1 กุมภาพันธ์ 2551 20:20 น.
วชรกานท์
แค่หวังเพียงมีเจ้าอยู่เคียงข้าง
ความเปล่าเปลี่ยวอ้างว้างคงจางหาย
ความว้าวุ่นสับสนกระวนกระวาย
คงมลายหายไปจากใจจินต์
มองดูเดือนดวงเดิมอย่างเดียวดาย
มิมีคนเคียงกายดังถวิล
สายลมหนาวพัดแผ่วผ่านระรวยระริน
มีเพียงดินดวงดาวที่เฝ้ารอ
ยามคืนค่ำด่ำดื่มแสงจันทร์หวาน
มุ่งทำงานเหนื่อยหน่ายอนาถหนอ
จนลืมเวลาเคยเฝ้าพะเน้าพนอ
ลืมแม้การคอยรอทุกค่ำคืน
26 มกราคม 2551 16:51 น.
วชรกานท์
จะเป็นไปอย่างไรการศึกษาชาติ
ด้วยยังขาดบุคลากรการศึกษา
และเพื่อนครูผู้ให้วิทยา
สอนศิษย์มาให้เห็นเป็นคนดี
คุณธรรมนำความรู้เด็กดูเห็น
ครูต้องเป็นตัวอย่างทางวิถี
แสวงหาความรู้คู่ชีวี
เด็กจึงมีความรู้คู่ปัญญา
แสวงหาในสิ่งสร้างประโยชน์
เทคโนโลยีรุ่งโรจน์ดังใฝ่หา
ทั้งเรียนรู้ในนอกผองตำรา
แสวงหาความรู้ด้วยตนลอง
โดยใช้ภาษาไทยเป็นเครื่องมือ
อังกฤษคือภาษาเป็นที่สอง
วิธีใช้เทคโนมิเป็นรอง
คณิตต้องคิดเก่งมิเกรงใคร
สุนทรียะหาได้ในชีวิต
หากมีจิตอ่อนโยนผ่องสดใส
ทั้งกีฬาดนตรีเทศดนตรีไทย
สุขภาพอนามัยได้จดจำ
คนอยู่ในสังคมสังคมสอน
สื่อมวลชนพร่ำวอนทุกเช้าค่ำ
การแยกแยะดีชั่วช่วยหนุนนำ
กระทรวงวัฒนธรรม เป็นแบบแปลน
24 มกราคม 2551 01:35 น.
วชรกานท์
แสนโศกเศร้าอาลัยในห้วงหน
พระพี่นางฯสิ้นพระชนม์สู่แดนสรวง
ชาวประชาอาลัยไปทั้งปวง
ดุจดังดวงประทีปดับลาลับไป
เจ้าฟ้าเสด็จฯอำนวยช่วยคนยาก
สุดระกำลำบากเป็นไฉน
สู่หมู่บ้านป่าเขาลำเนาไพร
ช่วยคนเจ็บป่วยไข้ได้หยูกยา
ทรงสนองดำริตามเสด็จ
แพทย์อาสาสำเร็จตามรอยเสด็จย่า
แม้พระพี่นางเธอฯลาล่วงจากโลกา
ยังประทับใจประชามหาชน
24 มกราคม 2551 01:16 น.
วชรกานท์
หนึ่งหมื่นสี่พันวันผ่านชีวิต
ใครลิขิตชีวิตของเราได้
นอกจากตัวเราเองมิใข่ใคร
ตั้งวิสัยทัศน์ไว้ให้ไกลยาว
แรกเริ่มตั้งดูเลือนลางมองมิเห็น
ความหวังฝังซ่อนเร้นในเมฆขาว
ตะวันส่องลับวันแล้วและวันเล่า
มาถึงคราวฟ้ากระจ่างสว่างอำไพ
แต่ในความสว่างกระจ่างแจ้ง
อุณหภูมิกลับร้อนแรงกลับเวียนว่าย
เรือลำน้อยเจอคลื่นน้อยนั้นฉันใด
เรือลำใหญ่ย่อมพบคลื่นมหึมา
ได้มานั่งปลงสังขารยามวัยดึก
คิดครวญนึกในอดีตเคยหรรษา
เสพสุขคลุกนารีร่ำสุรา
อนิจจาปมาโทมัจจุโนปทัง
ความประมาทเป็นหนทางดับชีวิต
ใครลิขิตชีวิตแต่ปางหลัง
บินจากคอนล้วนแล้วกลับมาตายรัง
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ฯ
7 มกราคม 2551 16:17 น.
วชรกานท์
อยากดอมดมกลิ่นบุปผาผกาหอม
พวงพยอมหลายกลิ่นสีให้เลือกสรร
บ้างเบ่งบานหอมเช้าหอมกลางวัน
มีหลายหลากสีสันให้ชื่นใจ
ดอมหลายกลิ่นมิมีกลิ่นให้ชื่นจิต
แค่ผ่านเลยในชีวิตพอสดใส
ขาดแต่กลิ่นกระดังงาเคยลนไฟ
อยากคว้ามาวางใส่แจกันทอง
กลิ่นหอมหวลชวนให้ชายใหลหลง
เปรียบอนงค์ผ่านชายให้มัวหมอง
อยากปลอบประโลมใจเจ้าเฝ้าประคอง
ขอจับจองห้องใจด้วยไมตรี
แม้อยู่ดงพงไพรอันไกลห่าง
จะฝ่าสิ่งกีดขวางหาโฉมศรี
แม้หลบซ่อนอยู่ส่วนใดในธานี
จะพลิกแผ่นปฐพีตามหาเธอ