4 ตุลาคม 2550 13:43 น.
วชรกานท์
ตัวอย่างเพลงบอก.....
(แม่เพลง "รุ่ง") ผมไม่อยากเป็นพระเวสสันดร
(ลูกคู่) ว่าเอ้ว่าเห้ เวสสันดร
(แม่เพลง "รุ่ง") ผมไม่อยากเป็นพระเวสสันดร
(ลูกคู่) ว่าทอยช้าฉ้าเหอ เวสสันดร
(แม่เพลง "รุ่ง") เพราะจะเดือดร้อนที่สุด ผมจะเป็นนายเจตบุตร
ที่ร่างกายมันคับ...ขัน
(ลูกคู่) ที่ร่างกายมันคับ...ขัน, กูจะเป็นนายเจตบุตรที่ ร่างกายมันคับ...ขัน
ที่มา: http://www.oknation.net/blog/klorn/2007/09/09/entry-1
เพลงบอก
ว่าจะกล่าวถึงเรื่องราวการเมือง (ลูกคู่รับ)
ว่าจะกล่าวถึงเรื่องราวการเมือง (ลูกคู่รับ)
มากมายหลายเรื่องให้กล่าวขาน
มีทั้งหดหู่และเบิกบาน
วันวานมีแต่ง.....ตั้ง (ลูกคู่รับ)
พลเอกสนธิเป็นรองนายกฯ (ลูกคู่รับ)
พลเอกสนธิเป็นรองนายกฯ (ลูกคู่รับ)
ใช่เรื่องปิดปกหรือปิดบัง
หลังจากได้รับการแต่งตั้ง
ดำเนินงานพลันทัน.....ที (ลูกคู่รับ)
เข้าไปดูแลด้านความมั่นคง (ลูกคู่รับ)
เข้าไปดูแลด้านความมั่นคง (ลูกคู่รับ)
มีจุดประสงค์ที่ดี
ลาออกจาก คมช.ก่อนที่
มีพระบรมราชโอง....การฯ( ลูกคู่รับ)
ส่วนท่านนายกฯ ควบสองตำแหน่ง (ลูกคู่รับ)
ส่วนท่านนายกฯ ควบสองตำแหน่ง (ลูกคู่รับ)
มหาดไทยสองแรงสองงาน
เลือกตั้งครั้งหน้าประสาน
ทั่วทั้งประเทศ....ไทย (ลูกคู่รับ)
สนธิเอ๋ยแสนจะยินดี (ลูกคู่รับ)
สนธิเอ๋ยแสนจะยินดี (ลูกคู่รับ)
รุ่นน้องเปรมปรีมิไหว
ต่างหาข้าวตอกดอกไม้
ไปให้เป็นกำ....นัล (ลูกคู่รับ)
ส่วนท่านนายกออกไปในป่า (ลูกคู่รับ)
ส่วนท่านนายกออกไปในป่า (ลูกคู่รับ)
เก็บลูกลานมาทำพันธุ์
ใส่หนังสติ๊กยิงกัน
แพร่พันธุ์ให้ทับ....ลาน (ลูกคู่รับ)
นึกถึงตอนเด็กยังมีนายยก (ลูกคู่รับ)
นึกถึงตอนเด็กยังมีนายยก (ลูกคู่รับ)
เก็บลูกยางใส่พกมานาน
เอาธนูคันจากบ้าน
ยิงมันเข้าใน..........ป่า (ลูกคู่รับ)
อยู่มาเจ็ดปีแกมีป่ายาง (ลูกคู่รับ)
อยู่มาเจ็ดปีแกมีป่ายาง (ลูกคู่รับ)
เตรียมพร้าแผ้วถางแหวกหา
เห็นต้นงอกงามยางพารา
หาจอกมีดกรีด......ยาง (ลูกคู่รับ)
แต่ยางของแกไม่มีโสดแถว (ลูกคู่รับ)
แต่ยางของแกไม่มีโสดแถว (ลูกคู่รับ)
ซิกแซกไร้แนวแถวทาง
ยามแกเดินไปกรีดยาง
หลงทางไม่หา........เจอ (ลูกคู่รับ)
4 ตุลาคม 2550 08:33 น.
วชรกานท์
จอมมุนี ดำรัส แก่สาวก
อันความรู้ หยิบยก ทั้งไพรสณฑ์
ตถาคตรู้ แค่ใบไม้ ในมือตน
ยังหลุดพ้น จากทุกข์ สุขนิพพาน
การศึกษา เรียนอย่างไร ไมรู้จบ
สิ่งค้นพบ มีอยู่ มหาศาล
ใฝ่เถอะเจ้า เรียนร่ำ ให้ชำนาญ
ก่อเกิดการ มากมาย หลายวิชา
ชอบสิ่งใด ให้ใคร่ ในสิ่งนั้น
จงขยัน ตั้งมั่น หมั่นศึกษา
ให้เชี่ยวชาญ ช่ำชอง ผองตำรา
หมายมองหา วิธีการ สานแนวทาง
รักดนตรี ขมีขมัน สันทัสน์ศาสตร์
รักทางนาฏ หมั่นฝึกฝน มิหม่นหมาง
รักภาษา อ่านเขียน เรียนแนวทาง
รักศิลปะ อย่าละวาง ทางสุนทรีย์
สิ่งที่อยู่ คู่กัน กับมนุษย์
บริสุทธิ์ ในใจ ไม่หน่ายหนี
สองอย่างคือ ความรู้ คู่ความดี
นรชน ควรมี ประดับตน
3 ตุลาคม 2550 17:12 น.
วชรกานท์
หลายชีวา เกิดมา น่าอนาถ
เขามิอาจ วาดฝัน ใฝ่ถวิล
ด้วยชีวิต ติดอยู่ คู่โคลนดิน
แด่วแด่ดิ้น ลุกล้ม ไม่สมประดี
มีแต่ใคร ใครใคร่ ใช้ย่างเหยียบ
อยู่บนบ่า เอาเปรียบ เหยียบศักดิ์ศรี
ยากใครยก ให้ใครพ้น ปฐพี
เห็นจะมี ภูมิพล ล้นเกล้าไทย
ครบแปดสิบ พรรษา มหาราช
ประวัติศาสตร์ จารึก บันทึกไว้
พระราชกิจกรณี ดำริห์ไกล
ช่วยชาวไทย ไพร่ฟ้า ข้าแผ่นดิน
อีกพระคู่ เคียงข้าง บัลลังก์อาสน์
สิริกิติ์ ราชินีนาถ ส่งเสริมศิลป์
ศิลปะ หัตถกรรม นำชีวิน
คนทั่วทั้ง แผ่นดิน ถวายพระพร
2 ตุลาคม 2550 16:04 น.
วชรกานท์
มหาบุรุษ เปรียบมนุษย์ ไว้สี่เหล่า
หนึ่งบัวบาน วันนี้ ดีเหลือหลาย
การรับรู้ สิ่งใด ได้ง่ายดาย
สอนก็ง่าย เปรียบปทุม พ้นวารี
สองบัวพุม บานวันพรุ่ง รุ่งวันใหม่
รอธารา น้ำใส จึงเปล่งสี
ดุจฟังธรรม ขยายชัด ชื่นฤดี
จิตเปรมปรีด์ หมดคลาย หายข้องใจ
สามบัวใต้ น้ำลึก ใกล้ปลาเต่า
ใช้นิทาน ชาดกเล่า ให้เลื่อมใส
สี่สุดท้าย อยู่ใต้ตม ตรมหทัย
ยากช่วยให้ พ้นพาน อาหารมัน
นึกเปรียบเทียบ ทฤษฎี มาสโลว์
มนุษย์เติบโต ตามห้า ลำดับขั้น
หนึ่งอยู่กับปัจจัยสี่เลี้ยงชีวัน
สองครองรัก ร่วมกัน อย่างปลอดภัย
สามสังคม นิยม ประชุมหมู่
แลกเปลียน เรียนรู้ ร่วมสมัย
สี่สุนทรีย์ ผุดผ่อง ผองกายใจ
ห้าฝันใฝ่ ความสำเร็จ เจตจำนง
ยังมีหลาย ทฤษฎี ชี้มนุษย์
จงศึกษา เร่งรุด จุดประสงค์
นำไปใช้ ให้ชีวิต ยั่งยืนยง
จิตบรรจง อยู่รอดเป็นยอดดี
2 ตุลาคม 2550 15:19 น.
วชรกานท์
มรรคธรรม ค้ำจุน เพิ่มคุณค่า
ให้ชีวิต ชีวา มีราศี
หนึ่งสัมมาทิฐิ เห็นชอบดี
จักเป็นที่ น่าคบหา สมาคม
สองสัมมา สังกัปป์ ดำริคิด
สุจริต คิดตาม ความเหมาะสม
คิดเบียดเบียน ใครจะคบ สมาคม
จิตระทม ด้วยคิด ริษยา
คิดอาฆาต มาดร้าย ทำลายทั่ว
ให้หมองมัว หมดที่ สิเน่หา
ใช้ความคิด ไตร่ตรอง มองกายา
คนทั่วหล้า จะนิยม ชมว่าดี
สามสัมมา วาจา พาทีชอบ
อยู่ในขอบ เจรจา วจีสี่
พูดคำหยาบ จาบจ้วง จงพาที
วจนะดี เป็นคนมี วงศ์ตระกูล
พูดเท็จเล่า เข้าข่าย วจีชั่ว
สัจจะจริง มิหมองมัว กลัวเสื่อมสูญ
พูดส่อเสียด เบียดเบียน ยิ่งอาดูร
พูดเพ้อเจ้อ ทวีคูณ คลายศรัทธา
สี่สัมมา อาชีวะ จะรู้รอด
พอเพียงให้ ตลอด ไม่กังขา
เลี้ยงชีพได้ ให้ดี ด้วยปัญญา
จะนำพา ชีวา ให้พ้นภัย
ห้าสัมมา กัมมันตะ ละงานเสี่ยง
จงหลีกเลี่ยง งานที่คิด ผิดกฎหมาย
แม้ร่ำรวย ผลกรรม ตามมลาย
อาจถึงตาย หากคิดสาน งานไม่ดี
หกสัมมา วายามะ เป็นความเพียร
หมั่นศึกษา เล่าเรียน เพิ่มศักดิ์ศรี
เพียรในสิ่ง ถูกต้อง ลองวิธี
อันตัวอย่าง มากมี ชี้ให้ตาม
เพียรไร้เหตุ ดุจใช้แรง แล่งภูผา
ศีลสมาธิ ปัญญา มีองค์สาม
เป็นเพียรที่ ควรจะ พยายาม
ให้งดงาม ไร้ที่ติ ตริตรองเอา
เจ็ดสัมมา สติ ควรพินิจ
หมั่นฝึกจิต ทุกวัย ไม่ให้เขลา
ระลึกได้ ทุกเวลา อย่าใจเบา
กายจิตเรา สัมพันธ์ หมั่นฝึกตน
ร้อยรู้ใด ไม่เท่า ลองทำดู
ทำนั้นหรือ จะสู้ การฝึกฝน
ฝึกจนคล่อง ช่ำชอง สนองคน
สติตน ตั้งอยู่ คู่กายา
แปดสัมมาสมาธิ เป็นที่สุด
เหนือมนุษย์ ถึงจุด อุเบกขา
ธรรมารมณ์ บ่มเพาะ จินตนา
หมดตัณหา มวลกิเลส เศษธุลี
ในจิตใจ ผ่องใส ไร้หม่นหมอง
แก้วใสผ่อง ลอยล่อง แววฉวี
จะปิติ ปราโมทย์ รื่นฤดี
สูงสุดที่ นิพพาน สงบเย็น