24 กันยายน 2548 06:01 น.
ลุ่มน้ำ ดงรัก
ฝนสุดท้ายของฤดูกาล............โปรยลงมาเมื่อเช้านี้
ดวงตะวันไม่ส่องแสงทักข้าเช่นเคย.......
ยินแต่เสียงหยดน้ำเปาะแปะหัวเราะเยาะมาจากหลังคา....สังกะสี
......................ลมหนาววูบเข้ามา......คิดถึงท้องทุ่งนา......คิดถึงรวงข้าวที่อ่อนน้อม.............คิดถึงเคียวเคยกวัดแกว่ง..ฝากรอยรักต้นข้าว...เป็นปลายแหลม..
อยากเขียนบทกวีสักบท......แทนถ้อยคำรำพัน....บทกวีสัมผัสที่สละสลวย......แต่ยามนี้กลับกลั่นออกมาไม่ได้.....ดูเหมือนหัวใจโลดทะยานไปคอยอยู่ที่ทุ่งโน่นแล้ว.....ปากกายังไม่อาจตามไปทัน.......หยุดรำพัน......แล้วร่ายภาษาเป็นเส้นทางไปหาหัวใจ......ไม่คำนึงถึงแม้สัมผัสนอกใน........แต่ก็ตามมาทันในบรรทัดสุดท้าย.........นี่นับเป็นบทกวีได้หรือเปล่า......รำพึงถามตัวเอง......ไม่เป็นไรหรอก....บทกวีเป็นความงาม....ดูเม็ดฝนนั่นก็งาม....แสงแดดเมื่อวานนี้ก็งาม.........แม่น้ำนั้นก็นับเป็นบทกวีที่อ่านมิรู้จบและไม่รู้เบื่อ......ทุกสิ่งในโลกล้วนเป็นบทกวี...เพราะมันมีความงาม.....
..........อย่าใส่ใจกับถ้อยคำเพียงเล็กน้อยเลย.....ถ้อยคำบนหน้ากระดาษ
.........มันก็คือบทกวีเหมือนกันนั่นแหละ
17 กันยายน 2548 22:52 น.
ลุ่มน้ำ ดงรัก
รวงข้าวที่ร้าวรวง
ปลิดร่างร่วงลงเลียบดิน
สัตว์สาได้หากิน
อาศัยข้าวของชาวนา
ก่อเกื้อเอื้อแก่กัน
ชีวิตนั้นเพียงกายา
พอดับก็ลับลา
มีแร้งกาที่เห็นคุณ
แบ่งปันแก่สรรพสิ่ง
สงบนิ่งคอยเกื้อหนุน
วิถีต่างค้ำจุณ
คุณให้ข้าวเราให้ปลา
11 กันยายน 2548 21:47 น.
ลุ่มน้ำ ดงรัก
เรียวรวงพวงช่อกอดอก
ผลิงอกกล้างามตามหวัง
เพลงปี่อี๋อ่อตอซัง
กล่อมหวังผลิพราวชาวนา
ลงแรงแฝงฝังหวังฟื้น
กล้ำกลืนกลืนกล้ำจำฝ่า
ข่มเหงกดขี่บีฑา
ราคากดต่ำร่ำไป
ทุกข์ทนทนทุกข์อุกอั้น
เคียวกำกรำงานสั่นไหว
คราดจอบงอบเก่าเปล่าดาย
คันไถหักร้างกลางนา
........................................ครึ่งบทของทุ่งริมธาร ณ เทือกเขาดงรัก
9 กันยายน 2548 03:07 น.
ลุ่มน้ำ ดงรัก
มิได้ผ่านมาเพียงสองวัน
บทกวีของฉันพลันหล่นหาย
กระแสคลื่นกวีโหมลมพัดไป
หรือเพราะเพียงหัวใจเราตรงกัน
ตรงกันเพราะฉันเขียนกวี
และเพื่อนเพื่อนก็มีเช่นดั่งฉัน
เขียนกวีเร่งโรมโถมใส่กัน
ลืมนึกถึงใครคนนั้นที่ผ่านมา
เป็นกวีคนหนุ่มแห่งลุ่มน้ำ
ทุกเช้าค่ำด่ำดื่นชื่นบุปผา
หลงไหลในม่านเริงแห่งสุรา
บางครั้งลืมเวลาร่ายกวี
ไม่เขียนก็มิอาจวาดหวังเพื่อน
ตะวันเลื่อนเลือนไปในวิถี
เพื่อนเพื่อนชุมนุมกันเริงกวี
กวีหนุ่มคนนี้ดื่มสุรา.........
........ผมเองเลยเขียนกวีไม่ทันเพื่อน
เขียนวันละบทโพสต์ไม่ทัน(ฮา)
7 กันยายน 2548 02:37 น.
ลุ่มน้ำ ดงรัก
ฝนพร่างหลั่งรินโลมโลก
ระริกลมโบกไม้โยกไหว
เอนลู่ลมระบัดพัดไกว
แต่งแต้มชีวิตให้ไล้กวี
แล้วลมก็กวัดพัดเปลี่ยนทิศ
แม้ในดวงจิตเปลี่ยนวิถี
คล้ายสายน้ำหลากดั่งวารี
พอเว้นนาทีก็เปลี่ยนทาง
เปลี่ยนทางดั่งใจของมนุษย์
มิสิ้นสุดเส้นทางจะสรรสร้าง
คล้ายดั่งเรือเร่ลอยคอยอับปาง
พอใกล้ไม้ลอยคว้างถลันคว้า
นี่แหละคือมนุษย์....
มิใช่หยุดแค่เพียงสเน่ห์หา
เพราะพอถึงหนทางร้างราคา
ก็กลับกลายขายกายาราคาคน