15 ธันวาคม 2546 11:26 น.
วฤก
๏ สร้อยโคลงคือเศษพ้น.......ผังความ.....เขียนแล
พากย์ต่อเต็มพจน์ตาม...........แต่งไซร้
เสียงขานขับโคลงยาม..........เยื้อนอ่อน-...ช้อยฮา
หากประดิดประดอยได้........ประดับสร้อยผสานสม ฯ
๏ เฉก พ่อ แม่ พี่ ใช้.............ชี้บุค-.......คลพ่อ
พึงพากย์เพียงประยุกต์.........อย่างแล้
เขียนตามท่านตามอุค-.........หะแต่ง.....ตามพี่
พจน์พิสิฐพิเศษแท้...............ที่สร้างเสร็จสลวย ฯ
๏ นา นอ เนอ นั่นพร้อม........เพียงดัง-....นี้นอ
แล ร่วม แฮ ฮา ยัง................อย่างนั้น
ก็ดี กับ บารนี ฟัง.................ดังดั่ง-.....นั้นนา
เป็นอัฏฐะอรรถชั้น...............เช่นนี้พจีผล ฯ
๏ อีก อา เอย เอ่ยโอ้..............อกอัด.....อั้นอา
ฤๅ ฤฤๅร้องขัด.....................ขุ่นข้อง
เทอญ รา กถาชัด..................ใช้เพื่อ ขอพ่อ
เลย ต่าง เฮย ให้ร้อง.............สลับข้างความหมาย ๚ะ๛
๑๔ ธันวาคม ๒๕๔๖
14 ธันวาคม 2546 11:55 น.
วฤก
๏ ร้อยดอกรักถักรวงพวงอุบะ
พรรณบุษปะปรุงกลิ่นรวยรินหอม
สุคันธ์ชื่นรื่นฉมเชยชมดอม
ด้วยกลิ่นย้อมยวนใจใคร่สูดดม
มะลิสอยร้อยเรียงลายเบี่ยงซ้อน
เก็บก้านซ่อนกลีบเสียดละเมียดสม
พิไลสร้างอย่างประพิณศิลป์นิยม
นำมาก้มกราบเท้าเฝ้ารุชา
ขอพรพระสฤษฏ์สัมฤทธิ์เดช
ทั่วประเทศประทักษ์ร่วมรักษา
สร่างโพยภัยไร้โศกรั้งโรครา
จนมารดาดำรงสุขทุกวารวัน
วอนแม่ศรีสะเกษสางเกศให้
เสกศรีใส่ศรีทรงส่งศรีสรรค์
ประสงค์ใดได้พบอย่างครบครัน
สมอนันต์อเนกเอื้อเคยเกื้อกูล
ร้อยดอกรักถักรวงพวงอุบะ
บูชาพระผองบุตรอย่าสุดสูญ
เป็นร่มไทรใหญ่ยงคงไพบูลย์
ด้วยประยูรญาติสมัครเป็นหลักใจ ๚ะ๛
๑๔ ธันวาคม ๒๕๔๖
14 ธันวาคม 2546 00:56 น.
วฤก
๏ ลมหนาวเหน็ดเหนื่อยแล้ว.........ร้องครวญ
พัดผ่านภาพแปรปรวน................เปลี่ยนเพี้ยน
เกิดแก่เจ็บตายผวน...................พบอยู่
เผยสู่ส่ำสัตว์เที้ยร-....................ถอดพ้นกลไฉน ฯ
๏ กำเนิดกำหนดไว้....................เวรกรรม
ไยต่อไยเติมทำ.......................ทุกข์ท้น
สันตติตามนำ..........................เนื่องตอบ
ตามติดตนฤๅพ้น......................ผ่านเว้นเวรสนอง ฯ
๏ สรรเพชญเผยสัจให้..............เห็นการณ์
กฎแห่งกรรมขนาน...................นั่นแล้
ก่อเวรก่อกรรมดาล..................ดังก่อ.......ก่อนแล
ล้างบาปโดยบุญแม้.................หมั่นล้างฤๅสลาย ฯ
๏ นิพพานนิเพทแท้................ทำตน
ทันข่มกิเลสกล.....................กรากล้อม
วิปัสสนาผล..........................เผยสัจ-......ญาณนา
นำประกอบประการพร้อม........เพื่อพ้นทุกข์ผลาญ ๚ะ๛
๑๓ ธันวาคม ๒๕๔๖
10 ธันวาคม 2546 08:45 น.
วฤก
๏ แสงโคมโสมส่องแจ้ง........กระจ่างสี
สาดสว่างกลางราตรี.............แต่งหล้า
เหมพรรณผ่องฉวี................วาดฉาบ
ไล้อาบผิวอร่ามอ้า...............แอร่มโอ้นวลสงวน ฯ
๏ รัญจวนเร้าจิตร้อน............ประโลมองค์
ลูบกอดกรประจง................ประจบเนื้อ
นิ่มนวลป่วนใจหลง..............เริงสวาท
สวรรค์สู่ตูเสพเอื้อ...............อิ่มลิ้มเคยเสวย ฯ
๏ รำเพยลมพัดพลิ้ว............พฤกษ์ละเมอ
เสียงพร่ำเพลงเสนอ............เสนาะซ้อง
กระแสคำขับบำเรอ.............ประเลงกล่อม
กระซิบศัพท์กระสันก้อง.......กระเส่าเร้าเรียมไฉน ฯ
๏ ห้ามใจไม่จูบเปื้อน...........ปรางนวล
น้องตื่นฤๅบังควร...............ใคร่ไล้
แนบสนิทนิทราชวน............เชยชื่น.........ชู้ฤๅ
พี่โอบผ้าอุ่นให้.....................ห่มน้องนอนถนอม ๚ะ๛
๙ ธันวาคม ๒๕๔๖
9 ธันวาคม 2546 08:45 น.
วฤก
๏ คราหนาวคราวก่อนเจ้าจรจาก
ลำบากลาบางแล้วห่างหาย
ลืมถิ่นสิ้นเหมือนลืมเรือนตาย
โยกย้ายอยู่ไกลหรือไม่มา
ความฝันครั้นหน่ายก็กลายอื่น
ส่งคืนความหลังให้กังขา
ใครหนอขอมั่นคำสัญญา
ค้นหาแค่เห็นคนเล่นกล
รอหวังตั้งท่าจะมาเยี่ยม
ตระเตรียมตัวรับจนสับสน
เสียงข่าวป่าวลือกระพือดล
ว่าคนลืมคำข้าฯช้ำใจ
คราหนาวคราวนี้ไม่มีเพื่อน
ย้ำเตือนตนว่าคนสาไถย
จะหนาวผ่าวร้อนกะล่อนไป
ถือไยยึดมั่นคำสัญญา ๚ะ๛
๘ ธันวาคม ๒๕๔๖