4 กันยายน 2545 00:30 น.
วลี..
เพียงรำพึงไพเราะ
เพราะอารมณ์ที่อ่อนไหว
เอื้ออาทร จากน้ำใจ
ทาทาบ ระบายสวยใส ใจจริง
ทั่วฟ้า ประกายฟ้า เมฆขาว
ตะวัน สาดแสงวาว ใหญ่ยิ่ง
ธารเอื้อย กระเพื่อมพราว อ้อยอิ่ง
ตลิ่งประดับเด่น บุษบา
วายุ ลุโทษทัณฑ์ พลันโบยโบก
กรรโชก กระชากสิ้น กลิ่นบุปผา
ทมิฬเมฆ คลั่งทะมึน กลืนนภา
วิชชุสาด ประกายกล้า น่ายำเกรง
เส้นตั้ง ปะทะกับเส้นนอน
สัมผัสตัดจุดอ่อน ข่มเหง
รวดร้าว ราวดาวดิ้น สิ้นเพลง
ธรรมชาติ วาดละเลง ต่อไป ..
2 กันยายน 2545 22:44 น.
วลี..
คราม เขียว ส้ม อมแสด แดดรอนรอน
ไกวเปลอ้อน หลับไหล ใต้มะพร้าว
ลมพลิ้วเฉื่อย ฉิวฉาบ อาบร่างเรา
กล่อมเบาเบาเสียงคลื่น ครืนครืนครัน
เปลไกวแกว่ง แกว่งไกว ไหวไหววาบ
ดื่มด่ำซับทรวงซาบ อาบไอฝัน
เสนาะโสต ซ่านเสียง สำเนียงนั้น
หลับต้องพลัน ตื่นตา ขึ้นมายล
คราม เขียว ส้มอมเทา เข้ายามนี้
แสงสุรีย์ สาดสาย ดั่งลายสน
อีกเสียงคลื่น โครมครัน อืออึ่งอน
ยามยืนยล ยิ่งป่วน รัญจวนใจ
คิดทะเลาะ กับทะเล ที่เห่กล่อม
ไยเจ้าไม่ นอบน้อม ถนอมไว้
บรรยายสิ้น สิ่งซุกซ่อน ซึ่งภายใน
วอนอย่าเย้ย ไยไพ ให้ข้าฯตรม .. นะ
1 กันยายน 2545 21:06 น.
วลี..
รัตติกาลผ่านเยือนย้ำ...... ย่ำหล้า
ลางลางแสงจันทรา........... แผ่วต้อง
แม้นมืดม่านบังตา............ เกินกว่า กาฬเฮย
คลอคู่อยู่ปกป้อง.............. คู่ฟ้า เคียงดิน เพียงเรา ๚ ๛
หากพิภพทลายสิ้น............ ภูผา
มหาสมุทรเหือดเดือดคา. สุรีย์ร้อน
สองกระชับจับมือพา.......... สองใจ
มิหวั่นหวาดออดอ้อน........ ใดแล้วเพราะเรา มีกัน ๚ ๛