1 มีนาคม 2550 23:54 น.
วฤก
๏ ห่างเหินนานเนิ่นแล้ว.......ลืมไฉน
ถวิลท่วมหฤทัย...................ทุกข์ร้อน
ถึงผู้อยู่หนไกล....................หันกลับ.......บ้างเนอ
เคยกู่คำกู่ย้อน-....................กลับเย้ยหยันถวิล ๚
๏ ฝากดินดินดั่งใบ้...............เบิกคำ
ดินบ่ายเบี่ยงพึมพำ..............พูดเพี้ยน
แปลงเนื้อเปลี่ยนนาทจำ-......นรรจ์จาก.......พี่ฤา
ถึงดับหวังคืนเหี้ยน..............ขาดห้วงความหวาน ๚
๏ ฝากดวงดาวรุ่งขึ้น.............เรขา
แรขอบของนภา....................พรุ่งนี้
ไขแสงสุริยา.........................แย้มบอก........เธอนา
วอนอย่าเลยหลีกลี้.................หลบเร้นลืมสนอง ๚
๏ ห่างเหินนานเนิ่นแล้ว.........ลืมไฉน
ถวิลอยู่ทุกสมัย......................สมัครน้อง
แสงสูรย์ส่องอุทัย...................แทนอรรถ......พี่เอย
เผยเอ่ยแม้นคืนห้อง................ขื่นไห้คงหาย ๚ะ๛
๑ มีนาคม ๒๕๕๐
23 กุมภาพันธ์ 2550 00:25 น.
วฤก
โคลงสี่ดั้น บาทกุญชร
๏ ราวเพลิงแรงแผดร้อน..........เผารม
แสงแดดเผาพล่านซุน..............ซุกเร้น
เงาผ้าหนึ่งผืนซม-.....................ซานหลบ......ร่มอา
ร้อนแดดจึงเต้นลี้.....................หลบสูรย์ ๚
๏ ร้อนใดสยบร้อน..................แรงไถง
ร้อนอัดอกอาดูร.......................ด่าวดิ้น
ถึงพรากจากบ้านไกล..............เกลือกแดด
แสวงดับเดือดร้อนสิ้น..............เสาะแสวง ๚
๏ สังคมคนแวดล้อม...............ล้วนสอน
มีทรัพย์นับถือแปลง................เปลี่ยนเชื้อ
เป็นผู้หมู่ชนสลอน..................สลวนชื่น-........ชมแฮ
แรงร่างเลือดเนื้อเจ้า...............จึ่งขาย ๚
๏ เสโทรสขื่นข้น...................ควรไหล
เพื่อถิ่นตนกลับหาย................เหือดแห้ง
ชโลมทางห่างเรือนไกล.........รายเกลื่อน
ทรัพย์กลับกลายคล้ายแป้ง......ป่นปลิว ๚ะ๛
๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๐
21 กุมภาพันธ์ 2550 22:27 น.
วฤก
๏ พระพรหมฤาขีดเส้น............คิดสรรค์
สรรพสุขทุกข์พัวพัน................ผ่านพ้อง
กระสวนเกษียนบรร-..............สมบท-........บาทแล
เป็นนาฏลีลาศร้อง..................ระร่ายฟ้อนระรึงเพลง ๚
๏ เชลงชีวิตขึ้น.......................ละครคน
กลางฉากอันสับสน.................ซับซ้อน
เสวยกรรมก่อกรรมวน...........วัฏฏะ
วาดแต่งต่อบทย้อน.................บทย้ำทำผล ๚
๏ วิจลวิจักษณ์แจ้ง..................วิจัยเหตุ
สรรเพชญธรรมุทเทศ..............ถ่องแท้
"สันทิฏฐิโก" เภท......................ผองอ-........วิชชาพ่อ
ทุกข์สุขจะเกิดแก้.....................ก่อนสร้างภพเสวย ๚
๏ จึงเผยผู้ขีดเส้น...................คิดสรรค์
สรรพสุขทุกข์พัวพัน................ผ่านนี้
คือตนกมลอัน.........................มีอ-........วิชชาเอย
สร้างบทละครชี้........................เช่นนั้นนิรันดร์สมัย ๚ะ๛
๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๐
7 กุมภาพันธ์ 2550 00:52 น.
วฤก
๏ ความรักฤาขาดร้าง............รสหวาน
ลองเสพหลงเสพย์สนาน........สนุกล้ำ
สนองชมสุขสมมาน...............เมาสวาท.......เสวยแม่
กระหายเสพย์ให้เสพซ้ำ........สร่างแล้วลืมไฉน ๚
๏ ฉะนั้นไยเรียมสร่างร้าง.....รสสวาท
เคยแอบแนบนุชนาฏ...........สนิทเนื้อ
สนานชมภิรมย์ราตร.............เราร่วม.....รสเนอ
สวรรค์สร่างจางอะเคื้อ...........ค่าครั้งเราสม ๚
๏ สายลมสอยเมฆคลุ้ม..........หม่นควัน
เมฆเสียดแสงฟ้าฟัน............ฟาดพื้น
ฝอยฝนหล่นอัศจรรย์...........โอ้สุข........ใจแฮ
กระแสศัพท์กระสันสะอื้น.....อิ่มตื้นตันทรวง ๚
๏ กาลล่วงรักขาดร้าง............รสไฉน
สนานจิตจึงพิสมัย................สมัครชู้
สนองชมสุขสมใจ.................จมสวาท.....เสวยเอย
กระหายเสพย์กระนั้นรู้.........หน่ายร้างรักไฉน ๚ะ๛
๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๐
30 มกราคม 2550 22:43 น.
วฤก
๏ ตะวันวายว่ายฟ้าล่ำลาภพ
ม่านหมอกทบทับถมด้วยลมหนาว
สายหมอกหม่นบ่นคำพร่ำเรื่องราว
เรื่องครั้งคราวคมแดดเผาแผดไอ
ครั้งอรุณละมุนสีสุรีย์ส่อง
ฉวีผ่องเพียงรัตน์จรัสใส
ราวรุ้งแก้วแวววับประดับไพร
พริ้งไผททำสรวงโรยร่วงแรง
แต่คราวสายคล้ายตะวันบั่นพิฆาต
สะบัดฟาดไฟโชติพิโรธแสง
คือเปลวแดดแผดไหม้หมอกไอแปลง
เป็นคราบแห้งเหือดลงเหลือผงคลี
คล้ายความฝันมั่นใฝ่อยากไขว่คว้า
มาเสียท่าอุปสรรคผลักวิถี
จนกลายกลับดับมอดถอดฤดี
ดังอัคคีคุไหม้หมอกไอจาง
คนมีฝันมั่นใฝ่มือไขว่คว้า
ยืนหยัดท้าอุปสรรคขวากดักขวาง
แสนสูรย์กลุ้มรุมพะฤาละวาง
มุ่งมั่นล้างรุดหน้าคว้าฝันครอง
วันวางวายไหว้หล้าขอลาภพ
คือบทจบจากไปไม่หม่นหมอง
เพราะถึงฝันวันเก่าครั้งเยาว์ปอง
ด้วยใจจ้องจิตมั่นจนฝันจริง ๚ะ๛
๓๐ มกราคม ๒๕๕๐