11 กุมภาพันธ์ 2545 21:07 น.
วฤก
๏ ใช่เพียงถ้อยร้อยคำทำลิขิต
ใช่เพียงคิดเขียนสารจารเสนอ
ใช่เพียงฝันหวั่นไหวใจละเมอ
ใช่เพียงเพ้อพร่ำความตามอารมณ์
ใช่เพียงรักอักษรเสียงกลอนกล่อม
ใช่เพียงน้อมในนิยามว่างามสม
ใช่เพียงบทพจนาน่านิยม
ใช่เพียงชมชนชื่นก็ตื่นใจ
แต่ด้วยกลอนสะท้อนสารสะท้านจิต
ลงลิขิตลายลักษณ์อักษรไข
สื่อสิ่งคิดพินิจตามความเป็นไป
กระจ่างได้ด้วยพจน์บทพากย์กานท์
จึงไม่ใช่เพียงร้อยถ้อยวิจิตร
จึงไม่ใช่เพียงลิขิตคำขับขาน
จึงไม่ใช่เพียงลักษณ์สลักจาร
แต่เป็นสารสื่อตรงส่งจากใจ ๚
3 กุมภาพันธ์ 2545 12:00 น.
วฤก
โคลงสี่ดั้นวิวิธมาลี
๏ หลงทางกลางเถื่อนร้าง.........ลืมทาง
ลืมที่ลืมทิศลืม........................ถิ่นสิ้น
หวังใจใคร่ถากถาง................ทางกลับ
กำมีดขวานพร้าดิ้น................ดะพง ฯ
๏ ตะวันผันพลบแล้ว..............เลือนแสง
แสงอ่อนรอนแสงลง...............หลบฟ้า
เถื่อนทางช่างกระไรแฝง........เฟือนห่าง
สุดหักถางร้างล้า.....................ลัดไป ฯ
๏ เห็นแนวราบคาบหญ้า.........ยับเยิน
ยาตรด่านพาผ่านไพร............ผ่อนพ้น
ทางใครนะเดินเหิน...............เห็นนี่
ทางที่เขาดั้นด้น......................ดุ่มจร ฯ
๏ ดังถนนคนย่างก้าว.............กว้างไกล
ขรุขระเข็ญขุกตอน.................ก่อนนั้น
จนคนก่นถางไป....................ปรับเปรียบ
จนเรียบร้อยปั้นกั้น...............ก่อถนน ๚
3 กุมภาพันธ์ 2545 11:45 น.
วฤก
๑ ๏ เสกสรรสลักร้อย..................เรียงความ
เสกเรื่องรจน์งดงาม....................เงื่อนไว้
พรหมลิขิตนิยาม.........................นับอย่าง
ฤๅต่างนักเขียนได้......................ประดิษฐ์ถ้อยคำไฉน ฯ
๒ ๏ ฉะนั้นเธอเป็นประหนึ่งผู้......พรหมลิขิต
เขียนฉากของชีวิต......................วาดเส้น
สื่อความแง่ความคิด....................ความสื่อ......สารนา
สารสั่งสอนซ่อนเร้น....................รจน์ไว้ในกถา ฯ
๓ ๏ กระทงความตามเรื่องนั้น....นำชม
ชนอ่านอาจนิยม........................ยกถ้อย
ทำคติที่งามสม...........................สอนสั่ง
สอนดั่งสุภาษิตสร้อย..................สลักไว้วากย์สรรค์ ฯ
๔ ๏ เสกสรรสลักร้อย................เรียงความ
ยวนจิตชวนติดตาม...................ต่อต้อง
ตามสาส์นอ่านทุกยาม................หยุดอ่าน.....อดฤๅ
พรหมลิขิตข่ายคล้อง..................ขีดให้เป็นไฉน ๚
31 มกราคม 2545 21:50 น.
วฤก
๏ คราบรรเลงเพลงคลื่นกระทบฝั่ง
ระนาดดังเดือดกลบกระทบหู
ทั้งฉิ่งกลองฆ้องครบกระทบตู
สุดจะสู้เสียงสยบกระทบใจ
จะเข้ขีดกรีดกรายดีดสายลวด
ด้วงอู้อวดเพลงพันพาหวั่นไหว
ขลุ่ยเพียงออล้อสำเนียงเสียงปี่ใน
สุดจะไขขานประเลงเพลงประโคม
ซอสามสายคล้ายจะดับระงับเงียบ
มิทัดเทียบเทียมพลังเสียงถั่งโถม
ทั้งซ้ายขวามาปะทะคระโครมโซรม
เลี่ยงลันโทมรอฟื้นขึ้นคืนครวญ
จะเคล้าคลอล้อลอดพรอดเสียงร้อง
ย้อยทำนองหยอดจังหวะตามกระสวน
กระแสเสียงเจรียงให้ใจรัญจวน
สิ้นกระบวนเพลงคลื่นฯ ...จะคืนมา ๚
31 มกราคม 2545 17:31 น.
วฤก
๏ ไยหมางเมินเหินห่างระคางขุ่น
มาโกรธกรุ่นเกลียดพี่ฉะนี้ไฉน
เจ้าอึดอัดขัดเคืองด้วยเรื่องใด
เฉลยให้พี่เห็นประเด็นความ
เจ้าเง้างอนค้อนควักกระอักกระอ่วน
พี่ปั่นป่วนใจนักจะทักจะถาม
รอนร้อนรนล้นระกำทุกย่ำทุกยาม
หรือปล่อยความรักจบกระทบกระเทือน
มีแต่เจ้าเท่านี้ที่จะช่วย
เอื้ออำนวยน้ำใจไม่เชือดเฉือน
ใดไหนพลาดอาจพลั้งรั้งตนเตือน
เป็นเสมือนมิตรสมัครรักไมตรี
อย่าหมางเมินเหินห่างระคางแค้น
อย่าคลอนแคลนคิดแคลงแหนงหน่ายหนี
ใดไหนข้องหมองไหม้ในฤดี
จงได้ชี้ช่วยเป่าบรรเทาคลาย ๚