29 กรกฎาคม 2549 15:39 น.
ลุ่มน้ำ ณ เทือกเขาดงรัก
ตาข่ายถูกปล่อยวาง....
ปล่อยลำเรือเร่คว้างกลางม่านฝน
ทรุดกายนั่งปวดปร่าน้ำตาปน
ชำระล้างร่วงหล่นกับฝนริน
ไหวสะเทือนในอก-สะทกสั่น
เสียงเกรียวคลื่นกระชั้นดันโขดหิน
คูณ...เหลืองพราว กราวร่วงลงหน่วงดิน
คล้ายจะยินเสียงครวญอันหวนคราง
วูบไหวในชั่วขณะ...
คูณละ กลีบสวยตอนรุ่งสาง
ลอยลำมูน จุณเจือ มิจืดจาง
จะเร่คว้างไปอย่างไร ตามสายมูน
แม่มูนเศร้าสาย มิสุดสิ้น
ลูกหลานขายแผ่นดินจนสิ้นสูญ
เอาเขื่อนกั้นปักขวากบนปากมูน
เหลืองดอกคูณจึงเศร้าสร้อยบนรอยทาง
ว่าบันไดปลา 'โจร'.....
จะเผ่นโผนโจนทะยานผ่านน้ำกว้าง
ขึ้นวางไข่เหนือเขื่อนช่างเลือนลาง
ดังหลุมพรางตกตายเสร็จไอ้ โจร
ตาข่ายถูกปล่อยวาง...
ปล่อยลำเรือเร่คว้างกลางคลื่นโผน
มองดอกคูณร่วงหล่น-ต้นกระโดน
เรากระโจนติดตาข่าย-ของนายทุนฯลฯ
15 กรกฎาคม 2549 02:01 น.
ลุ่มน้ำ ณ เทือกเขาดงรัก
เราไม่เคยรู้จักกัน......
ท่ามคืนและวันอันเปลี่ยวเหงา
ฉันอาจเป็นเสี้ยวแสงแห่งดวงดาว
หรืออาจเป็นปุยเมฆขาวอันเปล่าดาย
เธอไม่เคยรู้จักฉัน.......
เพียงเสี้ยวคืนแสนสั้นไร้ความหมาย
ฉันยังถามเสมอเธอเป็นใคร
มาจุติ ณ กลางใจอยู่ในนี้
เธอบอกเธอคล้ายดังฟองคลื่น....
ยินไหมเสียงสะอื้นในคืนที่-
ฤดูกาลเหน็บหนาวคราวราตรี
มืด ดับ ลบ ทบทวีใต้แสงจันทร์
เธอก็ไม่รู้หรอก......
เพราะฉันไม่เคยบอกถึงตัวฉัน
เราเป็นเพียงคนแปลกหน้าระหว่างกัน
ที่บังเอิญร้อยสัมพันธ์เกินบั่นลง
ฉันอาจคล้ายสายน้ำ....
ที่ระเรื่อยเฉื่อยฉ่ำลำไหลส่ง
หรืออาจเป็นปีศาจร้ายในพฤกษ์พง
หรือเป็นเทพสูงส่ง...ไม่อาจรู้
ฉันรู้เพียงแค่นี้.....
ว่าตัวฉันนั้นยังมีชีวิตอยู่
เพียงไกลเกินใฝ่ฝัน-ฉันก็รู้
ดวงตาเศร้ายังเฝ้าดูไม่รู้วาย
เป็นดวงตาฉันเอง....
ที่พลันกล่อมบทเพลงไร้ความหมาย
บทเพลงเศร้าร้าวรอนร้อนระบาย
ที่ฉานฉายในกระจก - สะทกเงา