23 กันยายน 2545 17:18 น.
ลูกเป็ดขี้เหร่
ยกน้ำขึ้นมาแก้วหนึ่ง
คุณคิดว่าแก้วนี้น่ะหนักมะ???
มันก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณถือมันนานแค่ไหน
ก็ถ้าคุณถือแค่ซักนาทีนึง ... มันก็ยัง OK นะ
ถ้าคุณถือจนชั่วโมงนึง ... นั่นก็จะทำให้ปวดแขนได้
แต่ถ้าถือไว้ซักวันนึงล่ะ ...
ที่นี้คุณจะต้องเรียกรถพยาบาลแน่ ๆ
มันก็น้ำหนักเท่าเดิมแหละนะ ..
แต่ว่ายิ่งคุณถือไว้นานเท่าไหร่ก็ยิ่งหนักเท่านั้น
ถ้าคุณแบกภาระนั้นไว้ตลอดเวลา ไม่ช้าก็เร็ว
เราก็จะไม่สามารถที่จะแบกรับมันได้อีก
แล้วภาระนั้นก็จะเพิ่มขึ้น
สิ่งที่คุณต้องการจะทำก็คือวางแก้วลง
ผ่อนคลายซักครู่ แล้วค่อยถือมันอีกครั้ง
เราต้องปล่อยวางภาระ เรื่องราวต่าง ๆ บ้าง
แล้วเราจะได้รู้สึกสดชื่นขึ้น
เพื่อที่จะสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ เมื่อกลับบ้านแล้ว
จงวางภาระต่าง ๆ ไว้ .อย่าแบกกลับไปด้วย
เพราะยังไงก็ตามคุณก็สามารถจะแบกมันได้อีกครั้งในวันพรุ่งนี้ ...
23 กันยายน 2545 16:52 น.
ลูกเป็ดขี้เหร่
- -/- -/- - " วันนี้เขายิ้มให้ฉันด้วย โลกทั้งใบดูเป็นสีชมพูไปหมด"
- -/- -/- - " ตอนที่เขาแข่งบาส เขาเท่ห์มาก เขาดูดน้ำหลอดเดียวกับฉันด้วย เขาจะรู้มั้ยนะ ว่าฉันคิดไปไหนต่อไหนแล้ว"
- -/- -/- - " ฉันว่าฉันรักเขาเข้าแล้วล่ะ ไม่ใช่แค่ชอบอย่างเดียวหรอก จริงๆนะ ฉันว่าอย่างนั้น แต่เขาคงไม่รักฉันหรอก"
สมุดบันทึกสีขาวถูกปิดลงอย่างช้าๆท่ามกลางความเงียบ ผู้หญิงตัวเล็กๆ ค่อยๆ บรรจงเก็บสมุดบันทึกเล่มนั้นใส่กระเป๋า แล้วเดินออกไปสู่โลกความจริง ....ผู้หญิงตัวเล็กๆคนนั้นคือฉันเอง ฉันแอบชอบเพื่อนของตัวเอง ทุกๆวัน ฉันก็จะถ่ายทอดความในใจที่มีต่อเขาลงในสมุดบันทึก ฉันเชื่อว่าความลับไม่มีในโลก แต่ฉันก็จะรักษาความรักลับๆของฉันไว้ให้นานที่สุด
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ฉันหยิบสมุดบันทึกขึ้นมาเขียนถึงเขา แต่ดูเหมือนมันจะไม่ง่ายเหมือนทุกครั้ง
" ไง? ส้ม ทำอะไรอยู่ ไม่ไปกินข้าวอีก"
" โถ่ทราย ตกใจหมด" ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมทรายถึงต้องโผล่มาเวลาเนี่ย
"ซ่อนอะไรไว้ข้างหลังน่ะส้ม เอาออกมาให้เราดูเดี๋ยวนี้"
"ปะ...เปล่านี่ ทรายไปกินข้าวก่อนเหอะนะ เดี๋ยวเราตามไป" ฉันใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ได้แต่หวังว่าทรายคงจะเลิกสงสัย แล้วก็คงจะจริง! หลังจากที่ทราบออกไปได้ซักพัก ฉันก็ค่อยๆเก็บสมุดบันทึกอย่างทะนุถนอม แล้วลงไปที่โรงอาหาร แปลกจัง ... บ่ายนี้ฉันไม่เห็นเขาเล่นบาสเลย เขาไปไหนนะ ฉันพยายามมองหาเขาจนคอยื่นคอยาว แล้วก็ต้องผิดหวัง เขาไม่ได้อยู่ข้างล่าง ฉันค่อยๆก้าวขึ้นบันไดช้าๆ เมื่อถึงหน้าห้อง ฉันก็สังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนไป ฉันพบเขา เขาเดินมาหาฉันแล้วก็ยิ้มให้ก่อนที่จะเดินจากไป นี่มันอะไรกัน ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม....
" ส้ม เป็นไร หน้าแดงเชียว"
"เปล่านี่ทราย อย่าขี้สงสัยนักเลยน่ะ"
"แล้วนี่อะไรจ๊ะ?" ทรายทำฉันอึ้ง ทรายหยิบสมุดบันทึกของฉันไปอ่าน ตายแล้ว เธอต้องรู้แล้วแน่ๆว่าฉัน........
"ทำไมทรายทำแบบนี้อ่ะ" ฉันโพล่งออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นระรัว
"โกรธเหรอ โห่ส้ม เราก็แค่อยากรู้เฉยๆอย่าโกรธเลยนะ" ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ายกโทษให้กับทรายได้ยังไง ฉันควรจะตัองโกรธนี่นะ
"นี่ส้ม....ฉันช่วยส้มได้นะ เอามะ เดี๋ยวฉันเป็นแม่สื่อให้ นะ นะ"
.........................................
วันนี้ฉันมาดูเขาเล่นบาสแต่เช้า ซึ่งฉันว่าเขาดูแปลกไป เขาดีกับฉันมากขึ้น และฉันก็ต้องรู้ให้ได้ว่าฉันเป็นเพราะอะไร
"นี่อาร์ม..... วันนี้ดูอารมณ์ดีแปลกๆนะ" ฉันทำตัวเป็นปกติเสมอเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา แต่ไม่ทันที่ฉันจะพูดต่อ เขาก็คว้าแขนฉันไปยังมุมๆหนึ่ง
"ส้ม...ถ้าเราถามอะไรส้มซักอย่าง ส้มต้องตอบความจริงเรานะ"
"อืม...อะไรล่ะ" (ฉันหวังว่าคงไม่ใช่เรื่องนั้น)
"ในสมุดบันทึกของส้มน่ะ.... ส้มเขียนถึงเราเหรอ"
"ใครบอก??? " ฉันโพล่งออกไปอย่างไม่รู้ตัว อะไรกัน...ความลับของฉันมันไม่ใช่ความลับอีกต่อไปแล้วเหรอ
"ตกใจเหรอส้ม ที่จริงเรารู้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะ อืมม..ท่าส้มชอบเราจริงๆ เราเป็นแฟนกันมะ"
"อืมมม..^-^" ฉันรู้สึกว่ามันจะออกมาดีกว่าที่คิด แปลกจริง! ทำไมฉันไม่รู้มาก่อนล่ะ ว่าเขาก็ชอบฉัน
...........................................
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ...ฉันกับเขาก็คบกัน ฉันมีความสุขมาก เขาคอยดูแลเอาใจใส่ฉันตลอดเวลา สอนฉันในหลายๆเรื่อง เขาทำให้ฉันรักเขามากขึ้น มากซะจนฉันไม่อยากที่จะเสียเขาไป
กระทั่งวันหนึ่ง ฉันเห็นเขาไปดูหนังกับรุ่นน้อง ฉันเสียใจมากและต้องการคำอธิบายจากเขา แต่เขากลับเงียบ แล้วพูดกับฉันแค่เพียงว่า " เราไม่มีเรื่องอะไรที่จะต้องคุยกัน" ฉันไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเปลี่ยนไป เขาจะรู้มั้ยว่าเขาทำให้ฉันแทบไม่เป็นผู้เป็นคน จากวันนั้นก็ดูเหมือนว่าเขาจะหันหลังให้ฉันตลอดเวลา เขากลายเป็นคนไร้เหตุผล ไม่ยอมพูดไม่ยอมจากับฉัน ฉันจึงไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเพราะอะไร..... ฉันคร่ำครวญร้องไห้อยู่เป็นเวลาหลายเดือน จนสามารถคิดได้ว่า ฉันควรจะตัดใจเสียที ในที่สุดสิ่งที่ฉันกลัวก็มาถึง จากที่เราเคยเป็นเพื่อนกัน ฉันกลับทำตัวเป็นอย่างเก่าไม่ได้ แต่ฉันก็เชื่อว่าเขาก็คงคิดอย่างฉัน เวลาผ่านไปนานพอสมควร...ฉัน คนที่ได้ล้มลงก็ค่อยๆผยุงตัวขึ้นอย่างช้าๆ ฉันเลิกคร่ำครวญถึงเขา ฉันได้แค่คิดว่า เขาคงไม่รักฉันแล้ว ฉันได้กลับมาเป็นคนเดิม ผู้หญิงตัวเล็กๆที่ร่าเริงสดใส แล้วไม่นานนัก เขาก็กลับมา...เขาอยากจะให้ฉันยกโทษให้เขา และเริ่มต้นกันใหม่ แต่ฉันตอบปฏิเสธ ฉันไม่แปลกใจเลยที่ตัดสินใจแบบนั้น จริงอยู่! ที่ฉันยังรักเขา และไม่สามารถลืมเขาได้ แต่ฉันกลับไม่ดีใจเลยที่เขากลับมา มันสายไปเสียแล้ว...เราสองคนคงยากที่จะกลับมาเป็นอย่างเดิมได้ ฉันไม่รู้ว่าฉันจะบอกกับเขายังไงดี ว่าฉัน....ฉันยังรักเขามาก และยินดีที่จะรักเขาข้างเดียวอย่างนี้ตลอดไป ฉันไม่เรียกร้องให้เขามาชอบฉันอีกแล้ว ฉันพอใจในสิ่งที่ฉันเป็น พอใจที่จะรักเขาเงียบๆอย่างนี้ เพราะอย่างน้อย ฉันคงจะไม่เสียใจเลยถ้าเขาไม่รักฉัน และที่สำคัญที่สุด ฉันก็คงจะไม่สูญเสียความเป็นเพื่อนที่ฉันกับเขาเคยมีให้กัน............
เศษแก้วก็คือเศษรักของสองเรา หากเดินกลับไปคงบาดเท้า
หากกลับไปรักคงบาดใจ
22 กันยายน 2545 17:22 น.
ลูกเป็ดขี้เหร่
รู้ว่ารักเธอ(ก็สายไป)
ฉันชื่อเครือออน เป็นวัยรุ่นที่ไม่ค่อยเข้าใจในรัก และคิดว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ ซึ่งพวกเพื่อนๆก็มักจะหาว่าแปลก แต่สำหรับฉัน ฉันว่าไม่!!
"ออน...นี่ รู้รึเปล่า ยัยนุ่นเลิกกะแฟนแล้วนะ" เพื่อนร่วมห้องของฉันวิ่งมาด้วยท่าทางกระหืบกระหอบ
"อืม...หรอ..แล้วไง"
"ชั้นว่าอาการน่าเป็นห่วงนะ ออนซี้กะนุ่นไม่ใช่เหรอ ไปดูมันหน่อยเหอะ"
"จ้า...ชั้นไปแน่ เพื่อนชั้นทั้งคนนะ"
ฉันก้ไม่เข้าใจเหมือนกัน กะอีแค่เลิกกับแฟนแค่นั้น ทำไมนุ่นถึงร้องไห้ฟูมฟายคล้ายจะเป็นบ้า ไม่รู้สิ ฉันไม่เคยมีความรักนิ่ ก็เลยยังไม่รู้ถึงอนุภาพของมัน ชาตินี้ ฉันคงไม่มีหรอกความรักน่ะ เพราะแค่ได้ยินมัน ฉันก็วิงเวียนจนแทบจะอ๊วก
.......................................
งานวันเกิดของฉัน ฉันอายุ 17 ปีแล้ว จัดงานเลี้ยงเล็กๆที่บ้าน มากันเฉพาะเพื่อนฝูง วันนั้นอาการเซื่องซึมของนุ่นดูจะลดน้อยลง แต่ที่แปลกก็คือ ผู้ชายคนนั้น คนที่มากะนุ่น ฉันไม่เคยรู้จักเขามาก่อน
"ไงจ๊ะ ออน เป็นสาวเต็มตัวแล้วนะ"
"บ้าสินุ่น เธอเองก็อีกไม่กี่เดือนไม่ใช่เหรอ"
"จ้า....เออ ออน นี่พี่ชายเรานะ ชื่อ พี่นัน จ่ะ" นุ่นแหวกมือไปทางผู้ชายคนนั้น
"สวัสดีครับ"
"ดีด้วยค่ะ ทักทายเป็นทางการเชียวนะคะ"
ท่าทางพี่ชายของนุ่นก็ดูดี บุคลิกใช้ได้ แต่ที่ฉันไม่ชอบก็คือสายตา ดูเค้ามองฉันแปลกๆยังไงไม่รู้ หลังจากงานวันเกิดของฉัน ต่างฝ่ายก็ต่างเงียบกันไป ฉันเองก็ไม่ได้นึกถึงเขาเลย จนกระทั่งนุ่นมาบอกกับฉันว่าพี่นันอยากคุยและทำความคุ้นเคยกับฉัน ซึ่งฉันก็คิดว่าไม่น่าจะเสียหายอะไร
.........................................
ฉันกะพี่นันพูดคุยกันได้ราวๆ4 เดือน เราได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นและมีความสุขได้ แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ไม่อยากจะคิดว่านี่คือความรัก ถึงแม้ว่ามันจะใช่ ชั้นก็จะบังคับให้มันไม่ใช่ให้จงได้ เพราะจากประสบการณ์ ที่ฉันได้ยินได้ฟังมา ฉันยินดีที่จะเป็นส่วนน้อยที่จะวิ่งหนีคำว่า "รัก"
"พี่ว่าเราไปดูหนังกันซักเรื่องดีมั้ย"
"ทำไมอยู่ดีดี ถึงชวนออนล่ะ"
"เปล่า คือพี่มีเรื่องจะคุยด้วยน่ะ"
"ท่าทางจะเรื่องสำคัญนะคะ อืม...โอเคค่ะ งั้นอีก 15 นาที ออนจะออกไปหานะคะ"
ฉันไม่รู้หรอกนะว่าพี่นันมีอะไรจะพูด แต่ฉันกล้า กล้าที่จะเผชิญหน้ากับเขาเพื่อเคลียร์ทุกอย่าง
"หนังสนุกดีนะออน"
"ค่ะ .. คราวนี้พี่นันจะพูดเรื่องสำคัญของพี่นันได้รึยังคะ"
"_________" เขาเงียบไป ไม่มีเสียงตอบ
"พี่นัน?"
"คือ พ่อกะแม่ของพี่ จะให้พี่หมั้น"
"อือ ก็ดีนี่คะ ออนดีใจด้วยนะ" ฉันรู้สึกวูบขึ้นมาทันที แต่ก็ดี ฉันจะได้หลุดพ้นจากคำว่ารัก
"แต่พี่ไม่อยากหมั้นกับคนที่พี่ไม่ได้รัก"
"พี่นันพูดอย่างกับว่าพี่มีคนที่รักอยู่แล้วงั้นแหละ" ฉันคิดอยู่นาน กว่าจะพูดประโยคนี้ออกไป
"อืมม ก็ออนไง"
"_________" ฉันขยับปากไม่ได้ขึ้นมาทันที ฉันดีใจนะที่ได้ยินคำนี้ แต่ฉันกลัวที่จะเจ็บปวดมากกว่า
"ออน..พี่รักออนนะ ออนบอกกับพี่สิ ว่าออนก็รักพี่ พี่จะได้บอกกับพ่อและแม่ แล้วพี่จะรอ ถ้าออนเรียนจบ เราจะหมั้นกันทันทีเลยนะ"
"คือ ออน ..ออนคิดกับพี่แค่พี่ชายเท่านั้นค่ะ ออนขอโทษนะคะ" ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าฉันพูดและทำอะไรลงไป วินาทีนี้ ฉันเหมือนคนที่ลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ นี่ ฉันคงทำถูกนะ
.............................................
หลังจากงานหมั้นของพี่นันผ่านไป ก็มาถึงงานแต่ง ฉันจำเป็นต้องไปร่วมงานด้วยสภาพเหมือนคนไร้วิญญาณ"ยินดีด้วยนะคะ" ฉันบ่นกับตัวเองเบาๆ ที่ฉันทำอะไรลงไป ฉันกำลังทำร้ายคนที่ฉันรักและเขาก็รักฉัน หลังจากเสร็จพิธี ฉันแอบปาดน้ำตาแล้วเดินออกไปจากงานอย่างช้าๆ
รักก็เจ็บ....ไม่รักก็เจ็บ...ตอนนี้ฉันเจ็บยิ่งกว่า ฉันเพิ่งเข้าใจความรักที่แท้จริงก็วันนี้ ฉันเพิ่งจะมาเข้าใจตัวเอง หากวันนั้น ฉันยอมรับความรู้สึกของตัวเอง ฉันคงไม่ต้องเจ็บปวดทรมานแบบนี้ นับจากวันนี้เป็นต้นไป ฉันคงจะมีตราบาปฝังใจไปตลอดชีวิต "ขอโทษด้วยนะคะ"
" กว่าจะรู้ ...จะซึ้งถึงคำว่ารัก... ก็ต้องรอจนวันที่มันไม่เหลือใคร
ฉันเพิ่งรู้ตัววันนี้....ว่าขาดเธอเหมือนขาดใจ ว่าฉันรักเธอแค่ไหน
เมื่อไม่มีเธอ"
22 กันยายน 2545 16:37 น.
ลูกเป็ดขี้เหร่
เรื่องที่ไม่มีวันจบ
ผมชื่อแบงค์ครับ เรียนจบมาได้ปีกว่าแล้ว เปิดร้านอินเตอร์เนตเล็กๆ ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ผมรักอิสระ ยามว่างก็มักจะชอบอ่านหนังสือ ผมอ่านได้ทุกประเภท ผมชอบที่จะพูดคุยกับคนคอเดียวกันกับผม นักเขียนที่ผมชื่นชอบก็มีอยู่มากมาย แต่มีอยู่คนนึง ผมว่าเค้าน่าสงสารมาก
"พี่แบงค์คะ อ่านข่าววันนี้รึยัง มีข่าวนักเขียนที่พี่ชอบด้วยนะ" เด็กในร้านเรียกให้ผมอ่านข่าว
"ใครล่ะครับ นักเขียนที่พี่ชอบ แล้วเขาว่ายังไงบ้างล่ะ" ผมเลยทักตอบกลับ เอื้อมมือไปกดกาน้ำร้อนเพื่อชงกาแฟ
"ไหมขาวค่ะ ข่าวเค้าบอกว่า ไหมขาว นักเขียนชื่อดังถูกหักอก ขนาดคิดฆ่าตัวตายเชียวนะคะ"
"ครับ น่าสงสารเค้าเหมือนกันนะ ผู้หญิงตัวคนเดียวซะด้วย"
ผมไม่รู้จักตัวตนของไหมขาวเท่าไรนัก รู้เพียงแค่ว่า เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ กำพร้าทั้งพ่อและแม่ เป็นเด็กต่างจังหวัด ผมว่าเค้าเป็นคนที่น่าสงสารมากคนนึง หลังจากที่ผมทราบข่าวของไหมขาว ทำให้ผมรู้สึกกระตือรือร้นที่จะอยากรู้จักกับเธอมากขึ้น ผมค้นเรื่องสั้นทั้งหมดที่เป็นผลงานของเธอออกมาอ่าน และมันก็ทำให้ผมได้รู้ว่า ทุกเรื่อง นางเอกจะต้องจบแบบผิดหวังเสียทุกครั้ง ถ้าให้ผมเดา ไหมขาวคงจะแต่งเพื่อตอกย้ำความรู้สึกของตัวเองล่ะมั้ง จนวันหนึ่ง ผมเข้าไปอ่านเรื่องสั้นจากเว็บไซด์ๆหนึ่ง ผมพบกับเรื่องสั้นเรื่องล่าสุดของเธอ ชื่อเรื่องว่า "บทสรุป" แต่ก็มีวงเล็บห้อยท้ายไว้ว่า" ขอโทษด้วยนะคะ ที่ไหมไม่สามารถแต่งต่อให้เสร็จสมบูรณ์ได้" เมื่อผมพบ ผมก็ไม่รีรอที่จะคลิกเข้าไปอ่าน
"บทสรุป"
ชั้นเป็นเด็กต่างจังหวัด เข้ามาศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ ผู้คนที่นี่เป็นมิตรกับชั้นมาก เขาเองก็เป็นคนนึง ชั้นได้เจอเขาในวันรับน้อง เขาเป็นรุ่นพี่ที่ดี วันนั้น วันที่ชั้นไม่เหลือใคร เขาเข้ามาหาชั้น แล้วบอกกับชั้นว่าเขาพร้อมจะยกทุกสิ่งทุกอย่างให้กับชั้น แม้กระทั่งหัวใจของเขา เขาเป็นคนแรกและคนเดียวที่ชั้นรัก รักจนไม่อาจรักใครได้อีก แล้ววันหนึ่ง วันที่เขาจบจากมหาวิทยาลัย เขาฝากความหวังไว้กับชั้น เขาจะกลับมาและขอชั้นแต่งงานเมื่อเขาสร้างตัวได้ ชั้นมันโง่ หลงรอเขาด้วยความรักที่ใสซื่อ เขาทิ้งชั้นไป เขาแต่งงานและครองรักกับผู้หญิงที่พรั่งพร้อมกว่าชั้น โดยที่ไม่ลาชั้นซักคำ ชั้นเจ็บปวด ทรมาน ร้องไห้จนไม่มีน้ำตา ชีวิตชั้นไม่สมควรเลยที่จะเกิดมา จากวันนั้นจนถึงวันนี้.........ขออภัยค่ะ ดิชั้นไม่สามารถแต่งต่อได้ หากใครจะกรุณา ช่วยแต่งต่อและส่งมาที่ mai_01@thaipoem.com ขอบคุณค่ะ
------------------------------------
ผมอ่านจบก็ไม่รีรอที่จะทำตามคำขอของเธอ จริงอยู่ที่ผมไม่มีหัวในด้านการเขียน จะถนัดก็แต่อ่านเท่านั้น แต่อย่างน้อย ผมก็อยากที่จะแสดงความคิดเห็น และให้กำลังใจเพื่อนร่วมโลกของผมบ้าง
บทสรุป(ที่ผมตั้งใจแต่งต่อให้)
ชั้นเป็นเด็กต่างจังหวัด เข้ามาศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ ผู้คนที่นี่ดูเป็นมิตรกับชั้นมาก เขาเองก็เป็นคนนึง ชั้นได้เจอเขาในวันรับน้อง เขาเป็นรุ่นพี่ที่ดี วันนั้น วันที่ชั้นไม่เหลือใคร เขาเข้ามาหาชั้น แล้วบอกกับชั้นว่าเขาพร้อมจะยกทุกสิ่งทุกอย่างให้กับชั้น แม้กระทั่งหัวใจของเขา เขาเป็นคนแรกและคนเดียวที่ชั้นรัก รักจนไม่อาจรักใครได้อีก แล้ววันหนึ่ง วันที่เขาจบจากมหาวิทยาลัย เขาฝาก ความหวังไว้กับชั้น เขาจะกลับมาและขอชั้นแต่งงานเมื่อเขาสร้างตัวได้ ชั้นมันโง่ หลงรอเขาด้วยความรักที่ใสซื่อ เขาทิ้งชั้นไป เขาแต่งงานและครองรักกับผู้หญิงที่พรั่งพร้อมกว่าชั้น โดยที่ไม่ลาชั้นซักคำ ชั้นเจ็บปวด ทรมาน ร้องไห้จนไม่มีน้ำตา ชีวิตชั้นไม่สมควรเลยที่จะเกิดมา จากวันนั้นจนถึงวันนี้.........*ชั้นรู้สึกว่าตัวของชั้นเองแข็งแรงขึ้น ถึงแม้ว่าชั้นจะไม่มีคนคอยยืนเคียงข้าง แต่ชั้นก็มีตัวของชั้นเอง ประสบการณ์สอนให้ชั้นรักตัวเอง สอนให้ชั้นกล้าเผชิญกับปัญหา จากที่ชั้นท้อแท้ หมดหวัง ชั้นกลับมีแรงฮึดที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่าง ชั้นน่าจะคิดได้แต่แรกว่า มีคนอื่นอีกตั้งมากมายที่เขาทุกข์กว่าชั้น ใช่ !ทุกวันนี้ ชั้นยังทำใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ แต่ชั้นก็จะเก็บมันไว้เป็นบทเรียน ดีกว่าจะมานั่งร้องไห้เสียใจ แล้วผลาญเวลาที่มีค่าไปอย่างไร้ประโยชน์วันนั้น ชั้นนึกว่าชีวิตของชั้นจะจบลงตั้งแต่วันที่เขาทิ้งชั้นไป แต่วันนี้ ชั้นกลับไม่คิดเช่นนั้น ชั้นกลับคิดว่าชั้นน่าที่จะเอาบทเรียนตรงนี้มาใช้สร้าง พลังให้กับชีวิตชั้น ชีวิตของชั้นยังไม่จบ ยังต้องก้าวต่อไป ชั้นหวังเอาไว้ว่า ซักวันนึง ชั้นจะต้องเจอกับเรื่องที่ดีดีในชีวิต.......* (ตรงเครื่องหมายดอกจัน เป็นส่วนที่แต่งเพิ่ม)
- - - - - - - - - - - - - -
ฝีมือของผมอาจจะยังไม่ดีเท่าไหร่นัก นั่นไม่ใช่จุดประสงค์ของผม จุดประสงค์ที่แท้จริงสำหรับผมก็คือ ผมอยากให้คุณไหมขาวสู้ ผมไม่อยากให้คุณหยุดอยู่แค่ตรงนี้ คุณเป็นคนที่มีความสามารถ สำหรับผม ผมคิดว่าคุณไม่ใช่คนที่ไม่มีคุณค่า คุณยังมีความหมายสำหรับนักอ่านอย่างผม ผมจะเป็นกำลังใจให้ครับ
แบงค์ Bank_Lb@thaipoem.com
------------------------------------
หลังจากนั้นไม่นาน สิ่งที่ผมไม่เคยคาดฝันก็เกิดขึ้น ไหมขาวได้ตอบกลับอีเมล์ของผม เธอกล่าวขอบคุณผมสำหรับเรื่องสั้น และ กำลังใจที่ผมมีให้เธอ เธอบอกกับผมว่าเธอจะพยายามรักตัวเองให้มากๆ ซึ่งนั่นทำให้ผมรู้สึกว่า ผมเองก็มีประโยชน์กับคนอื่นเหมือนกัน
เวลาผ่านไปราวๆ 1 ปี ไหมขาวกลายเป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เธอทำเอาผมยิ้มไม่หุบ ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่เป็นส่วนหนึ่งใน การช่วยไหมขาว วันข้างหน้า มันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ผมไม่รู้ แต่สำหรับวันนี้ ผมดีใจ ที่ผมเป็นผม เป็นคนที่สามารถพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า ผมดีใจที่เกิดเป็นผม