3 มกราคม 2552 14:34 น.
วชรกานท์
กาพย์ฉบัง 16
ยอยกนิทานนานมา ปรัมปรา
เรื่องชาวจีนหนีเข้าไทย
หอบเอาเสื่อผืนหมอนใบ หลีกลี้หนีภัย
มาพึ่งพระโพธิ์สมภาร
จากแดนทุระกันดาร มีความชำนาญ
การทำเกษตรกรรม
หมายใจแค่ได้อิ่มหนำ พ้นความระกำ
มุ่งสู่ประเทศสยาม
ก้าวแรกมาถึงเขตคาม วัดวาอาราม
รุ่งเรืองเมืองทองมั่นคง
จีนนายชายชื่อหลีฮง มุ่งหมายจำนง
หาที่ปลูกผักเชี่ยวชาญ
โชคช่วยให้เจอนักการ กุลีโรงงาน
นายสีมีที่ทำกิน
เจรจาต่อรองสมถวิล เราหมูไม่กิน
จนกว่าจะร่ำจะรวย
ทั้งสองแผ้วถางต่างช่วย ดินน้ำอำนวย
ช่วยให้พืชผักงดงาม
ผ่านไปหลายปีถึงยาม สัญญาไม่ตาม
เท่าที่ทั้งสองตกลง
วันหนึ่งนายสีประสงค์ ขณะที่หลีฮง
ไปขายผักในพารา
ไปซื้อเอาเนื้อหมูมา ปรุงรสโอชา
หอมหวนชวนให้ลิ้มลอง
สัญญาที่เคยประคอง เรื่องที่ทั้งสอง
ตกลงไม่กินเนื้อหมู
นายสีคิดว่าเฟื่องฟู มีกินมีอยู่
ฐานะเข้าข้างมั่นคง
นายสีเกิดความทะนง ตอนเย็นหลีฮง
กลับมาจากขายพืชผัก
ได้กลิ่นหอมหวนชวนชัก เกินใจห้ามหัก
รีบเร่งไปถามนายสี
ทำไมลื้อไม่ใยดี สัญญาที่มี
กินหมูยังไม่ร่ำรวย
นายสีผู้ทะนงงงงวย โอพระเจ้าช่วย
เดี๋ยวนี้เรารวยแล้วไง
ดั่งมีเสี้ยนหนามแทงใจ ให้ดับทันใด
หลีฮงอธิบายให้ฟัง
สัญญามีแต่ปางหลัง มิตรภาพพัง
เราสองแบ่งเบี้ยแยกทาง
สองทศวรรษอำพราง ฐานะแตกต่าง
ทั้งสองเจอกันอีกครา
นายสีไปต่างพารา พบหนึ่งร้านค้า
เพื่อซื้อสิ่งของต้องการ
พบเจอกับเจ้าของร้าน คิดอยู่เนิ่นนาน
เถ้าแก่คนนี้เป็นใคร
เราเคยเจอะกันที่ไหน จึงไม่สนใจ
ได้แต่เลือกหาสินค้า
รูปร่างการแต่งกายา พอจะบอกว่า
ฐานะยากจนเข็ญใจ
หลีฮงมองเห็นแต่ไกล เขาจำเพื่อนได้
ทักทายด้วยจิตไมตรี
จูงไม้จูงมือนายสี ด้วยความยินดี
ที่เจอเพื่อนเก่าเพื่อนแก่
หลีฮงรับรองดูแล ไม่เชือนไม่แช
สั่งให้แม่ครัวรีบปรุง
ทั้งสองจูงมือพยุง อาหารหอมฟุ้ง
คงจะหลากหลายเมนู
นายสีนั่งโซฟาหรู ด้วยใจหดหู่
หุบปากมิพูดสิ่งใด
หลีฮงสั่งให้เร็วไว อาหารอยู่ไหน
แม่ครัวจงได้ยกมา
ต้มพะโล้หมูทั้งขา กับข้าวนานา
เนื้อหมูกระดูกเครื่องใน
หลีฮงชวนสีทันใด มัวช้าอยู่ใย
รับประทานอาหารด้วยกัน
นายสีรู้สึกตื้นตัน ไม่นึกไม่ฝัน
ฐานะแตกต่างกันไกล
จึงถามหลีฮงออกไป ว่าเหตุไฉน
จึงได้มาเห็นนายห้าง
หลีฮงเล่าหลังแยกทาง เช่าที่หน้าห้าง
เพื่อขายจำหน่ายของชำ
เก็บเงินเป็นกอบเป็นกำ เช่าร้านของชำ
จนเซ้งมาเป็นของตน
การค้าเริ่มทวีผล มีอิทธิพล
เครดิตกับธนาคาร
ระหว่างทำกิจการ ไม่เคยแผ้วพาน
จักหาเนื้อหมูมากิน
จวบจนหลุดพ้นหนี้สิน มีตึกที่ดิน
ทั้งห้างเรือกสวนไร่นา
เงินทองไหลมาเทมา ฮั้วจึงคิดว่า
เพียงพอถึงขั้นร่ำรวย
ภาษิตหมูอยู่ในอวย ขยันโชคช่วย
กินหมูมาถึงวันนี้
เรื่องเล่าเข้าหูนายสี อับอายทวี
กลืนข้าวคั่งค้างติดคอ
นายสีเล่าความเติมต่อ ดื่มน้ำล้างคอ
จึงเล่าเท้าความเป็นมา
ตั้งแต่หลีฮงจากลา เลิกปลูกผักหญ้า
ที่ดินรกร้างดังเดิม
เงินทองที่มีมิเพิ่ม รับจ้างดังเดิม
หมดแรงสู่วัยชรา
ที่ดินแบ่งขายนายหน้า เพื่อเลี้ยงกายา
ให้เขาทำบ้านจัดสรร
อนาคตถึงทางตัน หมดคำจำนรรจ์
นายสีล่ำลาหลีฮง
เป้าหมายไม่ลุเป้าประสงค์ จงอย่าทะนง
อุทาหรณ์นายสีหลีฮง
2 มกราคม 2552 14:54 น.
วชรกานท์
ในโลกแห่งความฝัน
เราพบกันใกล้ชิดสนิทสนม
รอยยิ้มอันหวานชื่นพารื่นรมย์
เคียงคู่กันเดินชมดวงดารา
ในโลกแห่งความจริง
ไม่มีสิ่งหนึ่งใดให้เสน่หา
ความใกล้ชิดรึแม้แค่สบตา
กลับเบือนหน้าหลบลี้เดินหนีไกล
ในโลกแห่งเทคโนโลยี
รื่นฤดีอยู่ไกลเหมือนอยู่ใกล้
พอสื่อสารกานท์กาพย์ซาบฤทัย
เหมือนหนึ่งใจเดียวกันปันความคิด
ในโลกแห่งอำนาจ
ใครเก่งกาจชั่วดีก็มีสิทธิ
ขอเพียงผูกใจมั่นพันธมิตร
ไม่ต้องคิดมองหน้าประชาชน
ในโลกแห่งการเมือง
มักมีเรื่องวุ่นวายให้สับสน
เปลี่ยนกันไปเปลี่ยนกันมาพาวกวน
สัปดนการเมืองไทยไม่ยอมกัน
ในโลกแห่งธรรมมะ
เลิกลดละกิเลสเบญจขันธ์
อริยมรรคครรลองประคองธรรม์
ทางสู่ฝันอิทธิบาทสี่ประการ
1 มกราคม 2552 10:44 น.
วชรกานท์
ความทุกข์ใจจงหมดไปกับปีเก่า
ความหมองเศร้าจงหายไปกับปีหนู
ความสุขความสมหวังจงพรั่งพรู
ต้อนรับปีฉลูสู้ภัยพาล
เศรษฐกิจเจ้าปัญหาครานี้หนัก
ประชาชนจงรักสมัครสมาน
ร่วมคิดเห็นเป็นหนึ่งในรัฐบาล
กระทำการสิ่งใดโปรดไตร่ตรอง
รัฐบาลจงอยู่ในทศพิธ
อภิสิทธิ์นายกใหม่ไทยทั้งผอง
กำหนดนโยบายให้ปรองดอง
เป็นไปตามครรลองประชาธิปไตย
แต่ต่างกลุ่มแตกต่างทางความคิด
หมายพิชิตราชประชาสมาสัย
ยึดอำนาจการปกครองประเทศไทย
โดยปราศรัยปลุกระดมสะสมพล
ความคิดเห็นที่แตกต่างใช่แตกแยก
มาจำแนกเผ่าไทยให้สับสน
ม็อบกลับมาพาชาวไทยให้วกวน
เป็นเหตุผลให้พวกเผด็จการ
ทั้งซ่อนรูปรึโผล่หน้ามาให้เห็น
มิว่างเว้นเกิดรัฐประหาร
ประชาธิปไตยอยู่ไม่ยั้งยืนนาน
เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยประวัติศาสตร์ไทย
ทุกห้าปีมีการยึดอำนาจ
ประเทศชาติพัฒนาไม่ถึงไหน
ปีห้าสองเชิญเพื่อนพ้องผองผไท
มาร่วมใจรัฐบาลสานงานเมือง
ช่วยตรวจสอบโครงการทุจริต
จงใช้สิทธิประชาไทยให้ลือเลื่อง
เสวนาการเมืองภาคพลเมือง
ความรุ่งเรืองของชาติอยู่มิไกล
สิบเอ็ดมกรามาเลือกตั้ง
รวมพลังเลือคนดีมีวิสัย
เป็นตัวแทนประชาชนคนชาวไทย
ขออย่าได้ขายสิทธิคิดแค่เงิน
31 ธันวาคม 2551 16:54 น.
วชรกานท์
ขอส่งท้ายปีชุลมุนวุ่นวายนัก
แยกที่รักมักที่ชังพลังสี
สามนายกสามคณะรัฐมนตรี
พูนทวีขัดแย้งคลางแคลงกัน
ด้วยสองพวกสองสีที่เป็นเหตุ
ส่งสีเหลืองผู้เรืองเดชครองเขตขันธ์
รับสีแดงแรงฤทธิ์พิชิตพลัน
สุดจาบัลย์ความสับสนพลไทย
เศรษฐกิจตกต่ำซ้ำแตกแยก
ขาดวิจารณญาณจำแนกคำปราศรัย
ต่างฝ่ายต่างอ้างประชาธิปไตย
การเมืองใหม่การเมืองเก่าให้เราฟัง
ขออำนาจคุณพระศรีมณีรัตน์
จงขจัดโพยภัยในหนหลัง
ส่งแสงทองผ่องฟ้าเสริมพลัง
ให้คนไทยร่มเย็นยั้งยิ่งยืนนาน
ตลอดปีสองพันห้าร้อยห้าสิบสอง
คิดถึงทองได้สุวรรณอันเฉิดฉาน
คิดถึงเงินได้ธนบัตรชัดชื่นบาน
คิดหางานได้อาชีพรีบเร็วไว
มีคู่ครองให้รักสมัครสมาน
มีบุตรหลานให้เรียนดีมีนิสัย
บริวารให้อยู่ในวินัย
คนเป็นโสดจงได้มีคู่ครอง
คนเป็นทอมส์จงได้พบกับดี้
คนเป็นหนี้จงได้ให้เจ้าของ
เป็นเกย์ตุ๊ดขอให้สมอารมณ์ปอง
พิการตาให้มองเห็นแก่นธรรม
พิการหูให้ได้ยินสิ้นสุดเสียง
พริ้งสำเนียงธรรมมาพาอิ่มหนำ
พิการแขนได้แขนเทียมอันเอี่ยมนำ
พิการขาอย่าระกำได้วิลแชร์
10 ธันวาคม 2551 10:52 น.
วชรกานท์
ปากเกลียดตัวว่าชั่วช้าสาไถย
มองเห็นไข่หมายใจได้ถวิล
นำมาต้มเจียวดาวกับข้าวกิน
สัมผัสลิ้นสองแฉกพาแยกทาง
เกลียดปลาไหลไอ้ตัวน่าแขยง
กินน้ำแกงเขี่ยเนื้อเอาไว้ข้าง
อิ่มอุราพาใจหายแคลงคลาง
เจ้ามัจฉาเจ้าช่างน่าเลี้ยงดู
เห็นงูเห่าเย็นหนาวน่าสงสาร
ฆ่าชาวนาเป็นตำนานน่าอดสู
ชาวนานึกว่ามันกตัญญู
จึงอุ้มชูห่มผ้าน่าเศร้าใจ
ใครใคร่คิดประโยชน์คนไม่เห็น
ใครใคร่เป็นคนเกลียดตัวมัวกินไข่
ใครใคร่เลี้ยงงูเห่าอุ้มเอาไป
ใครใคร่เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง