26 พฤศจิกายน 2550 21:33 น.
ลุงแทน
.นึกว่าเราได้เกิดมาเพื่อทำหน้าที่ เพื่อศักดิ์ศรี เพื่อไทย ไม่หมองหม่น
ไม่น้อยใจโชคชะตากล้าผจญ แม้บางคนไม่เคยทุกข์ทุกยุคกาล
เคยได้ยินรึเปล่า? ในหลวงพระราชนิพนธ์เพลงความฝันอันสูงสุดนะ
ขอฝันใฝ่ ในฝันอันเหลือเชื่อ ขอสู้ศึกทุกเมื่อไม่ไม่หวั่นไหว
ขอทนทุกข์รุกโลมโหมกายใจ ขอฝ่าฟันผองภัยด้วยใจทะนง
จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด จะรักชาติจนชีวิตเป็นผุยผง
จะยอมตายหมายให้เกียรติดำรง จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา
ไม่ท้อถอยคอยสร้างสิ่งที่ควร ไม่เรรวนพะว้าพะวังคิดกังขา
ไม่เคืองแค้นน้อยใจในโชคชะตา ไม่เสียดายชีวาถ้าสิ้นไป
นี่คือปณิธานที่หาญมุ่ง หมายผดุงยุติธรรมอันสดใส
ถึงทุนทุกข์ทรมานนานเท่าใด ยังมั่นใจรักชาติองอาจครัน
โลกมนุษย์ย่อมจะดีกว่านี้แน่ เพราะมีผู้ไม่ยอมแพ้แม้ถูกหยัน
ยังยืนหยุดสู้ไปใฝ่ประจัญ ยอมอาสัญก็เพราะปองเทิดผองไทย
สมเด็จพระเทพท่านขยายความ... ท่านขยายว่า
“ฝันจะทำความดีนี้แสนยาก ต้องลำบากกว่าจะรุดถึงจุดหมาย
ย่อมน่าขำสำหรับผู้อยู่สบาย มิเคยกรายใกล้ระกำน้ำตากระเด็น
พบศึกหนักสักเท่าใดไม่หวาดหวั่น แต่สู้ใจตนนั้นแสนยากเข็ญ
ถึงหนักหน่วงสู้แน่แม้ยากเย็น เลือดกระเซ็นก็เพราะห่วงหวงแผ่นดิน
ถ้ายามมีทุกข์มาผจญจะทนสู้ ถึงมีผู้กล่าวหยามประณามสิ้น
ถูกทอดทิ้งเดียวดายหมายชีวิน เจียนพังภินท์ยังสู้ผู้รุกราน
แม้จะมีภยันตรายมากรายกล้ำ ศัตรูล้ำโหมหนักเข้าหักหาญ
จะฝ่าฟันเสี่ยงชีวิตพิชิตพาล ให้ชาติผ่านผองทุกข์ยุคเข็ญคลาย
เราเป็นเพียงปุถุชนธรรมดา ใช่เทวาเพราะร่างยังเสื่อมสลาย
มีอารมณ์เปลี่ยนไปไม่เว้นวาย จะแน่แน่แก้ให้หายไม่ช้าพลัน
แม้ชีวิตเป็นสิ่งยิ่งแหนหวง แต่ความรักใหญ่หลวงใช่ความฝัน
รักผืนแผ่นดินแม่แน่นอนครัน ยอมสละแม้ชีวันไม่หวั่นภัย
ยอมสูญเสียชีวารักษาสัตย์ รักษารัฐสีมาที่อาศัย
ดีกว่าสูญธรณินทร์สิ้นชาติไทย สิ้นธงชัยจะชักสู่ทิฆัมพร
แสนเห็นใจเพื่อนไทยที่หวาดหวั่น อาสาพลันทอดชีพสู่สมร
บุกระเบิดฝ่ากระสุนในดงดอน เพื่อนิกรผาสุกทุกนาที
ตั้งจิตมั่นในพระธรรมอันล้ำเลิศ ทำแต่สิ่งประเสริฐมิหน่ายหนี
ไม่ท้อถอยมุ่งทำล้วนความดี ถ้าถึงที่ยอมสละละลมปราณ
เราก็มีเลือดเนื้อที่ปวดเจ็บ แต่ต้องเก็บความรู้สึกอย่างอาจหาญ
จะมุ่งมั่นฝ่าฟันทุกวันวาร เพราะยึดในอุดมการณ์ต้องอดทน
คิดว่าได้เกิดมาทำหน้าที่ เพื่อศักดิ์ศรีเพื่อไทยไม่หมองหม่น
ไม่น้อยใจโชคชะตากล้าผจญ แม้บางคนมิเคยทุกข์ทุกยุคกาล
มอบเลือดเนื้อกายใจพลีให้ชาติ อย่างแกล้วกล้าสามารถองอาจหาญ
ถึงสิ้นชีพไว้ลายว่าชายชาญ มอบวิญญาณเลือดเนื้อเพื่อบ้านเมือง
ปณิธานเพื่อชาติศาสน์กษัตริย์ ร่วมขจัดเสี้ยนหนามเมื่อยามเฟื่อง
สมานสามัคคีไทยให้รุ่งเรือง เกียรติกระเดื่องแดนดินทั่วถิ่นไกล
คงไม่มีแต่เราเพียงเท่านั้น ที่ฝ่าฟันอุปสรรคทั้งหลายได้
ผู้อื่นอาจปราด เปรื่องเลื่องลือชัย หมายผดุงทุกสิ่งไว้ให้ยุติธรรม์
สักวันหนึ่งเขาคงเข้าใจว่า การมีชาติศาสนาทุกสิ่งสรรพ์
มีไตรรงค์ธงชัยพร้อมใจกัน นั่นคือสิ่งยึดมั่นที่ควรตรอง
ขอเดชะบารมีที่ปกเกล้า บุรพกษัตริย์เจ้าไทยทั้งผอง
บันดาลดลคนไทยให้ปรองดอง ไม่ผยองอิจฉาผลาญรุกรานกัน
แล้ววันที่ปรารถนาคงมาถึง จะตราตรึงความดีที่บากบั่น
โลกมนุษย์สุดสะอาดปราศทุกข์ทัณฑ์ เพราะเรานั้นเข้าใจกันได้ดี
เขาจะรู้ว่าเหตุใดไม่ยอมแพ้ เพราะถึงแม้ถูกเหยียดถูกเสียดสี
หาว่าอยากเด่นดังหวังชื่อดี อยากครอบครองปฐพีก้องกำจาย
ไม่เคยคิดหวังเป็นวีรบุรุษ แต่ก็สุดจะเห็นชาติพินาศสลาย
ด้วยเผ่าไทยมอบชีวีพลีใจกาย มามากมายเหลือที่จะลืมเลือน
จะถมร่างกายนี้พลีชีวิต เพื่อพิชิตไพรีที่เชือดเฉือน
เพื่อแผ่นดินของไทยไม่สะเทือน เพื่อให้เพื่อนผองไทยปลอดภัยเทอญ
คัดลอกมาจากแม่พลอย
26 พฤศจิกายน 2550 20:23 น.
ลุงแทน
ถึงดินแดน แมนฟ้า บนสวรรค์
ช่างเสกสรร งดงาม ราวความฝัน
สวยกระจ่าง พร่างพราว ดาวร้อยพัน
มีสุขสันต์ ทุกทิพา ราตรีกาล
ปราสาททรง สูงใหญ่ ในแดนสรวง
ประดับพวง มาลา ร้อยประสาน
เสียงเพลงทิพย์ บรรเลง ก้องกังวาน
ทั่วพิมาน ละลานตา น่าเชยชม
เหล่านางฟ้า เทพบุตร หลายหมู่เหล่า
โลดแล่นเคล้า คลอเคียง ส่งเสียงขรม
ต่างหยอกล้อ ชี้ชวน พารื่นรมย์
ดอกทิพย์พรม โปรยปราย ขจายจร
หอมดอกทิพย์ กลีบบาน ซ่านในอก
ดอกไม้ตก ร่วงพราว พรายสลอน
เทพนารี รีบคว้า เอื้ออาทร
แซมทัดจอน เหน็บไว้ ใด้เหมาะใจ
เทพบุตร รุดมา หาอนง
ด้วยลุ่มหลง นางสวรรค์ มิผันผาย
ส่งสายตา ด้วยเล่ห์ เสน่ห์ชาย
ชวนหลงใหล ใฝ่ฝัน ทุกวันไป
สะดุ้งตื่น ขึ้นมา เช้าแล้วหนอ
น่าจะรอ อีกสักหน่อย คอยไม่ไหว
ฝันนั้นค้าง เสียแล้ว โธ่เอ๋ยใจ
ช่างกระไร หลอกให้ เราละเมอ
นี่แหละหนา ใจคน ช่างคดเคี้ยว
ชอบลดเลี้ยว เที่ยวไป ยามทีผลอ
ไม่อยู่นิ่ง ชอบวิ่ง จริงนะเออ
ทำให้เซ่อ ซึมเซา น่าเศร้าใจ
pingpong
25 พฤศจิกายน 2550 19:37 น.
ลุงแทน
ข้อคิดในการจัดงานวันเกิด
********** *********** ********
งานวันเกิดที่ยิ่งใหญ่ใครคนนั้น
ฉลองกันในกลุ่มผู้ลุ่มหลง
หลงลาภยศ สรรเสริญ เพลินกมล
วันเกิดตนชีพสั้นเร่งวันตาย
ณ มุมหนี่งซึ่งเหงาน่าเศร้าแท้
หญิงแก่แก่ซึ่งหงอยและคอยหาย
โอ้วันนี้ในวันนั้นอันตราย
แม่คลอดสายโลหิตแทบปลิดชนม์
วันเกิดลูกนั้นคล้ายวันตายแม่
เจ็บท้องแท้สักเท่าไรก็ไม่บ่น
กว่าอุ้มครรภ์จะคลอดรอดเป็นคน
เติบโตจนมาบัดนี้นี่เพราะใคร
แม่เจ็บเจียรขาดใจในวันนั้น
กลับเป็นวันลูกฉลองกันผ่องใส
ได้ชีพแล้วก็หลงระเริงใจ
ลืมผู้ให้ชีวิตอนิจจา
ไฉนหนอเขาเรียกกันว่าวันเกิด
วันผู้ให้กำเนิดจะถูกกว่า
คำอวยพรที่เขียนควรเปลี่ยนมา
ให้มารดาเป็นสุขจึงถูกแท้
เลิกจัดงานวันเกิดกันเถิดหนา
แล้วหันมาคุกเข่ากราบเท้าแม่
ควรคิดถึงพระคุณอบอุ่นแท้
อย่ามัวแต่จัดงานประจานตัว
**************************
***** บทกลอนของ อาจารย์ นภาลัย สุวรรณธาดา ที่หลายๆท่านเอาไปอ่าน เอาไปใช้แต่ไม่เคยพูดถึงอาจารย์ท่านเลย.......
25 พฤศจิกายน 2550 19:23 น.
ลุงแทน
ในโลกนี้มีอะไรเป็นไทยแท้
ของไทยแน่นั้นหรือคือภาษา
ซึ่งผลิดอกออกผลแต่ต้นมา
รวมเรียกว่าวรรณคดีไทย
อนึ่งศิลป์งามเด่นเป็นของชาติ
เช่นปราสาทปรางค์ทองอันผ่องใส
อีกดนตรีรำร่ายลวดลายไทย
อวดโลกได้ไทยแท้อย่างแน่นอน
และอย่าลืมจิตใจอย่างไทยแท้
เชื่อพ่อแม่ฟังธรรมคำสั่งสอน
กำเนิดธรรมจริยาเป็นอาภรณ์
ประชากรโลกเห็นเราเป็นไทย
แล้วยังมีประเพณีมีระเบียบ
ซึ่งไม่มีที่เปรียบในชาติไหน
เป็นของร่วมรวมไทยให้คงไทย
นี่แหละคือประโยชน์ในประเพณี
ได้รู้เช่นเห็นชัดสมบัติชาติ
เหลือประหลาดล้วนเห็นเป็นศักดิ์ศรี
ล้วนไทยแท้ไทยแน่ไทยเรามี
สิ่งเหล่านี้คือวัฒนธรรม
************************
25 พฤศจิกายน 2550 13:56 น.
ลุงแทน
.......เสียงระฆังวังเวงวิเวกแว่ว
แก๊ง.แก๊ง.แผ่วจากหนใดที่ไหนหนอ
วิหกร้องขันคูกู่เสียงคลอ
หอมละออกลิ่นมาลีคลี่ดอกบาน
จิตวิญญาณลอยวนอยู่หนไหน
โปรดจงช่วยกลับมาคืนผสาน
เป็นหนึ่งเดียวกับเรือนร่างดั่งต้องการ
อย่าซมซานเป็นกายทิพย์พเนจร
แสงแห่งธรรมสาดส่องทั่วท้องหล้า
ต่างจรมาน้อมรับฟังคำสั่งสอน
กิเลสที่กลางฤทัยเริ่มคลายคลอน
พนมกรน้อมรับภควันต์
เสียงธรรมะสะวะนะประสานก้อง
ดั่งเสียงร้องบรรเลงเพลงสวรรค์
ขับกล่อมมวลเวไนยสารพัน
ให้ยึดมั่นในศรัทธาค่าความดี
จักษุได้รู้เห็นเป็นแก่นสาร
ถึงความเจ็บปวดทรมานความบัดสี
เห็นการเกิดแก่เจ็บตายบรรดามี
ทั้งโลกีย์ตัญหาน่าเศร้าใจ
ความดีไม่เคยทำเลยสักนิด
ครั้นชีวิตใกล้จะลับดับสลาย
กระเสือกกระสนดิ้นรนหนีความตาย
เริ่มเห็นพระรำไรในสันดาน
โสตสองข้างควรรับสดับบ้าง
ทุกสิ่งอย่างล้วนนิจจังตามสังขาร
ไม่มั่นคงจีรังยั่งยืนนาน
ต้องแตกดับตามกาลกำหนดมา
จะต้องการสิ่งใดอะไรเล่า
เรามาเปล่าก็ไปเปล่านั่นแหละหนา
สร้างความดีประดับไว้ในโลกา
ดั่งผกาหอมระรินทั่วถิ่นไพร...
*กุหลาบขาว*