30 มกราคม 2550 22:43 น.
วฤก
๏ ตะวันวายว่ายฟ้าล่ำลาภพ
ม่านหมอกทบทับถมด้วยลมหนาว
สายหมอกหม่นบ่นคำพร่ำเรื่องราว
เรื่องครั้งคราวคมแดดเผาแผดไอ
ครั้งอรุณละมุนสีสุรีย์ส่อง
ฉวีผ่องเพียงรัตน์จรัสใส
ราวรุ้งแก้วแวววับประดับไพร
พริ้งไผททำสรวงโรยร่วงแรง
แต่คราวสายคล้ายตะวันบั่นพิฆาต
สะบัดฟาดไฟโชติพิโรธแสง
คือเปลวแดดแผดไหม้หมอกไอแปลง
เป็นคราบแห้งเหือดลงเหลือผงคลี
คล้ายความฝันมั่นใฝ่อยากไขว่คว้า
มาเสียท่าอุปสรรคผลักวิถี
จนกลายกลับดับมอดถอดฤดี
ดังอัคคีคุไหม้หมอกไอจาง
คนมีฝันมั่นใฝ่มือไขว่คว้า
ยืนหยัดท้าอุปสรรคขวากดักขวาง
แสนสูรย์กลุ้มรุมพะฤาละวาง
มุ่งมั่นล้างรุดหน้าคว้าฝันครอง
วันวางวายไหว้หล้าขอลาภพ
คือบทจบจากไปไม่หม่นหมอง
เพราะถึงฝันวันเก่าครั้งเยาว์ปอง
ด้วยใจจ้องจิตมั่นจนฝันจริง ๚ะ๛
๓๐ มกราคม ๒๕๕๐
16 มกราคม 2550 15:18 น.
วฤก
๏ สอนศิษย์สำเร็จพร้อม........พิทยา
ประพฤติเยี่ยงท่านสา-...........ธกล้ำ-
เลิศแล้เทิดบูชา....................ชูท่าน
เหนือกว่าเรือท่าค้ำ-...............ถ่อข้ามธารฝัน ๚
๏ วันครูผู้ศิษย์น้อม...............ประนมกร
มโนกราบผู้เพียรสอน-...........สั่งข้า ฯ
สางเขลาสร่างเมาถอน............เหมือนถอด
กะลาครอบกะโหลกอ้า............ออกให้เห็นแสง ๚
๏ แจ้งวิทย์จึงวิชช์แก้.............วิกล
พาผ่านทางสับสน..................เสื่อมได้
สัมฤทธิ์เพราะผลิตผล............ผู้บ่ม- ...........เพาะนอ
จึงกล่าวประกาศไสร้.............ศิษย์นี้มีครู ๚
๏ รู้วิทย์ประสิทธิไว้...............วิชชา
ประพฤติจริยา......................เยี่ยงชี้
เสมือนนิ้วศิษย์วันทา..........เทิดเกียรติ
ทอดกราบที่เท้านี้..............ประณตแม้นแทนคุณ ๚ะ๛
๑๖ มกราคม ๒๕๕๐
9 มกราคม 2550 14:36 น.
วฤก
๏ ริ้วระลอกหมอกฟ่องละอองหม่น
บรรโลมบนใบหญ้าคราผ่านผัน
ทิ้งรอยชื้นพื้นใบด้วยไอควัน
รอตะวันวาดแสงก่อนแห้งจาง
แต่รอยหม่นชลนัยน์เปื้อนใจพี่
แรงสุรีย์ฤาจะช่วยสะสาง
แม้นแสนสูรย์กูณฑ์กุมกองสุมวาง
ฤาอาจล้างรอยเลือนเหมือนล่มกัลป์
ความละมุนอุ่นไอห่วงใยเอื้อ
อาจใช้เจือจางเหงาเศร้าโศกศัลย์
เหมือนระลอกหมอกผ่านคลี่ม่านควัน
อุ้มอกอันอาจร้อนให้ผ่อนคลาย
จึงระลอกหมอกอุ่นละมุนช่วย
เอื้ออำนวยอกเหงาเศร้าสลาย
วอนเธอให้ไมตรีแก่พี่ชาย
ก่อนวางวายช้ำชอกในหมอกมัว ๚ะ๛
วฤก : ๘ มกราคม ๒๕๕๐