15 ธันวาคม 2544 14:09 น.
วฤก
๑ ๏ สิ้น...หวังพลังเสื่อมสิ้น...............สูญไป
ปี..............หนึ่งจึงหยุดใจ.................เจ็บไว้
หนี...........สุดฝึกยุทธไกร.................กล้าแกร่ง
เพื่อน.......เหล่าชาวยุทธไซร้............สืบหน้าจะมาผลาญ ฯ
๒ ๏ ลืม....รึที่ลึกแค้น........................ขุ่นคา
แล้ว...........ปล่อยร่อยโรยรา..............ร่วงเร้น
หรือ..........แค้นไป่แค้นหา................หนตอบ....แค้นนอ
ไร..............เล่าเราไม่เค้น................เข่นขย้ำคืนสนอง ฯ
๓ ๏ โอ้.....อกอกอัดอั้น.......................อ่วมเอย
ใจ.............เจ็บเจ็บสุดเผย.................เพื่อนรู้
เจ้า............ปล่อยปล่อยหินเกย...........กลบก่าย
กรรม........หนักหนักจักกู้...................เกลี่ยหนี้นี้เสีย ฯ
๔ ๏ ไป...ไหนใช่ว่าพ้น.....................ผิดความ
กับ............ปล่อยลอยชายทราม...........ชั่วนั้น
สาย..........ไปใช่ไม่ตาม.......................ติดต่อ
ลม............คั่งแค้นข้ากลั้น...................เก็บไว้กรากผลาญ ๚
15 ธันวาคม 2544 12:57 น.
วฤก
๏ ปลูกต้นรักปักไว้ในดินชื้น
ทุกวันคืนคอยดูอยู่เสมอ
ปรุงปุ๋ยน้ำนำใส่ใฝ่บำเรอ
เพื่อชื่นเฌอชมดอกออกผลิบาน
ปลูกต้นรักปักไว้กลางใจเจ้า
วันคืนเฝ้ารดน้ำชื่นฉ่ำหวาน
ไยรักหายตายไปในดินดาน
มีใครผลาญพร่ารักให้หักจม
ต้นรักกลายคล้ายเห็นเป็นต้นร้าง
ต้นระคางเคล้าโศกวิโยคขม
ต้นจำปาพร่าเลือนเหมือนลั่นทม
ต้นมะยมมิยินเหมือนชินชา
เห็นต้นรักปักไว้ในดินชื้น
เต็มตนตื่นเติบใหญ่ไกรพฤกษา
แต่ต้นรักปักไว้ในอุรา
ยังอ่อนล้าร่วงลงเป็นผงคลี ๚
14 ธันวาคม 2544 19:55 น.
วฤก
๏ คราววฤกคึกคะนองนึกท่องเที่ยว
ในป่าเปลี่ยวแปลกใจไพรอักษร
อันสวยล้ำคำหวานวาดกานท์กลอน
เป็นช่อซ้อนสุวลักษณ์อักขรา
เอื้อนขับดังกังวานซาบซ่านรส
กวีพจน์เพียงมณีศรีภาษา
ปู่สืบหลานสานส่งตรงต่อมา
เป็นคุณค่าคู่ไว้ในแผ่นดิน
คือ โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน สุนทรเสียง
คุณค่าเพียงสุพรรณวรรณศิลป์
วรรณสารสานอยู่คู่ธานินทร์
มิสุดสิ้นเสื่อมทรามไปตามกาล
ณ ที่นี่มีคนอยู่ล้นหลาก
เขียนคำพากย์พันถ้อยร้อยคำขาน
แต่ละพจน์บทคำนำมาจาร
ล้วนแล้วผ่านความคิดและจิตใจ
เขาคัดสรรสรรค์คำคำวิจิตร
จากความคิดคิดกลอนกลอนขานไข
ผจงจัดจัดถ้อยถ้อยความนัย
ร้อยเรื่องได้ได้งามงามงดความ
คราววฤกคึกคะนองมาท่องป่า
เพลินพนาศุภักษรกลอนสยาม (ขอแปล ThaiPoem ว่างี้นะครับ)
ซาบซึ้งรสบทกวีที่งดงาม
สมนิยาม ...นิคม...คนเขียนกลอน ๚
13 ธันวาคม 2544 23:45 น.
วฤก
๏ วายวางอย่างถ่านเถ้า.........................เหลือร่างเปล่าคราวป่นสิ้น
ชั่ว ดี ที่ยังยิน.....................................อย่างธรรมพจน์บทสอนใจ ฯ
๏ วายวางอย่างถ่านเถ้า.........................ถมดิน
ชีวิตปลิดปลงภินท์................................ผละแล้ว
เหลือระบือชื่อถวิล................................ว่าชั่ว ....ดีนอ
ดังสดับจับเจื้อยแจ้ว..............................จ่างแท้ธรรมกถา ๚
13 ธันวาคม 2544 21:50 น.
วฤก
๑ ๏ สรรคำสรรค์สรรพถ้อย...............ถักเสียง
สรรเสนาะเพราะพจน์เพียง...............พาทย์พ้อง
สรรสือสื่อสาสน์เจรียง........................จรุงรื่น
สรรสิ่งสันต์ศัพท์ซ้อง.........................สุดคว้ามาเฉลย ฯ
๒ ๏ เออไฉนไยยากแท้....................ถ้อยความ
คำสื่อถือตรงตาม...............................ตรึกนั้น
นำเผยเอ่ยนิยาม..............................เยียยุ่ง......ยากนอ
ไยระย่อขอรักอั้น..............................อกไว้มิไขขาน ๚