15 มกราคม 2547 11:33 น.
วฤก
อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑
๏ นักเรียนมิเพียรฝึก...................มิระลึกละกิจตน
เติบเล่ห์กระเท่กล........................กะเทาะแค่คะแนนครอง ฯ
๏ ขาดหลักวิจักขณ์ลึก.................มนตรึกพิลึกมอง
มักง่ายสบายปอง........................มิประคองประคัลภ์ใจ ฯ
๏ ศึกษาระส่ำทราม....................มลลามมลายไหล
นี่ฤๅฤเวไนย...............................นยะใช่ไฉนชน ฯ
๏ ปัญญาประภาภาส..................วิปลาสประหลาดผล
มิจฉาฉมังกล.............................พละล้นกมลมอม ฯ
๏ ลอกเลียนมิเพียรคิด.................ทุจริตจรายหลอม
จรรยายะยั่นยอม.........................ยุรยาตรพินาศพัง ฯ
๏ เพ้อหาอนาคต.........................อปยศประยูรหวัง
วอนคุณธรรมยัง..........................ยุวชนวิกลคืน ๚ะ๛
๑๕ มกราคม ๒๕๔๗
15 มกราคม 2547 10:45 น.
วฤก
๏ ศิลป์ศาสตร์ชาญเชี่ยวแล้.........หลักฐาน
เผยแผ่พิชาการ...........................แกร่งกล้า
พาพิศเพ่งพิจารณ์......................พิจัยเหตุ
เห็นประจักษ์จริงค้นคว้า.............คิดถ้วนควรตรอง ฯ
๏ จรรยายกอย่างได้...................เดินตาม
ดังแม่พิมพ์ภาพงาม...................แง่นั้น
เลียนครูบ่งรู้ความ......................คล้ายแบบ
คอยบ่มเพาะพูนหั้น....................หัดพร้อมเห็นผล ฯ
๏ เพียงเรือพายผ่อนข้าม.............ความเขลา
ขึ้นฝั่งฝ่ามัวเมา.........................หม่นคลุ้ม
พิชญ์พังพิฆน์แผดเผา.................ภินท์พ่าย
พรายผ่องปัญญาอุ้ม....................โอบพ้นพาลผลาญ ฯ
๏ คือครูผู้เชี่ยวแล้.....................หลักฐาน
สอนสั่งพิชาชาญ........................ช่วยชี้
พาศิษย์เพ่งพิจารณ์.....................พิจัยเหตุ
เห็นประจักษ์จากก่อนกี้.................กราบรู้คุณเสมอ ๚ะ๛
๑๕ มกราคม ๒๕๔๗
8 มกราคม 2547 10:58 น.
วฤก
๏ ดรุณแรกอ่อนด้อย..............เดียงสา
สมเปรียบปานตุ๊กตา..............แต่งปั้น
เป็นธาตุที่หัตถา....................ทำหุ่น
ท่านหัดแต่น้อยนั้น................นั่นแล้เล็งผล ฯ
๏ เป็นคนธรรมจับค้อม.........คุมใจ
จนห่างอบายภัย....................แผ่พ้อง
สมานศีลเสมอใน..................มโนมั่น
มนุษย์ชื่นชมแซ่ซ้อง..............ซาบซึ้งสรรเสริญ ฯ
๏ เผอิญโลกล่มร้าง................ลืมธรรม
วัตถุวัจจะนำ.........................แน่วแล้ว
หฤทย์หิริจำ..........................จางจาก
โอตตัปปะปล่อยแป้ว..............ป่นไร้ใครแล ฯ
๏ มารแผ่พลหม่นฟ้า..............เฟือนนคร
หวยโผล่พ้นดินสลอน.............สลากซื้อ
เสียงแย่งแข่งขย้ำสยอน.........สยายส่า
แสยงศัพท์ธรรมสาสน์อื้อ........สะอึกอึ้งสะอื้นหาย ฯ
๏ กลายดรุณละอ่อนด้อย.........เดียงสา
สีฝุ่นฝาดมิจฉา......................ฉาบย้อม
เย้ยธรรมอธรรมหา................เห็นต่าง
หากแต่งเหตุผลพร้อม............พากย์ได้ดำขาว ๚ะ๛
๗ มกราคม ๒๕๔๗
2 มกราคม 2547 08:43 น.
วฤก
๏ โชค-......เคราะห์ใครขีดแล้......ลิขิต
ดี-......ชั่วใช่ชีวิต.........................วาดไว้
ปี........เดือนผ่านเตือนผิด...........พึงตรึก......ตรองเฮย
ใหม่...มุ่งหมายแก้ให้...................ห่างพลั้งผิดเผลอ ฯ
ตั้ง.....ตัวแต่งสติไว้.....................ระวังตน
ใจ......มุ่งหมายแก้กล..................ก่อนพล้ำ
ไข......ผิดว่าครูยล......................เยี่ยงอย่าง
ผิด......ใหม่มิให้ซ้ำ......................สิ่งครั้งเคยถลำ ฯ
เลือก....ทำสำเร็จด้วย.................ดวงหทัย
สิ่ง......ชั่ว-ดีดลนัย......................ดั่งนั้น
สัม-.....มาทิฐิไกล.......................กลอุบาทว์......อบายเนอ
ฤทธิ์....อกุศลกั้น........................กีดพ้นผลกุศล ฯ
ถูก......ธรรมนำชีพแล้ว............เรืองวิรุฬห์
ทิศ.....สว่างหนทางบุญ..............บ่งชี้
ถูก......อธรรมต่ำสถุล................สถานผิด
ทาง....ตกนรกลี้........................หลุดพ้นกลไฉน ๚ะ๛
๑ มกราคม ๒๕๔๗
31 ธันวาคม 2546 21:40 น.
วฤก
๏ วาดไว้ระหว่างห้วง...............เวหา
ให้เอ่ยอ้างวาจา......................วัจน์แจ้ง
เสียงดาวพากย์ภาษา...............พี่สั่ง
พราวสุกพรายแสงแสร้ง...........กระซิบสร้อยกระแสสาร ฯ
๏ ขานคำโคลงผ่านฟ้า.............พาฝัน
เพลงพร่ำคำรำพัน...................รักเพ้อ
พี่สมัครสมาสขวัญ...................เสมอคู่
เสมือนหนึ่งดาวเดือนเน้อ.........ดึกนี้นอนเคียง ฯ
๏ เสียงพจีพี่ฉะอ้อน.................ออดวอน
วาดสลักเป็นอักษร..................สู่ฟ้า
เห็นดาวดั่งเห็นกลอน..............กรองศัพท์
เชิญสดับเถิดน้องข้า ฯ............ขับถ้อยคำสนอง ฯ
๏ มองในระหว่างห้วง...............เวหา
เห็นภาพเผยวาจา...................วัจน์จ้อง
คือดาวพากย์ภาษา..................พี่สั่ง
เผยศัพท์คำรักน้อง..................เล่ห์นี้พี่เฉลย ๚ะ๛
๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๖