25 กันยายน 2545 18:01 น.
ลูกเป็ดขี้เหร่
นิทานเรื่องนี้ไม่มีชื่อเรื่อง เรื่องก็มีอยู่ว่า
กาลครั้งหนึ่ง มีหญิงชายคู่นึง ได้ตกลงคบกัน พอไม่นานฝ่ายชายก็นึกอยากลองใจฝ่ายหญิง จึงทำเป็นไม่พูดไม่จา ไม่แม้แต่ที่จะมองหน้าฝ่ายหญิง หญิงนางนั้นเสียใจและไม่เข้าใจว่าทำไมฝ่ายชายถึงเปลี่ยนไป เลยได้แต่คิดทำใจว่าเขาคงไม่รักเธอแล้ว ในเวลาต่อมา ฝ่ายหญิงได้ตัดใจอย่างเด็ดขาด แต่แล้ว....ไม่นานนัก ฝ่ายชายก็ได้หวนกลับมา เพื่อขออธิบายเหตุผล แต่ทว่า มันสายไปเสียแล้ว ทั้งคู่ยากที่จะกลับมาเป็นอย่างเดิมได้ และนี่คงจะเป็นบทเรียนและข้อคิดของนิทานเรื่องนี้.....
*ทั้งยังเป็นความทรงจำที่ไม่น่าจดจำของพวกเขาไปตลอดกาล*
23 กันยายน 2545 17:37 น.
ลูกเป็ดขี้เหร่
เธอทำให้ฉันก้าวข้ามการกลัว ความรัก ด้วยหัวใจของเธอ
เธอทำให้ดวงตาของฉันเห็นทุกสิ่งในโลกสวยงามด้วยหัวใจของเธอ
เธอทำให้ฉันลุกขึ้นยืนได้แม้จะทุกข์กับปัญหาสารพัดด้วยหัวใจของเธอ
ฉันหนาว ... อุ่นไอจากตัวเธอทำให้ฉันอบอุ่น ...
วันนี้ฉันร้องไห้ ... ภายใต้อากาศที่หนาวเหน็บ
ร่างกายฉันห่อหุ้มไปด้วยเสื้อผ้าที่สามารถทำให้อบอุ่นได้อย่างมีความสุข ...
แต่เชื่อมั้ย น้ำตาเพียงหยดเดียวมันสามารถทำให้ฉันเหน็บหนาวไปถึงหัวใจ
เพราะหัวใจดวงเดิมของเธอ ... ที่ไม่เหมือนเดิม
23 กันยายน 2545 17:18 น.
ลูกเป็ดขี้เหร่
ยกน้ำขึ้นมาแก้วหนึ่ง
คุณคิดว่าแก้วนี้น่ะหนักมะ???
มันก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณถือมันนานแค่ไหน
ก็ถ้าคุณถือแค่ซักนาทีนึง ... มันก็ยัง OK นะ
ถ้าคุณถือจนชั่วโมงนึง ... นั่นก็จะทำให้ปวดแขนได้
แต่ถ้าถือไว้ซักวันนึงล่ะ ...
ที่นี้คุณจะต้องเรียกรถพยาบาลแน่ ๆ
มันก็น้ำหนักเท่าเดิมแหละนะ ..
แต่ว่ายิ่งคุณถือไว้นานเท่าไหร่ก็ยิ่งหนักเท่านั้น
ถ้าคุณแบกภาระนั้นไว้ตลอดเวลา ไม่ช้าก็เร็ว
เราก็จะไม่สามารถที่จะแบกรับมันได้อีก
แล้วภาระนั้นก็จะเพิ่มขึ้น
สิ่งที่คุณต้องการจะทำก็คือวางแก้วลง
ผ่อนคลายซักครู่ แล้วค่อยถือมันอีกครั้ง
เราต้องปล่อยวางภาระ เรื่องราวต่าง ๆ บ้าง
แล้วเราจะได้รู้สึกสดชื่นขึ้น
เพื่อที่จะสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ เมื่อกลับบ้านแล้ว
จงวางภาระต่าง ๆ ไว้ .อย่าแบกกลับไปด้วย
เพราะยังไงก็ตามคุณก็สามารถจะแบกมันได้อีกครั้งในวันพรุ่งนี้ ...
23 กันยายน 2545 16:52 น.
ลูกเป็ดขี้เหร่
- -/- -/- - " วันนี้เขายิ้มให้ฉันด้วย โลกทั้งใบดูเป็นสีชมพูไปหมด"
- -/- -/- - " ตอนที่เขาแข่งบาส เขาเท่ห์มาก เขาดูดน้ำหลอดเดียวกับฉันด้วย เขาจะรู้มั้ยนะ ว่าฉันคิดไปไหนต่อไหนแล้ว"
- -/- -/- - " ฉันว่าฉันรักเขาเข้าแล้วล่ะ ไม่ใช่แค่ชอบอย่างเดียวหรอก จริงๆนะ ฉันว่าอย่างนั้น แต่เขาคงไม่รักฉันหรอก"
สมุดบันทึกสีขาวถูกปิดลงอย่างช้าๆท่ามกลางความเงียบ ผู้หญิงตัวเล็กๆ ค่อยๆ บรรจงเก็บสมุดบันทึกเล่มนั้นใส่กระเป๋า แล้วเดินออกไปสู่โลกความจริง ....ผู้หญิงตัวเล็กๆคนนั้นคือฉันเอง ฉันแอบชอบเพื่อนของตัวเอง ทุกๆวัน ฉันก็จะถ่ายทอดความในใจที่มีต่อเขาลงในสมุดบันทึก ฉันเชื่อว่าความลับไม่มีในโลก แต่ฉันก็จะรักษาความรักลับๆของฉันไว้ให้นานที่สุด
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ฉันหยิบสมุดบันทึกขึ้นมาเขียนถึงเขา แต่ดูเหมือนมันจะไม่ง่ายเหมือนทุกครั้ง
" ไง? ส้ม ทำอะไรอยู่ ไม่ไปกินข้าวอีก"
" โถ่ทราย ตกใจหมด" ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมทรายถึงต้องโผล่มาเวลาเนี่ย
"ซ่อนอะไรไว้ข้างหลังน่ะส้ม เอาออกมาให้เราดูเดี๋ยวนี้"
"ปะ...เปล่านี่ ทรายไปกินข้าวก่อนเหอะนะ เดี๋ยวเราตามไป" ฉันใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ได้แต่หวังว่าทรายคงจะเลิกสงสัย แล้วก็คงจะจริง! หลังจากที่ทราบออกไปได้ซักพัก ฉันก็ค่อยๆเก็บสมุดบันทึกอย่างทะนุถนอม แล้วลงไปที่โรงอาหาร แปลกจัง ... บ่ายนี้ฉันไม่เห็นเขาเล่นบาสเลย เขาไปไหนนะ ฉันพยายามมองหาเขาจนคอยื่นคอยาว แล้วก็ต้องผิดหวัง เขาไม่ได้อยู่ข้างล่าง ฉันค่อยๆก้าวขึ้นบันไดช้าๆ เมื่อถึงหน้าห้อง ฉันก็สังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนไป ฉันพบเขา เขาเดินมาหาฉันแล้วก็ยิ้มให้ก่อนที่จะเดินจากไป นี่มันอะไรกัน ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม....
" ส้ม เป็นไร หน้าแดงเชียว"
"เปล่านี่ทราย อย่าขี้สงสัยนักเลยน่ะ"
"แล้วนี่อะไรจ๊ะ?" ทรายทำฉันอึ้ง ทรายหยิบสมุดบันทึกของฉันไปอ่าน ตายแล้ว เธอต้องรู้แล้วแน่ๆว่าฉัน........
"ทำไมทรายทำแบบนี้อ่ะ" ฉันโพล่งออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นระรัว
"โกรธเหรอ โห่ส้ม เราก็แค่อยากรู้เฉยๆอย่าโกรธเลยนะ" ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ายกโทษให้กับทรายได้ยังไง ฉันควรจะตัองโกรธนี่นะ
"นี่ส้ม....ฉันช่วยส้มได้นะ เอามะ เดี๋ยวฉันเป็นแม่สื่อให้ นะ นะ"
.........................................
วันนี้ฉันมาดูเขาเล่นบาสแต่เช้า ซึ่งฉันว่าเขาดูแปลกไป เขาดีกับฉันมากขึ้น และฉันก็ต้องรู้ให้ได้ว่าฉันเป็นเพราะอะไร
"นี่อาร์ม..... วันนี้ดูอารมณ์ดีแปลกๆนะ" ฉันทำตัวเป็นปกติเสมอเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา แต่ไม่ทันที่ฉันจะพูดต่อ เขาก็คว้าแขนฉันไปยังมุมๆหนึ่ง
"ส้ม...ถ้าเราถามอะไรส้มซักอย่าง ส้มต้องตอบความจริงเรานะ"
"อืม...อะไรล่ะ" (ฉันหวังว่าคงไม่ใช่เรื่องนั้น)
"ในสมุดบันทึกของส้มน่ะ.... ส้มเขียนถึงเราเหรอ"
"ใครบอก??? " ฉันโพล่งออกไปอย่างไม่รู้ตัว อะไรกัน...ความลับของฉันมันไม่ใช่ความลับอีกต่อไปแล้วเหรอ
"ตกใจเหรอส้ม ที่จริงเรารู้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะ อืมม..ท่าส้มชอบเราจริงๆ เราเป็นแฟนกันมะ"
"อืมมม..^-^" ฉันรู้สึกว่ามันจะออกมาดีกว่าที่คิด แปลกจริง! ทำไมฉันไม่รู้มาก่อนล่ะ ว่าเขาก็ชอบฉัน
...........................................
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ...ฉันกับเขาก็คบกัน ฉันมีความสุขมาก เขาคอยดูแลเอาใจใส่ฉันตลอดเวลา สอนฉันในหลายๆเรื่อง เขาทำให้ฉันรักเขามากขึ้น มากซะจนฉันไม่อยากที่จะเสียเขาไป
กระทั่งวันหนึ่ง ฉันเห็นเขาไปดูหนังกับรุ่นน้อง ฉันเสียใจมากและต้องการคำอธิบายจากเขา แต่เขากลับเงียบ แล้วพูดกับฉันแค่เพียงว่า " เราไม่มีเรื่องอะไรที่จะต้องคุยกัน" ฉันไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเปลี่ยนไป เขาจะรู้มั้ยว่าเขาทำให้ฉันแทบไม่เป็นผู้เป็นคน จากวันนั้นก็ดูเหมือนว่าเขาจะหันหลังให้ฉันตลอดเวลา เขากลายเป็นคนไร้เหตุผล ไม่ยอมพูดไม่ยอมจากับฉัน ฉันจึงไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเพราะอะไร..... ฉันคร่ำครวญร้องไห้อยู่เป็นเวลาหลายเดือน จนสามารถคิดได้ว่า ฉันควรจะตัดใจเสียที ในที่สุดสิ่งที่ฉันกลัวก็มาถึง จากที่เราเคยเป็นเพื่อนกัน ฉันกลับทำตัวเป็นอย่างเก่าไม่ได้ แต่ฉันก็เชื่อว่าเขาก็คงคิดอย่างฉัน เวลาผ่านไปนานพอสมควร...ฉัน คนที่ได้ล้มลงก็ค่อยๆผยุงตัวขึ้นอย่างช้าๆ ฉันเลิกคร่ำครวญถึงเขา ฉันได้แค่คิดว่า เขาคงไม่รักฉันแล้ว ฉันได้กลับมาเป็นคนเดิม ผู้หญิงตัวเล็กๆที่ร่าเริงสดใส แล้วไม่นานนัก เขาก็กลับมา...เขาอยากจะให้ฉันยกโทษให้เขา และเริ่มต้นกันใหม่ แต่ฉันตอบปฏิเสธ ฉันไม่แปลกใจเลยที่ตัดสินใจแบบนั้น จริงอยู่! ที่ฉันยังรักเขา และไม่สามารถลืมเขาได้ แต่ฉันกลับไม่ดีใจเลยที่เขากลับมา มันสายไปเสียแล้ว...เราสองคนคงยากที่จะกลับมาเป็นอย่างเดิมได้ ฉันไม่รู้ว่าฉันจะบอกกับเขายังไงดี ว่าฉัน....ฉันยังรักเขามาก และยินดีที่จะรักเขาข้างเดียวอย่างนี้ตลอดไป ฉันไม่เรียกร้องให้เขามาชอบฉันอีกแล้ว ฉันพอใจในสิ่งที่ฉันเป็น พอใจที่จะรักเขาเงียบๆอย่างนี้ เพราะอย่างน้อย ฉันคงจะไม่เสียใจเลยถ้าเขาไม่รักฉัน และที่สำคัญที่สุด ฉันก็คงจะไม่สูญเสียความเป็นเพื่อนที่ฉันกับเขาเคยมีให้กัน............
เศษแก้วก็คือเศษรักของสองเรา หากเดินกลับไปคงบาดเท้า
หากกลับไปรักคงบาดใจ
22 กันยายน 2545 17:22 น.
ลูกเป็ดขี้เหร่
รู้ว่ารักเธอ(ก็สายไป)
ฉันชื่อเครือออน เป็นวัยรุ่นที่ไม่ค่อยเข้าใจในรัก และคิดว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ ซึ่งพวกเพื่อนๆก็มักจะหาว่าแปลก แต่สำหรับฉัน ฉันว่าไม่!!
"ออน...นี่ รู้รึเปล่า ยัยนุ่นเลิกกะแฟนแล้วนะ" เพื่อนร่วมห้องของฉันวิ่งมาด้วยท่าทางกระหืบกระหอบ
"อืม...หรอ..แล้วไง"
"ชั้นว่าอาการน่าเป็นห่วงนะ ออนซี้กะนุ่นไม่ใช่เหรอ ไปดูมันหน่อยเหอะ"
"จ้า...ชั้นไปแน่ เพื่อนชั้นทั้งคนนะ"
ฉันก้ไม่เข้าใจเหมือนกัน กะอีแค่เลิกกับแฟนแค่นั้น ทำไมนุ่นถึงร้องไห้ฟูมฟายคล้ายจะเป็นบ้า ไม่รู้สิ ฉันไม่เคยมีความรักนิ่ ก็เลยยังไม่รู้ถึงอนุภาพของมัน ชาตินี้ ฉันคงไม่มีหรอกความรักน่ะ เพราะแค่ได้ยินมัน ฉันก็วิงเวียนจนแทบจะอ๊วก
.......................................
งานวันเกิดของฉัน ฉันอายุ 17 ปีแล้ว จัดงานเลี้ยงเล็กๆที่บ้าน มากันเฉพาะเพื่อนฝูง วันนั้นอาการเซื่องซึมของนุ่นดูจะลดน้อยลง แต่ที่แปลกก็คือ ผู้ชายคนนั้น คนที่มากะนุ่น ฉันไม่เคยรู้จักเขามาก่อน
"ไงจ๊ะ ออน เป็นสาวเต็มตัวแล้วนะ"
"บ้าสินุ่น เธอเองก็อีกไม่กี่เดือนไม่ใช่เหรอ"
"จ้า....เออ ออน นี่พี่ชายเรานะ ชื่อ พี่นัน จ่ะ" นุ่นแหวกมือไปทางผู้ชายคนนั้น
"สวัสดีครับ"
"ดีด้วยค่ะ ทักทายเป็นทางการเชียวนะคะ"
ท่าทางพี่ชายของนุ่นก็ดูดี บุคลิกใช้ได้ แต่ที่ฉันไม่ชอบก็คือสายตา ดูเค้ามองฉันแปลกๆยังไงไม่รู้ หลังจากงานวันเกิดของฉัน ต่างฝ่ายก็ต่างเงียบกันไป ฉันเองก็ไม่ได้นึกถึงเขาเลย จนกระทั่งนุ่นมาบอกกับฉันว่าพี่นันอยากคุยและทำความคุ้นเคยกับฉัน ซึ่งฉันก็คิดว่าไม่น่าจะเสียหายอะไร
.........................................
ฉันกะพี่นันพูดคุยกันได้ราวๆ4 เดือน เราได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นและมีความสุขได้ แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ไม่อยากจะคิดว่านี่คือความรัก ถึงแม้ว่ามันจะใช่ ชั้นก็จะบังคับให้มันไม่ใช่ให้จงได้ เพราะจากประสบการณ์ ที่ฉันได้ยินได้ฟังมา ฉันยินดีที่จะเป็นส่วนน้อยที่จะวิ่งหนีคำว่า "รัก"
"พี่ว่าเราไปดูหนังกันซักเรื่องดีมั้ย"
"ทำไมอยู่ดีดี ถึงชวนออนล่ะ"
"เปล่า คือพี่มีเรื่องจะคุยด้วยน่ะ"
"ท่าทางจะเรื่องสำคัญนะคะ อืม...โอเคค่ะ งั้นอีก 15 นาที ออนจะออกไปหานะคะ"
ฉันไม่รู้หรอกนะว่าพี่นันมีอะไรจะพูด แต่ฉันกล้า กล้าที่จะเผชิญหน้ากับเขาเพื่อเคลียร์ทุกอย่าง
"หนังสนุกดีนะออน"
"ค่ะ .. คราวนี้พี่นันจะพูดเรื่องสำคัญของพี่นันได้รึยังคะ"
"_________" เขาเงียบไป ไม่มีเสียงตอบ
"พี่นัน?"
"คือ พ่อกะแม่ของพี่ จะให้พี่หมั้น"
"อือ ก็ดีนี่คะ ออนดีใจด้วยนะ" ฉันรู้สึกวูบขึ้นมาทันที แต่ก็ดี ฉันจะได้หลุดพ้นจากคำว่ารัก
"แต่พี่ไม่อยากหมั้นกับคนที่พี่ไม่ได้รัก"
"พี่นันพูดอย่างกับว่าพี่มีคนที่รักอยู่แล้วงั้นแหละ" ฉันคิดอยู่นาน กว่าจะพูดประโยคนี้ออกไป
"อืมม ก็ออนไง"
"_________" ฉันขยับปากไม่ได้ขึ้นมาทันที ฉันดีใจนะที่ได้ยินคำนี้ แต่ฉันกลัวที่จะเจ็บปวดมากกว่า
"ออน..พี่รักออนนะ ออนบอกกับพี่สิ ว่าออนก็รักพี่ พี่จะได้บอกกับพ่อและแม่ แล้วพี่จะรอ ถ้าออนเรียนจบ เราจะหมั้นกันทันทีเลยนะ"
"คือ ออน ..ออนคิดกับพี่แค่พี่ชายเท่านั้นค่ะ ออนขอโทษนะคะ" ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าฉันพูดและทำอะไรลงไป วินาทีนี้ ฉันเหมือนคนที่ลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ นี่ ฉันคงทำถูกนะ
.............................................
หลังจากงานหมั้นของพี่นันผ่านไป ก็มาถึงงานแต่ง ฉันจำเป็นต้องไปร่วมงานด้วยสภาพเหมือนคนไร้วิญญาณ"ยินดีด้วยนะคะ" ฉันบ่นกับตัวเองเบาๆ ที่ฉันทำอะไรลงไป ฉันกำลังทำร้ายคนที่ฉันรักและเขาก็รักฉัน หลังจากเสร็จพิธี ฉันแอบปาดน้ำตาแล้วเดินออกไปจากงานอย่างช้าๆ
รักก็เจ็บ....ไม่รักก็เจ็บ...ตอนนี้ฉันเจ็บยิ่งกว่า ฉันเพิ่งเข้าใจความรักที่แท้จริงก็วันนี้ ฉันเพิ่งจะมาเข้าใจตัวเอง หากวันนั้น ฉันยอมรับความรู้สึกของตัวเอง ฉันคงไม่ต้องเจ็บปวดทรมานแบบนี้ นับจากวันนี้เป็นต้นไป ฉันคงจะมีตราบาปฝังใจไปตลอดชีวิต "ขอโทษด้วยนะคะ"
" กว่าจะรู้ ...จะซึ้งถึงคำว่ารัก... ก็ต้องรอจนวันที่มันไม่เหลือใคร
ฉันเพิ่งรู้ตัววันนี้....ว่าขาดเธอเหมือนขาดใจ ว่าฉันรักเธอแค่ไหน
เมื่อไม่มีเธอ"