17 ตุลาคม 2551 15:45 น.
วาสุกรี
ตาต่อตา ฟันต่อฟัน แข่งขันสู้
ต้องรอบรู้ เราเขา เข้าฉกฉวย
ไม่มีญาติ ไม่มีมิตร คิดจนรวย
ต้องมอดม้วย หมดท่า ลงคามือ
...ทำกันอย่าง เลือดเย็น เฝ้าเข่นฆ่า
...ใครไร้ซึ่ง ปัญญา มายึดถือ
...ย่อมถูกจับ แขนขึง ตรึงคาขื่อ
...เกินลุกฮือ สู้ไป ใจเหนื่อยแรง
ฉันอยากช่วย ผู้พลั้งพลาด ไม่อาจช่วย
เพราะอ่อนด้วย ปัญญา ไม่กล้าแกร่ง
อ่อนด้อยวัย ควรหรือจะ มาแสดง
ทนฝังแฝง ความกดดัน อย่างหวั่นใจ
...ผู้ใหญ่บ้าง มุงดู อยู่เฉยเฉย
...บ้างเดินเลย มิคิด จิตแก้ไข
...บ้างก็ยิ้ม หัวเราะ เพราะเหตุใด
...สังคมไทย ก็เช่นนี้ ที่ยืนยง
จะไม่ขอ อยู่ดู ให้รู้ผล
ความปี้ป่น ที่ใคร ต่างใหลหลง
ฉันทำได้ เพียงฝืน และยืนปลง
แล้วจากวง "หมากรุก"ไป ในทันที
.......................................................................................................
15 ตุลาคม 2551 16:34 น.
วาสุกรี
บ้านนี้ เมืองไหน
มีแต่ไฟ มีแต่ฟอน
ดวงแด แด่วดิ้น กระเด็น กระดอน
สะทก สะท้อน สะท้าน สะเทือน
บ้านนี้ เมืองไหน
อ้าวนี่ไทย (ไง)เมืองเถื่อน
สยามยิ้ม ที่ใคร เยี่ยมเยียน
เปรอะเปลื้อน เลือดฉ่ำ น้ำตา อุรา ระบม
.........เศร้าใจครับ ทั้งที่ไม่อยากเขียนเลย
15 ตุลาคม 2551 14:20 น.
วาสุกรี
เหนื่อยแล้วหนอ ท้อนัก ขอพักก่อน
หลับตานอน ยามนี้ ไม่มีฝัน
รอฟ้ารุ่ง พรุ่งนี้ มีตะวัน
กับตัวฉัน ยามที่ ไม่มีใคร...
14 ตุลาคม 2551 16:51 น.
วาสุกรี
ดื่มน้ำตา อาลัย
ร่ำไห้ กวี
ผิด ถูก ชั่ว ดี
วิถี สามัญ
ทิ้งตัว ลงดิน
คว้าหิน ขว้างจันทร์
มิปา ใส่กัน
หรือ...รำพัน ลำพัง
หรือ...รำพัน ลำพัง
7 ตุลาคม 2551 15:30 น.
วาสุกรี
.... มีหัวใจ ในชีวิต อิสระ
หลากพันธะ ไม่เห็น เป็นปัญหา
ทุกข์และท้อ พอมีบ้าง บางเวลา
ถอยหมดท่า จนถอดใจ ยังไม่มี
... สุขกับการ ทำหน้าที่ ของชีวิต
ภารกิจ แน่ตระหนัก คือศักดิ์ศรี
เพื่อครอบครัว อุ่นไอ มากไมตรี
เพื่อคนที่ เรารัก พึ่งพักพิง
.... แม้นปากกัด ตีนถีบ ต้องรีบเร่ง
อยู่คร่ำเคร่ง ไขว่คว้า หาทุกสิ่ง
ไม่มีอะไร ได้เปล่า เขาอ้างอิง
ก็เห็นจริง ดังเขาว่า มาแต่เดิม
... มีหัวใจ ในชีวิต มีผิดพลาด
แต่ไม่อาจ ผิดซ้ำ ทำฮึกเหิม
ไม่ล้อเล่น กับชีวิต คิดต่อเติม
(เรา) ผ่านจุดเริ่ม ต้นใหม่ ไปไกลแล้ว...