31 มกราคม 2549 00:56 น.

ให้ผมช่วยนะ..........

วารินลับแล

ค่ำคืนเงียบสงบ 
ผมนั่งคิดถึงเรื่องที่ผ่าน 
ทันใดนั้น มีเสียงโทรศัพท์ ดังขึ้น ผมรับ
เป็นเสียงของเธอ ที่ผมพึ่งรู้จัก เธอ ร้องไห้.............ปัง!

........................................................................................................................

ผมมีโอกาสได้รู้จักเธอ
วันนั้นผมเดินทางกลับมาบ้านของผม 
หลังจากไปเที่ยว ผมมองเห็นเธอเดินขึ้นมาบนรถ 
เธอ เหลียวหาที่นั่ง เธอมองมาที่ผมแล้ว เธอก็เดินมา 
เธอเดินมา  ..เธอบอกว่านั่งได้ไหม ค่ะ 
ผมยิ้มเหมือนเป็นคำเชิญ แล้ว ตอบ ว่าได้เลย ครับ
เธอยิ้มแล้วนั่งลงข้างผม
ทุกอย่างดูเหมือนว่าไม่มีอะไรแต่แล้วเธอก็ พูดขึ้น
"ชื่ออะไรเหรอ ค่ะ"เธอถาม
ผมเลยบอกชื่อเธอไป
หน้าเธอของเธอดูยิ้ม ดูสดใส แต่ในแววตาของเธอ เศร้าๆอยู่
ทุกอย่างดูไปได้สวยแต่แล้วเธอก็พูดว่า
"คุณดื่มเหล้าไหม ค่ะ"ผมงงกับคำถามแล้วตอบไปว่า "ไม่ครับ"
ทันทีนั้นผมก็ถามเธอกลับว่า"แล้วคุณดื่มเหรอ"
 เธอตอบอย่างมั่นใจเลยว่าใช่
ผมได้ยินก็มีตกใจนิดๆ แต่ผมก็ไม่ใช่คนหัวเก่าจนเกินไปที่จะรับเรื่องผู้หญิงดื่มเหล้าไม่ได้  ผมยิ้ม ตอบเธอ
เธอขยับมาใกล้ผู้แล้วพูดใกล้ผมว่า"คุณสูบบุหรี่ไหม"ผมตกใจมากขึ้น คำเดิมที่ผมตอบ"ไม่ ครับ" ในตอนนี้ผมคิดว่าผมคงไม่ถามกลับเธอ ยังไงเธอก็คงไม่สูบ แต่แล้วเธอ พูดขึ้นว่า"ฉันสูบนะ"
ผมตกใจอย่างหนัก ไม่ได้ตกใจเพราะคำตอบที่ได้ยินแต่ตกใจที่ว่าเธอเล่าทำไม
ผมมองหน้าเธอ แต่เธอก็ยิ้มอย่างไม่รู้สึกว่าสิ่งที่เธอทำมันผิด 
ผมลองถามว่าเธอ สูบทำไม
เธอบอกผมว่า พ่อ แม่เธอแยกทางกัน เธอบอกอีกว่าความสุขที่เคยมีหายไป ในตอนนี้ ผมเริ่มเข้าใจเธอขึ้นมาหน่อย 
เธอเล่าต่อว่า เธอ ไม่มีใครและ เธอไม่รู้จะทำอะไร ให้เธอหายจากทุกข์ เธอบอกผมว่าเธอจึงเดินทางมาที่นี่ เพราะ เธอมีบ้านอยู่  ผมพูดบอกเธอว่า  คนเราไม่ได้หาความสุขได้แค่วิธีเดียวนะ วิธีที่ดูดีกว่านี้ก็ได้  เธอตอบผมว่า  เธอไม่รู้วิธีแล้วว่าจะทำอย่างไร ผมเงียบไม่รู้จะพูดยังไง
เธอพูดมาอีกว่า "เธอมีแฟนและชอบคบผู้ชายหลายคน "ผมได้ยินคำตอบนี้ ผมอยากจจะพูดอะไร สักอย่างแต่ผมพูดไม่ออก  ผมเงียบไป
พูดมาถึงตั้งแต่แล้ว บ้างคนที่ได้ยินอาจจะเดินหนีเธอ บ้างคนอาจจะว่าเธอ และดูถูกเธอ  
แต่ผม ไม่เพราะ "ผมอยากช่วยเธอ"

รถวิ่งมาหยุดที่จุดหมายของเรา
ก่อนลงจะจอดผมและเธอก็แลกเบอร์โทรกัน
ผมหวังว่าเราคงได้เจอกันอีก
ผมลงจากรถและเดินต่อไปที่บ้านของผม

ระหว่างเดินไป ผมคิดถึงเรื่องของเธอคนนี้ 
เรื่องของเธอ ดู หนักหนามากสำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง
เธอเหมือนดูไร้หนทาง เหมือนอยู่ในที่มืด ผมอยากจะช่วยเธอ แต่ ไม่รู้จะทำอย่างไร

คืนนั้น  เสียงโทรศัพท์ ดังขึ้น ผมรับสาย 
เธอ โทร มา
เธอ บอกว่า เราเป็นแฟนกันนะ
ผมตกใจ  ทำไมเธอถึงกล้า ถาม
ผมอาจจะ ช่วยเธอได้ ผมตกลง

บนทางเดินระหว่างเรา ทุกอย่างดูใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
เธอยิ้ม  ผมยิ้ม เรายิ้มด้วยกัน
ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปตามที่ผมคิด
แต่แล้ว.......วันหนึ่ง ผมเห็น เธอ ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ อย่างหนัก เธอร้องไห้
ผมรีบวิ่งเข้าไปหาแล้วถามว่าเธอเป็นอะไร  เธอบอกว่า แฟนเธออีกคนทิ้งไป
เธอบอกว่าเธอไม่เหลือใคร  ผมอยากจะตะโกนบอกเธอดังๆว่าผมนี้ไง
แต่ผมพูดไม่ออก  ผมนั่งลงข้างเธอ จับมือเธอไว้  บอกเธอใกล้ๆว่า ผมอยู่ตรงนี้นะ

ค่ำคืนดู มืดมน ไร้จันทร์ ดูเหมือนใจเธอในวันนี้ที่ดู มืดมน
ผมพาเธอไปส่งที่บ้านเธอ แล้วผมก็กลับบ้าน

ผมนั่งคิดถึงเรื่องที่ผ่าน 
ทันใดนั้น มีเสียงโทรศัพท์ ดังขึ้น ผมรับ
เป็นเสียงของเธอ  เธอ ร้องไห้ ผมบอกว่า "ไม่เป็นไรนะ อย่างไง เขาคนนั้นก็โง่อยู่ดีที่มองข้ามเธอไป " ผมพูดจบ เธอเงียบไป
สักพักเธอบอกว่าเธออยากตาย เสียงลมหายใจของผม แทบไม่ได้ยิน ผมตกใจเหลือเกิน ที่ได้ยินคำนั้น
 ผมคิดรู้สึกในใจลึกๆว่าที่เธอมาที่นี่ ไม่ได้มาอยู่คนเดียวแต่เธอมา"ฆ่าตัวตาย"  ผมบอกเธอว่า อย่าใจร้อนนะ เดี๋ยวผมไปหา เธอพูดคำเดียวว่า "ไม่" แล้ว เสียงที่คุณคงไม่อยากได้ยินก็ดังขึ้น ปัง.....
ผมเกือบหยุดหายใจ ในเวลานั้นเหมือนผมตกลงไปในที่มืดมน ไร้ทาง
แต่แล้วผมก็วิ่งไปหากุญแจรถแล้วรีบไปหาเธอ  ผมเร่งรถเต็มที่ ถึงแม้จะรู้ว่า ฝนตก จนไม่เห็นทาง รถจอดหน้าบ้านของเธอ ผมเรียกเธอ ไม่มีเสียงของเธอ
ผมจำได้ ผม ข้ามรั้ว บ้านเธอ และ พังประตู แล้วสิ่งที่ผมเห็น.คือ.............ร่างของเธอ นอนอยู่บนพื้นในมือถือปืน  แต่แล้วผมต้องประหลาดใจ เมื่อเธอยังหายใจแล้วเสียงปืน ล่ะ ผมรีบวิ่งไปหาเธอดึงเธอมากอด แล้ว พูดว่า ทำไมเธอถึงทำแบบนี้ เธอค่อยๆมาขึ้นมาที่หน้าผม ทำไมตอนนี้ ใบหน้าของเธอ ไม่มีความเศร้าเลย
ทั้งที่ ก่อนหน้านี้เธอ ร้องไห้  เธอหลับตาแล้วพูดว่า"ขอบใจนะที่เธอมา"
ใบหน้าที่ผมเห็นเป็นภาพที่เธอดูอ่อนล้า แต่เธอ ยัง ยิ้มได้ เธอยังพูดอีกว่า
"ฉันรู้แล้วว่า ฉันไม่ได้ไม่มีใคร ขอบใจนะที่เธอมา ช่วย ฉัน จากความมืด"
"ฉัน....ขอบใจจริงๆ"
ผมเงียบไป ผมคิดว่าผมไม่เคยกอดใครแล้วมีความรู้สึกแบบนี้เลย
และผมได้ยินคำนั้นจากเธอ น้ำตาไหลมาจากตาผม 
เช่นกันน้ำตาเธอไหล จากที่ตาเธอลงมาที่พื้น 
มีคำหนึ่งที่บอกเธอในเวลานั้น ผมพูดว่า"ผมรักคุณ"
ทุกอย่างเงียบ  ไม่ได้ยินแม้เสียงลม คืนนั้น ผมนอนที่พื้นเพื่อว่าผมจจะอยู่เป็นเพื่อนเธอ ทั้งคืน

เช้าวันใหม่ ผมตื่นขึ้น ลืมตามา เห็นเธอ นั่งอยู่มองมาที่ผมแล้วยิ้ม
รอยยิ้ม ใบหน้า ของเธอ ในตอนนี้ เป็น ภาพที่ผมไม่เคยเห็นเลยตั้งแต่ที่คบกัน
มองดู มีความสุขมากๆ  เธอยืนขึ้นแล้วเดินมาหาผม ยื่นมือมาหาทางผม
ผมยื่นมือตอบ เราจับมือกันแล้วเธอ พูดด้วยเสียงใสๆว่า "ฉันตัดสินใจแล้วนะ
ฉันจะเลิกทุกอย่างเพื่อเธอ "     เธอดึงมือผมขึ้น แล้วเธอ 
พูดว่า" เราจะเดินไปด้วยกันนะ "................

"อดีตไม่ใช่คำตอบ  แต่อนาคตนี่ซิคำตอบ"

"ทางเดินอาจจะไกล แต่หัวใจฉัน  วันนี้   ขอสู้   ไปพร้อม เธอ"


ขอให้ทุกคนโชคดีครับ				
8 ตุลาคม 2547 00:51 น.

ความรักที่ไม่ต้องการความเหมือน

วารินลับแล

เขาชอบดำ.......เธอชอบขาว
เขาชอบเพลงใต้ดิน........เธอฟังเพลงสบายๆ
เขาตัวสูง........เธอไม่สูง
เขาเรียนไม่เก่ง........เธอท็อปเกือบทุกวิชา
เขาเก่งกีฬา.........เธอไม่เคยวิ่งทันใครเค้า
เขาชอบเสียงเครื่องยนตร์........เธอเกลียดความเร็ว
เขาชอบฝน......เธอกลัวเสียงฟ้าร้อง
เขาเป็นคนเงียบๆ ไม่เรื่องมาก..........เธอร่าเริงและจำเป็นต้องมีคนอยู่รอบด้าน
เขาเก็บความรู้สึกและระบายลงสมุดบันทึก........เธออ่อนไหว ขี้เหงาและช่างรู้สึก
เขาน้ำตาซึมเพราะมองไม่เห็นค่าของตัวเอง.......เธอร้องไห้ให้ความเดียวดายที่เกาะกุมหัวใจ
เขาชอบเก็บตัวอยู่คนเดียวในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ.....เธอชอบมิตรภาพที่ใครต่อใครมอบให้

แต่กระนั้น .. ผู้คนมากมายที่รายล้อมก็ไม่ได้ทำให้เธอหายว้าเหว่

ทุกครั้งที่เขาเหงา.. เธอจะนั่งอยู่ข้างๆโดยไม่เรียกร้องความสนใจ
ทุกครั้งที่เธอร้องไห้ .เขาไม่มีคำปลอบโยนเพียงแค่กุมมือเธอไว้

ทุกครั้งที่เขามองเห็นเงาตัวเองในกระจก ..

เขาจะเห็นเพียงผู้ชาย...ที่ไร้ความสามารถและไม่มีความสำคัญกับใคร 
แต่เธอกลับมองเห็นผู้ชายคนนึง.....ที่สามารถปกป้องเธอได้และมีค่ามากมายสำหรับเธอ 

ทุกครั้งที่ฝนตก .เธอจะนั่งหลบอยู่ในมุมหนึ่งของห้อง 
ฝนพัดพาความเหงามาให้ เสียงฟ้าร้องเรียกความกลัวมาใกล้ 

แต่ทุกครั้งที่ฝนตก เขาจะโทรศัพท์หาเธอ และจะอยู่ตรงนั้น
จนกระทั่งฝนหยุดตก......แม้จะไม่ได้พูดอะไรกันเลยสักคำ

เขาและเธอ.....อยู่ด้วยกันในความเงียบ.....แต่ไม่เคยรู้สึกอึดอัด
เขาและเธอ.....อยู่ด้วยกันในความเงียบ.....แต่เหมือนกับได้พูดคุยกันตลอดเวลา

เขาและเธอ.....เหงาด้วยกัน.....แต่กลับรู้สึกอุ่นในใจ
เขาและเธอ.....เหงาด้วยกัน.....แต่กลับรู้สึกว่าตัวเองมีค่าขึ้น

ความรักไม่ต้องการความเหมือนกัน
แต่ ความรัก ต้องการการ Take Care ดูแล ใส่ใจไว้ใจและเข้าใจ				
5 ตุลาคม 2547 00:28 น.

ถ้าเลือกได้ เพียงคนเดียว ..

วารินลับแล

ถ้าเลือกได้ เพียงคนเดียว .. 

ถ้าคนๆหนึ่งเปรียบเหมือนสายฝน 

เป็นหยดน้ำที่เย็นฉ่ำสดชื่น..แต่ชั่วประเดี๋ยวอาจหยุด 

ชั่วประด๋าวตกมาโครมครืน 

คนๆนี้มีถ้อยคำเป็นสายฝน 

ที่จะหยดมาแต้มความเย็นชื้นให้หัวใจคุณ 

ชั่วประเดี๋ยวก็หยุด ให้คุณค้นหา 

ชั่วประด๋าวมาใหม่ ให้คุณอิ่มเอม 

เล่นอยู่กับสายฝนที่จริงก้อสนุกดี 

แต่อย่าลืมว่า เล่นกับมันมากไปก็จับไข้ได้เหมือนกัน 

ถ้าคนๆหนึ่งเปรียบเหมือนอากาศ 

เราหายใจกี่ครั้งต่อวันไม่มีใครนับ 

และเราก็มักลืมเลือนไปว่าเรากำลังหายใจเอาอากาศเข้าไปอยู่ 

เพราะการมีอยู่ของอากาศ เรามองไม่เห็น 

และมันก้อบางเบาจนคิดไม่ถึง 

คิดไม่ถึงว่าที่จริง..อากาศแวดล้อมเราอยู่ใกล้ๆไม่ไกลเลย 

คนๆนี้ไม่มีถ้อยคำเป็นเม็ดเป็นหน่วย 

ให้คุณจับต้องได้และมองเห็น 

แต่เขาจะหยิบยื่นในสิ่งที่คุณฝันได้เสมอ 

และเติมเต็มในสิ่งที่คุณขาดหายไป แม้ว่าคุณจะไม่มีใครเลยก็ตาม 

ถ้าเป็นคุณจะเลือกใคร??? 

ระหว่างคนที่บอกว่ารักคุณมาก..แต่เขาไม่ค่อยใส่ใจความเป็นอยู่คุณเลย 

กับอีกคนที่ไม่เคยบอกแม้กระทั่งคิดถึง..แต่เขารู้หมดว่าคุณต้องการอะไร				
5 ตุลาคม 2547 00:03 น.

บันทึกของ...เธอ...

วารินลับแล

ฉันมักจะเรียกตัวเองว่า "คนเขียนหนังสือ" อยู่เสมอ 
ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันคงเพราะว่าฉันเขียนหนังสือไม่ดีพอที่จะเรียกตัวเองว่า"กวี" ได้ล่ะมั้ง 
โลกของตัวอักษรสวยงามนัก แค่มีปากกาสักด้าม เศษกระดาษสักแผ่น 
และมีเขาคนนั้นเป็นพระเอกของเรื่องสักคนก็คงเพียงพอ 
เรื่องราวความรักของฉันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ 
รู้เพียงแต่ว่าในสมุดบันทึกประจำวันของฉัน 
มีชื่อเขาตั้งแต่วันมอบตัวทีเดียว 

คงเพราะความบังเอิญที่ทำให้เราสองคนมักจะได้ทำอะไรด้วยกันเสมอ 
ได้เล่นละครด้วยกัน 
ได้นั่งคู่กันในห้องทดลองวิทยาศาสตร์ 
หรือแม้กระทั่งไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยครั้ง 
แต่เรากลับไม่ได้ใกล้ชิดกันเท่าที่ควร 
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม 
จนวันหนึ่ง 

"มีนอยากวาดรูปเหรอ เราสอนให้ก็ได้นะ" 

นี่แหล่ะประโยคสำคัญที่ทำให้เราสองคนได้มีโอกาสใกล้ชิดกันมากขึ้น 
เขารีบกระวีกระวาดไปหากระดาษกับดินสอมาวางไว้ตรงหน้าฉัน 
ไม่รู้ว่าวิญญาณครูไปสิงอยู่กับชายคนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน 
เขาลากเส้นเป็นตัวอย่างแล้วให้ฉันลองทำตามไปช้าๆ 
ลมที่พัดแรงทำให้ผมของฉันปลิวจนยุ่งไปหมด 

"ขอโทษนะ" 

เขาพูดแล้วเอื้อมมือมาหยิบปอยผมของฉันที่ปลิว 
เพื่อเหน็บหูของฉันไว้อย่างเดิม 

"ขอบคุณนะเฟิร์ส" ฉันพูดเขินๆ 

ใบหน้ากลายเป็นสีแดงระเรื่อ 
เขายิ้มบางๆเหมือนกับจะบอกว่าไม่เป็นไร 
หลังจากทนนั่งดูฉันลากเส้นที่ดูไม่ได้เอาเสียเลยมาเป็นเวลานาน 
เขาก็ลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจแล้ว 
ส่ายหน้าไปมาอย่างหดหู่ 

"แย่กว่าเราตอนฝึกวาดใหม่ๆซะอีก" 
เขาทำท่าทางเหมือนครูที่กำลังดุนักเรียนอยู่ยังไงยังงั้น 

"ก็คนมันไม่เก่งนี่นา" 
"ไม่ต้องสอนก็ได้นะ" ฉันบ่นเบาๆแล้ววางดินสอลงแรงๆ 
เอาเหอะฝึกต่อไปละกันฮะ 

"วาดรูปน่ะไม่ยากหรอกถ้ามีคนสอนดีๆอย่างเรา" 
เขาบอกยิ้มๆ 

ฉันส่ายหน้ากับความหลงตัวเองของเขาหลงตัวเองจริงๆนะนายเฟิร์สจอมเก๊ก 
เราสนิทกันมากขึ้นทุกทีสนิทท่ามกลางเสียงแซวและวิพากษ์วิจารณ์ของเพื่อนที่ 
"ไม่เว้นแม้แต่ในคาบเรียนสวีทกันจังเลยคู่นี้" 
เสียงเพื่อนๆที่ดังมาจากด้านหลังห้องทำให้ฉันต้องวางดินสอลงอายๆ 

"เฮ้ย! เธออย่าแซวซิ" 
"เราไม่ได้คิดอะไรอย่างนั้นสักหน่อย" เฟิร์สแก้ตัวให้ 

เพื่อนๆทำสีหน้าไม่เชื่อ 
แต่พอเห็นหน้าตาเอาเรื่องของฉันก็เลยจำใจต้องสงบปากสงบคำแล้วเดินหนีไปคุยกันที่ 
อื่นแทน 

"ช่างเขาเหอะ" 
ฉันพูดเบาๆแล้วก้มหน้าก้มตาวาดรูปต่อไป 

"มีนเรามีอะไรจะบอก" เขาพูดท่าทางเขินๆ 
อารายเหรออออ" 
ฉันเงยหน้าขึ้นมองแล้วพูดลากเสียงยาว 

"เราชอบผู้หญิงคนหนึ่งนะ" 
สีหน้าอายๆของเขาทำให้ฉันแอบหวังอยู่ลึกๆว่านี่ 
คงจะเป็นวิธีการบอกรักทางอ้อมของเขา แต่. 

"คนนั้นไง" 
ว่าแล้วเขาก็ชี้ไปที่เพื่อนร่วมสถาบันคนหนึ่งที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู 
ฉันหันไปยิ้มล้อ 
บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมไม่รู้สึกเสียใจอะไรเลยจนนิดเดียว 
อาจจะเป็นเพราะว่าฉันไม่เคยหวังให้เขามารัก 
แค่รู้สึกรักเขาอยู่ฝ่ายเดียวก็พอ 

เสียงออดบอกเวลาเลิกเรียนดังขึ้น 
ฉันวางดินสอลงโดยอัตโนมัติ "เรากลับแล้วนะ" ฉันบอกเบาๆ 
"ขอบคุณสำหรับการสอนวาดรูปและทุกๆอย่างนะ" 
"มีนพูดเหมือนสั่งลาเลย" เขาพูดติดตลก 
"อย่างกับเราจะไม่ได้สอนมีนอีกอย่างนั้นแหละ" "ใครจะไปรู้ล่ะ 
ชีวิตมันไม่แน่หรอกเฟิร์ส" ฉันพูดทีเล่นทีจริง 
แล้วเดินไปปิดกระจก 
และประตูห้องเรียน เขาเดินมาช่วยอีกแรงหนึ่ง 

"วันเสาร์เจอกันที่เรียนพิเศษแล้วกันนะ บ๊ายบาย" 
เขาบอกลาแล้วโบกมือให้ 
ฉันยิ้มรับแล้วโบกมือตอบไป "กลับบ้านดีๆนะจ้ะหนูมีน" 
เสียงตะโกนของเขาที่ดังตามหลังมา 
ทำให้ฉันแอบอมยิ้มบางๆอย่างมีความสุข 
ฉันนั่งคิดถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับเขานับตั้งแต่วันแรกที่รู้ 
จักกัน ตลอดเส้นทางกลับบ้าน 
ไม่เคยคิดเลยว่าผู้ชายที่แสนจะธรรมดาคนนี้จะกลายมาเป็นคนสำคัญของหัวใจ 
ถึงจะรู้ว่าเขามีคนที่เขาชอบอยู่แล้ว 
แต่นั่นก็ไม่สำคัญอะไรเพราะฉันก็ยังคงมีความสุขที่จะรักเขา 
ที่จะได้เห็นรอยยิ้ม 
ได้ยินเสียงหัวเราะของเขา 
มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับฉันคนนี้แล้ว 
ฉันหยิบภาพเหมือนของฉันที่เขาวาดให้ตอนวันเกิดขึ้นมาดู 

"สุขสันต์วันเกิดนะครับ" 
ฉันยังจำเสียงใสๆของเขาที่บอกตอนเช้าตรู่ในวันสำคัญของฉัน 
"มีความสุขมากๆนะครับมีน" 
รอยยิ้มจริงใจของเขาในวันนั้นยังบันทึกอยู่ในความทรงจำของฉันเสมอมา.ไม่เคยลบเลือน 

"โครมมมมมมม!!!!!!" เสียงดังขึ้นที่ถนนสายหนึ่ง 
บรรดาไทยมุงต่างพากันมามุงดูเหตุการณ์รถคว่ำ 
ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งถูกหามออกมา 
กระดาษวาดเขียนตกลงมาจากมือที่เปียกชุ่มไปด้วยเลือดของเธอ 
ชายแก่คนหนึ่งหยิบขึ้นมาดู 
เห็นหยดเลือดเปรอะไปทั่วแผ่นกระดาษนั้น 
แต่ก็พอจะมองเห็นลางๆ 
ว่าเป็นภาพวาดของหญิงสาวที่กำลังยิ้มสดใสในชุดนักเรียนโรงเรียนมัธยมปลายชื่อดัง 
มีลายมือที่เขียนไว้ใต้ภาพอย่างสวยงามว่า 

"เพียงความทรงจำเฟิร์ส" 

ชายแก่คนนั้นทิ้งภาพไว้ที่เดิมอย่างไม่ใคร่สนใจใยดีนัก 
ลมเริ่มพัดกระหน่ำแรงขึ้นเรื่อยๆ 
จนทำให้กระดาษแผ่นนั้นปลิวตกลงไปบริเวณลำคลองริมถนนและค่อยๆจมหายลงไปใต้ผืนน้ำนั้น 
ผมได้สมุดเล่มนี้มาจากเพื่อนสนิทของเธอ 
ผมเลยขอเขียนเรื่องนี้ให้จบด้วยมือของผมแทน 

เมื่อเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา 
ผมไปเรียนพิเศษก็นึกแปลกใจอยู่ตะหงิดๆว่าทำไมเธอถึงไม่มาเรียน 
เพราะปกติเธอไม่ใคร่จะชอบหยุดเรียนนัก 
ก็บังเอิญผมไปพบเพื่อนสนิทของเธอเข้าพอดิบพอดี 

"เฟิร์สรู้เรื่องมีนหรือยัง" 
เขาถามผมทันทีที่พบกัน 
สีหน้าของเขามีแววเศร้าๆปรากฏอยู่ ตาก็ดูบวมแดงผิดปกติ 
"ยังครับ มีนทำไมเหรอ" ผมถามยิ้มๆ 
เธอก็คงไม่สบายแต่อาจจะหนักหน่อยถึงยอมขาดเรียนวันนี้ผมคิด 

"มีนรถคว่ำ" 
"ตอนนี้อยู่ห้อง ICU โรงพยาบาล." เขาบอก 

ผมอึ้งไปสักพักใหญ่ๆ 
พอได้สติอีกทีก็มายืนอยู่หน้าห้อง ICU 
โรงพยาบาลแห่งหนึ่งข้างๆเพื่อนสนิทของเธอคนเดิม 
เขาจัดการเป็นธุระไถ่ถามพยาบาลถึงเตียงของเธอเพราะไม่เห็นเธออยู่ที่เตียงเดิม 

"เสียใจด้วยนะคะ คุณมีนาหัวใจล้มเหลวเมื่อ 15 
นาทีที่แล้วค่ะ" 
หูผมอื้อไปหมดจนไม่ได้ยิน 
เสียงพยาบาลที่พูดอธิบายเรื่องราวต่อจากนั้น 
ถ้าจะถามผมว่าวินาทีนั้นผมรู้สึกเช่นไร 
ผมก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน 
รู้เพียงแต่ว่าน้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาท่วมใบหน้าของผมตั้งแต่ได้รับรู้ว่า 
เธอจากไปแล้ว .... 

..... 

.......... 

ผมอ่านบันทึกเล่มนี้หลังจากที่ร่างของเธอฌาปนกิจเสร็จเรียบร้อยแล้ว 
ผมเพิ่งรู้ว่าเธอรักผม 
แต่ทำไมเธอถึงไม่รู้เลยว่าคำพูดที่ผมพร่ำบอกกับเธออยู่บ่อยครั้งว่า 

"รักกับชอบแตกต่างกัน" 
มันคือสิ่งที่ผมอยากให้เธอรับรู้ 
ผู้หญิงคนที่ผมเคยชี้ให้เธอดูคือคนที่ผมชอบ 
แต่ผู้หญิงคนที่ผมรักคือ 

"เธอคนนี้" 

เธอคนที่เข้าใจและเป็นกำลังใจให้ผมอยู่เสมอ 
เธอจากไปอย่างไม่มีวันกลับทั้งๆที่ยังไม่รู้เลยว่าผมคิดอย่างไรกับเธอ 
ถ้าผมสามารถขอพรวิเศษใดๆได้ 
ผมอยากจะขอแววตาคู่นั้นที่เคยจ้องมองผมด้วยความรู้สึกดีๆอยู่เสมอ 
รอยยิ้มที่เคยมีให้เวลาผมท้อแท้ 
เสียงหัวเราะที่เคยทำให้โลกทั้งโลกดูสดใส 

ผมอยากจะขอให้เธอกลับคืนมา 

เธอคือรักครั้งแรกของผม 
อาจต้องใช้เวลามากสักหน่อยในการทำใจว่า 
ต่อจากนี้จะไม่มีเธออยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว.... 
ไม่มีคนที่เข้าใจและคอยห่วงใยผมตลอดมา 
แต่ผมรู้เสมอว่าเธอจะคอยจ้องมองผมอยู่ห่างๆเหมือนอย่างเคย 
เพราะนั่นคือสิ่งที่เธอเรียกมันว่าความสุข 
และเธอจะรอผมอยู่ ณ ที่แห่งนั้น 
ตรงดินแดนแห่งความรักที่สร้างไว้สำหรับเราเพียงสองคน 
สักวันผมจะไปหาเธอ 

หลับให้สบายนะครับมีน 
หลับตาเถอะนะแล้วเราก็จะพบกันอาจเป็นเพียงฝันก็พอใจ 
หลับตาเถอะนะถึงตัวเราจะแสนไกลห่างกันเพียงไหนก็ใกล้เธอ 

ชีวิตขีดเส้นทางไว้ให้เราเจอกันขีดทางที่ผกผันให้มีวันห่างไกล 
หลับตานานนานคิดถึงวันเก่าจะยังมีเราสองคนหลับตาเถอะนะคนดี				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟวารินลับแล
Lovings  วารินลับแล เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟวารินลับแล
Lovings  วารินลับแล เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟวารินลับแล
Lovings  วารินลับแล เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงวารินลับแล