1 มีนาคม 2551 11:16 น.
วฤก
๏ เสาวคนธ์ปนกลิ่นเนื้อ.............นวลไฉน
หอมชื่นฉมชมไอ......................อุ่นเร้า
กระสันเกษมใจ.........................กระเสียนจับ.......จิตนอ
นอนแอบแนบน้องเคล้า..............หนึ่งครั้งฤๅสนอง ๚ะ
๏ คอยประคองประคบเคล้า- ....คลึงถนอม
เนื้อแนบเนื้อเนื้อดอม.................ดื่มซ้ำ
กระหายยิ่งกระหายยอม............ให้หยุด....ได้ฤๅ
รอยสนิทแนบเนื้อย้ำ..................นี่เย้ายวนกระหาย ๚ะ
๏ ย้อน...ยามยากหยุดยั้ง..........อยากนวล
ฝัน...ยิ่งโหมรัญจวน................จิตร้อน
วัน...วารผ่านฤๅรวน.................เรียมสร่าง...ร้างแฮ
เยาว์...ตราบยามนี้ซ้อน.............หน่ายซ้อนสมไฉน ๚ะ
๏ เสาวคนธ์ปนกลิ่นเนื้อ...........นวลปราง
หอมชื่นฉมหาจาง..................จากเจ้า
กระสันเกษมนาง....................แนบเสียด-....สีเนอ
นอนแอบแนบน้องเคล้า............นับครั้งอสงไขย ๚ะ๛
วฤกภาคหื่น : ๑ มีนาคม ๒๕๕๑
2 กุมภาพันธ์ 2551 11:19 น.
วฤก
๏ ม่านสลัว มัวหมอก ละลอกใหม่
ประโลมใจ เจ็บร้อน จงผ่อนเหงา
กระซิบคำ ซ้ำซ้อน ฉะอ้อนเบา
สละเศร้า เสียนะ เถอะ.... ละวาง
เขาทิ้งไป ไม่คืน สะอื้นอ้อน
ฤาจะรอน ลดเมิน สะเทินหมาง
ทิ้งคือทิ้ง..... จริงพ้น คนละทาง
มิอาจอ้าง โอษฐ์ขืน ให้คืนคง
ในม่านหม่น ระคนมัว สลัวหมอก
นี้คือซอก ซุกกมล ที่ป่นผง
ฝอยละออง ฟ่องฝัน จะบรรจง
ฝากพะวง ภวังค์ปรัก รักบรรลัย
รออรุณ ละมุนสี สุรีย์ส่อง
ฝอยละออง อนธการ จะซ่านไส
พ้นมรรคา ครานี้ มีที่ไป
คือฤทัย ทะนงแท้ กับ..... แผลเป็น ๚ะ๛
11 พฤษภาคม 2550 00:02 น.
วฤก
๏ สีมาสีหม่นแม้น................หมอกควัน
เขียนเขตสังฆกรรมสรรค์.......เสกสร้าง
ปลุกพระสิ่งอัศจรรย์.............เสียจริต
คนติดหินอิฐอ้าง..................อวดใช้ช่วยตน ๚
๏ สรรพคุณพระนี่แคล้ว-........คลาดภัย
พระนี่พาเงินไหล-.................หลั่งล้อม
มีพระนี่มอมใจ.....................เมาจิต.......หลงเนอ
พระนี่เสาร์ห้าพร้อม...............พระสร้างสูตรขลัง ๚
๏ สัมปชัญญะยั้ง..................หยุดประมาท
แสวงทรัพย์ทรัพย์ฤๅขาด.......ขัดข้อง
มีมิตรจิตมิตรอาจ.................เอื้อตอบ.....สนองนา
ธรรมรักษ์รักษ์ธรรมพ้อง.........พูดซ้ำคำสอน ๚
๏ สีมาสีหม่นพ้น...................เพียงสมัย
ธรรมะถ้าแฝงใจ....................จักสร้าง
เสกพระศักดิ์สิทธิไข..............ขึ้นสู่........ตนนอ
หินอิฐว่านผงอ้าง...................อวดใช้ช่วยไฉน ๚ะ๛
๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๐
10 พฤษภาคม 2550 11:38 น.
วฤก
๏ แสงอรุณอร่ามแจ้ง.........จับโพยม
สูรย์สื่อสารบรรโลม............บอกหล้า
ลืมเสียหม่นหมองโถม........ทับถิ่น-.......ฐานเอย
มาสู่แสงแรงจ้า...................กระจ่างรู้ดูเห็น ๚
๏ ใดใดในโลกนั้น..............อนิจจัง
อยู่ครู่คือทุกขัง.....................ทุกข้อ
อนัตตาแต่งเล่ห์ฝัง...............ลวงใฝ่-......ฝันเนอ
ขันธ์ขีดเขียนกลล้อ-..............เล่นแกล้งลวงกล ๚
๏ วังวนทุกข์สุขเว้น.............ว่างไฉน
อยู่ครู่ครองฤทัย...................ทุกครั้ง
คือเกิด-ดับสลับไตร-.............ลักษณ์ตรึก-....ตรองเทอญ
เตือนสติตนเถิดยั้ง...............อย่าคล้อยลอยหลง ๚
๏ พุทธธรรมอร่ามแจ้ง..........จับโพยม
คือข่าวสารบรรโลม...............บอกหล้า
กิเลสหม่นหมองโถม.............ทำจิต.........ทุกข์พ่อ
ธรรมะเหมือนแสงจ้า.............กระจ่างรู้ดูเห็น ๚ะ๛
๙ พฤษภาคม ๒๕๕๐
10 มีนาคม 2550 15:39 น.
วฤก
๏ กระโหมเสียงกระหึ่มก้อง.....กำราบ
โกรมสู่เงื้อมคำสาป.................ข่มสิ้น
สายฝนหล่นกระหนาบ.............ล้อมกระหน่ำ
น้ำเดือดผืนพลุ่งดิ้น..................แผ่นด้าวใดเผา ๚
๏ พายุลูกเห็บห้ำ-...................หั่นไผท
ฟ้าเดือดดาลไฉน....................เฉกนั้น
วันสิ้นกัปเพลิงประลัย.............ประลุแผด...เผาพ่อ
หาเปื่อยเป็นตมหั้น.................ตกห้วงเหวชล ๚
๏ ฤๅฝนอยากฟอกพื้น.............แผ่นดิน
ลบหม่นหมองมลทิน..............หมดแท้
โถมสายกระแสสินธุ...............ซักกลิ่น.....สาบนอ
สาบอวิชชาแก้.......................กลบด้วยชลไฉน ๚
๏ งมงายหินอิฐอ้าง...............อิทธิฤทธิ์
ว่าประจุเทพประสิทธิ...........ประสาทเอื้อ
อวยตนห่างหนติด-...............ตังตก.....ทุกข์เฮย
จึงติดโมหะเยื้อ.....................อยู่เงื้อมเงาเขลา ๚
๏ ยินเสียงพระสวดให้..........หากนิยม
ไตรสรณาคมณ์.....................คิดถ้วน
ถึงธรรมท่านฤๅจม................จงตรึก.....ตรองเทอญ
พุทธธรรมล้างล้วน................กิเลสได้ใครถึง ๚ะ๛
๑๐ มีนาคม ๒๕๕๐