23 ธันวาคม 2546 08:51 น.
วฤก
๏ บอกใจอย่าจาบจ้วง...........ลวงขวัญ
ร้าวขื่นค่ำคืนอัน...................อ่อนล้า
แลโฉมฉาบโสมพรรณ.........แสงผ่อง
เพียงผ่องพรรณน้องข้า.........แนบเคล้าเคยถนอม ฯ
๏ บอกมืออย่าลูบไล้...............โลมชิด
บอกปากอย่าจุมพิต................ผิดผู้
บอกกายอย่าหมายสนิท..........สนองเสพ........สนานนา
บอกก่อนพลั้งน้องรู้................เล่ห์ชู้เฉฉล ฯ
๏ โฉมใครไหนเท่าแม้น.........เสมอโฉม
โฉมแม่มัวแสงโสม................เสื่อมแพ้
โฉมยงหยาดลงโลม...............หล้าชื่น-..........ชมเนอ
โฉมอยู่ชูใจแม้......................หม่นเศร้าเสียขวัญ ฯ
๏ บอกใจอย่าจาบจ้วง.............เจียมตน
ในค่ำคืนมืดมน.....................หม่นนั้น
ขาดโฉมอาจสับสน................ทรวงเปลี่ยว
จึงบอกใจให้อั้น.....................อดไว้ใฝ่ถนอม ๚ะ๛
๒๒ ธันวาคม ๒๕๔๖
22 ธันวาคม 2546 16:47 น.
วฤก
๏ แข่งขันเข้าแข่งคว้า........ครองชัย
ครองชื่อลือชาไกล..............เก่งยื้อ
เก่งแย่งกลับแย้งไย...........ยังเหนื่อย
ยังหนักนับคราวมื้อ............เมื่อยคว้าครองฝัน ฯ
๏ ควันฟุ้งฟ่องฝุ่นนั้น.........ไฉนปอง
สูญเปล่าใครเล่าจอง...........จับได้
แข็งขันแข่งกันครอง...........ความเสื่อม
สูญดับสับสนไซร้................เสาะด้นค้นหา ฯ
๏ คุณค่าคนเที่ยงแท้..........ที่ตน
ชำนะเหนือกมล.................มุ่งสร้าง
ศักดิ์ศรีบ่สับสน..................สูญเสื่อม
ฦๅชื่อฤๅรู้ร้าง.....................เรียกร้องก้องขาน ฯ
๏ แข่งขันเข้าแข่งคว้า.........ครองธรรม
ครองที่จิตใจนำ..................เหนี่ยวรั้ง
เหนี่ยวแล้วเล่ห์ฤงำ............งับอยู่
งับหยุดสะดุดยั้ง.................ยุ่งคว้าเงาเขลา ๚ะ๛
๒๒ ธันวาคม ๒๕๔๖
19 ธันวาคม 2546 08:34 น.
วฤก
๏ คำเอกรูปเอกอ้าง...................อักขระ
คำดับขับวาทะ..........................เท่าแท้
ระบุลหุกะ................................เกณฑ์เปรียบ......เทียบแฮ
คือเอกคำโคลงแล้.....................ร่วมร้อยเรียงความ ฯ
๏ คำโทโทรูปแท้......................ที่วรรณ-.........ยุกต์นา
หาเปลี่ยนแปลงแปรผัน..............แผกได้
ตำแหน่งสี่คำอัน........................อ้างอรรถ
เลบงจัดระเบียบไว้....................วัจน์ให้ประพันธ์สรรค์ ฯ
๏ เขียนโคลงแบบบ่งให้.............เห็นบท
ตำแหน่งคำกำหนด....................แน่นั้น
เจ็ดเอกสี่โทจด-.........................จำแม่น
เหมือนอย่างผังวางหั้น...............ห่างเพี้ยนเขียนหลง ฯ
๏ เชิญประพนธ์ประภาษแพร้ว....ประไพความ
พิเราะศัพท์เสียงพิราม................รื่นถ้อย
เขียนโคลงต่อโคลงตาม...............แต่บุพ- บรรพ์นอ
สารสืบสานจารร้อย....................รจน์ไว้วรรณศิลป์ ๚ะ๛
๑๘ ธันวาคม ๒๕๔๖
18 ธันวาคม 2546 11:35 น.
วฤก
๏ สายหมอกสีหม่นแม้น.............ม่านไหม
โอบอุ่นละอองไอ.......................อาบพื้น
สายลมเสียดเรียมไฉน...............หนาวเหน็บ......นักแม่
หมายห่มหมอกหักสะอื้น.............สะอึกโอ้อกเหงา ฯ
๏ เงาไม้ในหมอกครึ้ม................ตะคุ่มมัว
ใครหลบหลังม่านสลัว................หลืบนั้น
เรียมนึกยิ่งนึกกลัว....................เกรงแม่........หมางนอ
ไขม่านของหมอกกั้น.................กลบเร้นหลีกหนี ฯ
๏ ฤดีจึงเร่าร้อน........................เรียมพะวง
หวังแม่จิตมั่นจง.......................เจตตั้ง
หมอกกลหม่นพาหลง................ลืมพี่
ไหลพะพาน้องพลั้ง...................ผละร้างเรียมไป ฯ
๏ ในอรุณแอร่มหล้า.................เรืองโพยม
สูรย์สร่างหมอกจางโกรม...........กลับแจ้ง
เรียมสมัครสมาสโฉม................เชิญสมัคร......สมานนา
สองมั่นหมอกควันแสร้ง.............เสียดให้ห่างไฉน ๚ะ๛
๑๗ ธันวาคม ๒๕๔๖
15 ธันวาคม 2546 11:26 น.
วฤก
๏ สร้อยโคลงคือเศษพ้น.......ผังความ.....เขียนแล
พากย์ต่อเต็มพจน์ตาม...........แต่งไซร้
เสียงขานขับโคลงยาม..........เยื้อนอ่อน-...ช้อยฮา
หากประดิดประดอยได้........ประดับสร้อยผสานสม ฯ
๏ เฉก พ่อ แม่ พี่ ใช้.............ชี้บุค-.......คลพ่อ
พึงพากย์เพียงประยุกต์.........อย่างแล้
เขียนตามท่านตามอุค-.........หะแต่ง.....ตามพี่
พจน์พิสิฐพิเศษแท้...............ที่สร้างเสร็จสลวย ฯ
๏ นา นอ เนอ นั่นพร้อม........เพียงดัง-....นี้นอ
แล ร่วม แฮ ฮา ยัง................อย่างนั้น
ก็ดี กับ บารนี ฟัง.................ดังดั่ง-.....นั้นนา
เป็นอัฏฐะอรรถชั้น...............เช่นนี้พจีผล ฯ
๏ อีก อา เอย เอ่ยโอ้..............อกอัด.....อั้นอา
ฤๅ ฤฤๅร้องขัด.....................ขุ่นข้อง
เทอญ รา กถาชัด..................ใช้เพื่อ ขอพ่อ
เลย ต่าง เฮย ให้ร้อง.............สลับข้างความหมาย ๚ะ๛
๑๔ ธันวาคม ๒๕๔๖