า  มาเล่าเรียน  ดั่งเพียรฝัน
เขาบอกแม่  ว่าเรียนจบ  คงครบครัน
จะสานฝัน  เปิดร้านซ่อม  พร้อมสบาย

เช้าวันหนึ่ง  ก่อนไปเรียน  เพื่อเขียนอ่าน
เขาเตรียมร้าน  เหมือนดั่งเคย  มิเลยหาย
แล้วลาแม่  ขึ้นรถเมล์  นั่งเบาะปลาย
สู่จุดหมาย  สถาบัน  ปั้นวิชา

หลังเลิกเรียน  รอกลับบ้าน  ชานป้ายรถ
ต้องกำสรด  เพราะตราสถาบัน  อันล้ำค่า
นักเรียนต่าง  สถาบัน  มันกรูมา
พิพากษา  มึงต้องตาย  เพราะใส่ต่างสถาบัน

โอ้อกตรา  สถาบัน  ชั้นปกเสื้อ
เลือดหลั่งเจือ  เพราะคมดาบ  ลงปราบปั้น
หนึ่งชีวิต  บริสุทธิ์  ต้องหลุดพลัน
สังเวยมัน  นักเรียนบาป  คราบนักเลง

แม่ทราบข่าว  ราวชีวิต  จะปลิดบ้าง
มาเห็นร่าง  เจ้าลูกชาย  ใจร้อนเร่ง
โผเข้ากอด  น้ำตาไหล  ไห้ตะเบ็ง
น้ำตาเอ๋ย  แทบจะเบ่ง  เป็นเลือดริน

มาสิมา  เอาชีวิต  แม่ไปด้วย
ลูกไม่อยู่  แม่คงม้วย  ลงด้วยดิ้น
หากแลกได้  กลับมาเถิด  มาสู่ดิน
แม่จะสิ้น  แทนเจ้า  มาเอาไป

ปิยะพงษ์  เป็นลูกชาย  ของยายแก้ว
ไม่มีแล้ว  คนเตรียมร้าน  การขายให้
ไม่มีลูก  แม่จะสู้  อยู่ทำไม
เสร็จงานเจ้า  แม่จะไป  ตายตามกัน
				
22 มิถุนายน 2548 22:53 น.

ช่อราชพฤกษ์ (กลัวน้อยหน้า ดอกาสะลอง คับ) เด็ก มมส สู้ ๆ

วิจิตรวาทะลักษณ์

มหา          ศาลสรรพวิชาตักสิลาแหล่ง
วิท            ยาแกร่งแหล่งความรู้คู่ถิ่นอิสาน
ยา             ชุบชีพสัพภัญญูผู้เจือจาร
ลัย            เลอฝันสั่งสอนสารสรรพวิชา
มหา         ศาลปานเมืองฟ้ามาเสกสร้าง
สาร         สะพรั่งดั่งราชพฤกษ์ผนึกหล้า
คาม         เขตเมืองเลื่องลือล้ำนามตักสิลา
หนึ่งในหล้า  มหาวิทยาลัย  มหาสารคาม


วิจิตวาละทักษณ์  (นฤมิตรเทวากร)
วันพุธที่  22  มิถุนายน  2548
เวลา  22.58				
19 มิถุนายน 2548 23:46 น.

สุสานเถียงนา"เพิ่งอกหักมา คับ ครั้งที่ 108 เฮ้อ ชีวิต"

วิจิตรวาทะลักษณ์

นั่งเวิ้งว้าง  กลางเถียงนา  ยามฟ้าค่ำ
ให้ความเหงา  เข้าครอบงำ  ความสดใส
จะปลดปล่อย  รอยแห่งช้ำ  ตามลมไป
ให้หัวใจ ได้ลอยล่อง  ในท้องนา

ให้หัวใจ  ไม่สมหวัง  เริ่มชังรัก
เพราะอกหัก  จนชาชิน  จนสิ้นค่า
กลับมาอยู่  สู่อ้อมแขน  แห่งแดนนา
ช่วยรักษา  แผลใจ  ให้หายดี

ฤากรรมเก่า  จากปางใด  ได้สาปส่ง
จึงยังคง  ต้องผิดหวัง  ยังป่านนี้
รักกับใคร  เมื่อเริ่มงาม  ตามแต่มี
แต่สุดท้าย  รักที่มี  กลับเลิกรา

ไม่เอาแล้ว  ความรัก  ไม่อยากได้
ขอหลบมา  เลียแผลใจ  ไม่เจอหน้า
ให้สายลม  ที่พัดพริ้ว  ในทิวนา
ช่วยพัดพา  ความห่วงใย  ให้พบพาน

ผ้าขาวม้า  ผืนน้อย  ห้อยบนขื่อ
จะยึดถือ  เถียงนานั่ง  ดั่งสุสาน
เอาขอแควน  ผ้าขาวม้า  หน้ามองคาน
ให้วิญญาณ  ล่องลอยไป  ไม่กังวล

หากชาติหน้า  มีอยู่จริง  ขอสิงสู่
เกิดมาอยู่  คู่กับรัก  จักเป็นผล
อย่าเจอเลย  การอกหัก  จักบันดล
ชาตินี้ทน  ทุกข์มาพอ  ขอลาตาย
				
19 มิถุนายน 2548 23:42 น.

คืนของดอกราตรี

วิจิตรวาทะลักษณ์

เป็นดอกไม้  ในค่ำคืน  อันขื่นขม
ให้ชายชม  ดมดอม  ยอมไร้ค่า
เอาความสาว  เข้าสังเวย  เผยกามา
แลกเศษเงิน  มาตีตรา  ค่าทำกิน

ยอมเป็นฝ่าย  ให้ชายเขา  เข้ามาเลือก
จนหมดเปลือก  เขาแทะโลม  จนโซมสิ้น
นั่งติดเบอร์  อยู่หน้าตู้  สู้ทำกิน
จนชาชิน  กลกาม  ตามลำพัง

วันนี้เถอะ  ขอเป็นวัน  ของฉันบ้าง
ขอปล่อยวาง  เจ้าดอกไม้  ไว้เบื้องหลัง
มุ่งหน้าสู่  บาร์ผู้ชาย  ภายลำพัง
เข้าไปนั่ง  ไกว่ห้าง  อย่างชำนาญ

แล้วเรียกหนุ่ม  หน้าใส  ไม่ใส่เสื้อ
ไม่หลงเหลือ  ยางอาย  เอาไว้ต้าน
เคล้าคลอหนุ่ม  จิบเหล้าเบียร์  เคลียร์คลอนาน
ส่งตาหวาน  ผ่านเล่ห์ร้อย  รอยมารยา

พอตีสอง  หิ้วหนุ่มน้อย  ดั่งร้อยเล่ห์
มาโอ้ละเห่  พาน้อง  ไปห้องว่า
แล้วเริงรัก  หลากรอย  ร้องลีลา
เพลิงกามา  จึงเผาพลาญ  ให้ร่านรุม

ค่ำคืนนี้  คือคืนของ  ดอกราตรี
จะปลดปล่อย  เพลิงโลกีย์  ที่ร้อนรุ่ม
บำเรอชาย  มาหลายวัน  มันร่านรุม
ขอเอาหนุ่ม  มาบำเรอ  เถอะสักวัน
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟวิจิตรวาทะลักษณ์
Lovings  วิจิตรวาทะลักษณ์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟวิจิตรวาทะลักษณ์
Lovings  วิจิตรวาทะลักษณ์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟวิจิตรวาทะลักษณ์
Lovings  วิจิตรวาทะลักษณ์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงวิจิตรวาทะลักษณ์