25 มีนาคม 2545 21:07 น.
วฤก
๑
๏ ยอดโยนโอนอ่อนล้อ...................................ลมชาย
กอกวัดสะบัดปลาย.........................................ป่ายซ้อน
เสียงครืนคลื่นซัดทราย..................................ซบฝั่ง......ชลฤๅ
เสียงส่ายปลายหญ้าย้อน.................................ขยับย้ายเขยื้อนไหว ๚
๒
๏ ทุ่งไพรทุ่งใหญ่กว้าง....................................กลางพนา
เขียวสดงดงามตา............................................ตาบพื้น
เพียงพรมห่มหินผา.........................................ผืนแผ่
พาชุ่มชลชื่นชื้น..............................................ฉ่ำเลี้ยงไพรสัณฑ์ ๚
๓
๏ แสงตะวันวาดแถบข้าง...............................ขอบใบ
ระบายเรื่อเจือเขียวใส...................................สดย้อม
มรกตก่องแก้วไว...........................................แววส่อง
พรายผ่องเพียงเพชรล้อม...............................รอบไว้ฤาไฉน ๚
๔
๏ โยกไกวใบแกว่งล้อ...................................ลมชาย
ประหนึ่งนางนาฏกราย..................................กรีดนิ้ว
กรฟ้อนอ่อนผันผาย.......................................เพลงรื่น............ระบำแฮ
หญ้าสะบัดกวัดกอพลิ้ว...................................พิศแล้วเริงสนาน ๚๛
18 มีนาคม 2545 23:16 น.
วฤก
๏ ใช่เพียงเพลงประเลงกานท์ประสานศัพท์
ใช่เพียงรับรสถ้อยร้อยประสม
ใช่เพียงภาพซาบซึ้งพึงนิยม
ใช่เชยชมชื่นจิตแล้วปลิดวาง
ก็เพราะกานท์จารความที่งามงด
ก็เพราะรสเพลงกลอนรอนหม่นหมาง
ก็เพราะภาพกำซาบอยู่มิรู้จาง
จึงร่วมสร้างสรรค์สานงานกวี
เหมือนสายใยไขว้เหนี่ยวเกี้ยวกระหวัด
เหมือนสายรัดรั้งไว้ไม่หน่ายหนี
เหมือนสายสร้อยร้อยเพชรเก็จมณี
คือสายที่ถักสานงานนักกลอน
จึงมีใยใสยิ่งงามพริ้งแพร้ว
จึงมีแก้วก่องจรัสประภัสสร
จึงมีมิตรสนิทมั่นนิรันดร
ไม่แคลนคลอนเคลื่อนคลาย..... เพราะสายใจ ๚ ๛
15 มีนาคม 2545 22:48 น.
วฤก
๏ ยินเสียงพร่ำคำแว่วแผ่วกระซิบ
ละล่องลิบลอยคว้างในกลางหาว
ถ้อยคำวอนฉะอ้อนขอคอยง้อดาว
จงพร่างพราวพรั่งฉายพรายรุจี
ยินเสียงพร่ำคำครวญชักชวนชิด
เดือนอย่าบิดเบือนผันหันพักตร์หนี
คคนางค์จะร้างไปในราตรี
เพราะไร้สีเลือนแสงแจ้งแจ่มจันทร์
ใช่เมฆาจะกล้าแกล้งบังแสงอับ
ใช่จะดับดาริกาพาผิดผัน
ใช่จะเลือนเดือนหม่นระคนควัน
ใช่จะกั้นกีดขวางให้หมางใจ
จึงพรอดพร่ำคำอ้อนวิงวอนว่า
วาดนภาพราวพร่างสว่างไสว
ด้วยดาวเดือนเหมือนสวรรค์อันอำไพ
ด้วยหทัยเห็นชอบ...ประกอบกัน ๚ ๛ ...
14 มีนาคม 2545 00:28 น.
วฤก
๏ อยู่เรียบเรียบเงียบง่ายติดชายป่า
มีทุ่งนากว้างกว้างข้างขุนเขา
อยู่ห่างห่างทางไกลใจซึมเซา
คิดโศกเศร้าคราวร้างห่างบ้านมา
อยู่ยุ่งยุ่งกรุงไกรใหญ่ซับซ้อน
ดูรุ่มร้อนแรงแรงแข่งไขว่หา
อยู่ใกล้ใกล้ไม่เอื้อเกื้อกรุณา
มุ่งแข่งคว้าแข่งขันเลิกปันใคร
คิดถึงบ้านนานเดือนที่เลือนลับ
คิดคืนกลับครั้งร้าวคราวหวั่นไหว
คิดถึงครั้งยังกรุ่นอบอุ่นไอ
คิดครั้งใดดวงจิตแทบปลิดวาย
อยู่เรียบเรียบเงียบง่ายติดชายทุ่ง
ไม่เรืองรุ่งรางรางร้างแสงฉาย
ไร้สีสันวันวันผันผ่านกราย
เป็นเรือนตายเรือนตนจนนิรันดร์ ๚
11 มีนาคม 2545 22:04 น.
วฤก
๑
๏ ผีเปรตทุเรศร้าย................................รั้งเมือง
ใครขัดอัดอกเคือง.................................ขุ่นข้อง
ยกตนว่าตนเรือง...................................โรจน์รุ่ง
ใครคิดแผกแผดร้อง..............................สำรากถ้อยถ่อยถม ๚
๒
๏ จงจมงมอยู่ใต้....................................ตีนตู
จงปิดคิดในรู.......................................รกร้าง
จงหยุดอย่าเผยอชู................................ชี้สว่าง
จงอย่ามาขวางง้าง.................................งัดข้าอย่าหือ ๚
๓
๏ ปิดสื่อเป่าสากปลิ้น............................แปลงเสียง
แปลงเปลี่ยนเป็นสำเนียง....................นอบน้อม
ขยายสารอ่านความเรียง......................คำเลี่ยน
ใครไม่ป้อยอล้อม................................รุกขยี้ขย้ำผลาญ ๚
๔
๏ นรกานต์ ฤๅเร่าร้อน.........................แรงเทียม
เมฆหม่นยังร่นเจียม............................จ่อมจ้า
ธานีที่ไหม้เกรียม................................กรอบกร่อน
กลายหม่นมืดดังหล้า............................หลบเร้นตะวันฉาย ๚
๕
๏ ภูติพรายผีเปรตเข้า..........................ครองเรือน
ใครขัดมันหมายเหมือน.......................มุ่งร้าย
แสร้งจับตรวจทรัพย์เฉือน...................ฉุดขู่
ขีดกฎกดคนคล้าย................................คอกกั้นกาสร ๚ ๛