7 มกราคม 2551 09:44 น.

***** กาย กับ ใจ *****

ลุงแทน

*****กายกับใจมนุษย์นี้           พิกล
วันหนึ่งละลอ่งหน                    กี่ครั้ง
ไปทั่วปถพีดล                         อาจนับ ไดฤๅ
กายหยดใจไม่ยั้ง                    หลับแล้ว ฝันไป

*****ส่วนกายรนั้นเล่าเฝ้า        กฎเกณฑ์
ไม่หลบหลีกเอนเอียง               แน่แท้
ถือหลักเรื่องตายเป็น               แก่เจ็บ ไว้แล
ใจจะจัดการแก้                       ข้อนี้หมดหวัง

*****กายแก่เจ็บแน่แท้           ของจริง
ไม่เลือกว่าชายหญิง                ทราบไว้
ใจมักจะประวิง                       ขอผ่อน ผันนา
กายไม่ยอมผ่อนให้                กฎนี้ของขลัง

*****ดูกายใจถ่องแท้              ขบขัน
วิวามทุ่มเถียงกัน                   ทุกมื้อ
นับแต่วันเกิดถึงวัน               แตกดับ ชีพแฮ
ต่างฝ่ายต่างดุดื้อ                    แข็งข้อพอดู  

*****กายกับใจไม่ให้              อภัยกัน
กายเร่งรีบผายผัน                 มอดม้วย
แก่เจ็บตายทุกวัน                 ใจไม่ แก่แฮ
ทั้งไม่เจ็บตายด้วย                ร่วมรู้กับกาย

*****กายกับใจคล้ายลักษ์      ผัวเมีย
ร่วมสมัครรัคลอเคลีย           ดับด้วย
แล้วค่อยจืดจางเพลีย           เหินห่าง กันแล
เจ็บแก่แลชีพม้วย               บ่ายหน้าเบือนหนี

*****ของจริงนั้นย่อมเร้น       อยู่ใน    
จักทราบด้วยหลักไตร           ลักษ์นี้
ไม่เที่ยงเป็นทุกข์ภัย             กายจิต นี้แล
เป็นอนัตตาลับลี้                    ยากแท้แลเห็น

*****เห็นใจกายแจ่มด้วย      อนิจจัง
เห็นเป็นกองทุกขัง                หลั่งรู้
เห็นว่าอนัตตาฝัง                  แฝงอยู่ ในแฮ
เห็นชอบกอบรับรู้                 เยี่ยงนี้ทรงคุณ   

*****รวมกายใจเรียกร้อง      ว่าตน
สมมติเรียกว่าคน                  ยึดไว้
ค้นหาว่าตนคน                     ไป่พบ ได้ฤๅ
เหตุว่าตนคนไซร้                 มนุษย์เรียกร้องเอง

*****อนัตตากับอัตต์คู่นี้          ปิดบัง กันนา
อัตต์ย่อมค่อยคุมขัง                สั่งให้
อนันต์ย่อมอยู่ยัง                    อำนาจ ตนแฮ
ถอนอัตต์นี้ออกได้                  ย่อมพ้นโลกีย์

*****อันกายใจ     ทุกเพศ        ไร้สาระ
ตามคำพระ          บอกแจ้ง       แถลงผล
มีวิชา                  เท่านั้น         มั่นคงทน
ยืดยาสจน           ชีพม้วย        ช่วยพ้น*****				
5 มกราคม 2551 22:28 น.

เพลง "เรียงความเรื่องแม่ "

ลุงแทน

"เรียงความเรื่องแม่"
***คุณครูสั่งให้เขียน เรียงความเรื่องแม่ฉัน บอกให้ส่งให้ทันวันพรุ่งนี้
มันยากจังทำไม่ไหว หนู่แม่ไม่มี แล้วจะเขียนให้ดียังไง

เป็นห่วงก็ไม่รู้ ดูแลก็ไม่เห็น กอดแม่อุ่นจริงๆ มันจริงไหม
พร้อมหน้ากันทานอาหาร เคยมีแค่ฝันไป ไม่มีเพลงกล่อมใดไม่มี

* ห่มผ้าไม่เคยอุ่นเลย กอดหมอนไม่เคยอุ่นใจ นอนหลับไปอย่างเดียวดายทุกที
ไม่มีอะไรจะเขียน ให้ครูได้อ่านพรุ่งนี้ บนหน้ากระดาษก็เลอะน้ำตา

** ถ้าแม่ฟังอยู่ ไม่ว่าแม่อยู่ไหน ไม่ว่าแม่เป็นใคร ช่วยส่งความรักกลับมา
ถ้าแม่ฟังอยู่ คิดถึงหนูหน่อยหนา หนูขอสัญญาว่าหนูจะเป็นเด็กดี***

        คุณครู พูดกับนักเรียนว่า "ใกล้จะถึงวันแม่แล้ว นักเรียน วันนี้ครูมีการบ้านให้เธอ คือเขียนเรียงความวันแม่ อย่าลืมเอามาส่งพรุ่งนี้ทุกคนนะ"

        ในวัยเด็กสมัยนั้น ทุกคนคงเคยได้รับการบ้านให้เขียนเรียงความวันแม่ ซึ่งตอนนั้นผมยังจำได้ การเรียงความถึงแม่นั้น มันช่างเป็นโจทย์ที่ง่าย ซะจริงๆ ใครๆก็พูดกัน เขียนกันมา แม่เลี้ยงดูเรามาอย่างไร แม่รักเราแค่ไหน ทุกวันแม่ทำอะไร ให้เรา แล้วก็ลงท้ายว่าพระคุณแม่ใหญ่เท่าฟ้า มหาสมุทรยังเปรียบไม่ได้ อาจจะจบด้วยกลอนซึ้งๆ ปิดท้ายเรียงความ เห็นไหมครับว่ามันไม่ยากเลย แต่... สิ่งที่มองข้ามไปนั้น ก็คือ เรียงความของผมนั้น ไม่ได้มีอารมณ์หรือความซาบซึ้งที่แท้จริงออกมาจากปากกาแห่งความรู้สึกเลย

        จนกระทั้ง...วันที่แม่ต้องแบกภาระเลี้ยงดูลูกทั้งสองคนที่ยังเล่าเรียนอยู่ด้วยตัวคนเดียว ตอนนั้นผมก็รู้ซึ้งเลยว่า แม่รักผมมากแค่ไหน เรียงความวันแม่ของผม มันก็ถูกเขียนใหม่ออกมาอีกครั้ง มันเป็นเรียงความจากความรู้สึก ที่ใช้ใจเป็นกระดาษ น้ำตาแห่งความซาบซึ้งเป็น หยดน้ำหมึก แล้วเพลง ค่าน้ำนม ที่ผมได้ยินอยู่ทุกปีๆ มันก็มีความหมาย และซาบซึ้งมาก ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

        ผมถือว่าผมโชคดีที่เกิดมาแล้วมีโอกาสที่ได้รับความอบอุ่นจากแม่ และได้รู้คุณค่าความรักที่แม่มีให้ต่อเราอย่างแท้จริง ผมก็คิดว่า เพื่อนๆพี่ ทุกคนก็เช่นกัน แต่ยังมีคนกลุ่มหนึ่งที่เขาเกิดมาโดยไม่มีโอกาสแม้แต่ที่เขาจะรู้ว่า แม่เขาหน้าตาอย่างไร ใครคือแม่ของเขา แน่นอนเขาไม่เคยสัมผัสถึง ความรัก ไออุ่น จากแม่ที่แท้จริงของเขาเลย แต่ในใจลึกๆนั้นเขาต้องการแม่ตลอดเวลาและเขาก็ยังรักแม่ของเขา

       คนที่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้รับความรัก ไออุ่น จากแม่ เขายังรู้สึกรักแม่ของเขา และยังอยากหาแม่ของเขา...
แล้วคุณละได้รับรู้ มีโอกาสสัมผัส แต่ทุกวันนี้คุณลืมคนที่เรียกว่า "แม่" ไปแล้วหรือยัง...				
5 มกราคม 2551 19:42 น.

กลับมาเถิด...***

ลุงแทน

*** กลับมาเถิด ศีลธรรม กลับมาเถิด
อย่าให้จิต คิดเตลิด เกินแก้ไข
ทุกวันนี้ จิตตกต่ำ น่าตกใจ
วอนคนไทย พินิจ ใกล้ชิดธรรม
*** กลับมาเถิด ศีลธรรม นำชีวิต
รู้ถูกผิด คิดดี มีเหตุผล
มีสติ รู้วิธี ชิดน่ายล
ธรรมะส่ง ตรงตาม งามที่ใจ
*** กลับมาเถิด ศีลธรรม กำลังถอย
อย่ายอมปล่อย ใจตาม กาลสมัย
เพียงศีลห้า งามแท้ ตรงตามนัย
ศีลธรรม นำใจ ให้เจริญ
*** กลับมาเถิด ศีลธรรม กลับมาเถิด
กลียุคเกิด เพิกเฉย เกินแก้ไข
ศีลธรรม กลับมา พาชาติไทย
พ้นจากภัย ด้วยยุด หยุดจิตทราม				
5 มกราคม 2551 15:04 น.

ช่างรวดเร็ว........!!!!!!!!!!!!!

ลุงแทน

.....ผ่านไปแล้ว ปีใหม่ ในวันนี้
ดุจดั่งมี  ปีกบิน สิ้นปีเก่า
ในอดีต ที่กรีดยัง ไม่หายเศร้า
ปีใหม่เรา เข้าช้ำ  น้ำตาคลอ
.....ดุขวงล้อ ธรรมจัก ไม่พักหยุด
คงหมุนรุด เดินหน้า หาช้าไม่
ทุกชีวิต ดิ้นรน เดินหน้าไป
สุขหรือเศร้า เราเอง กำหนดเดิน
.....อริยมรรค แปดอย่าง ทางให้เลือก
ผู้ปราดเปรื่อง เลือกเดิน เพลินสุขสม
ผู้ที่คง อวิชชา ต้องอกตรม
พุทธองค์ ทรงชี้  มีทางเดิน
.....ชีวิตเรา สั้นนัก เจ้าข้าเอ๋ย
อย่าละเลย ความดี ที่สั่งสม
ห่างความชั่ว อกุศล ไม่น่ายล
แต่ละคน พบวิบาก จากตนเอง
.....ธรรมะคือ ความจริง ทุกสิ่งสรรพ
จักรวงล้อ หมุนไปตามวิถี
มีองค์แปด แสดง แผงวิธี
ให้ผู้ที่ รู้คุณ หนุนเสริมตน
.....สัมมาสติ  ตริเริ่มต้น
เพื่อนรู้ตน รู้หน้าที่ ดีรักษา
สัมมาสมาธิ ป้จฉิมา
ให้รู้ว่า ตั้งใจมั่น กลั่นความดี				
3 มกราคม 2551 18:58 น.

คำกลอนพ่อพุทธทาส

ลุงแทน

- โลกทุกวัน อยู่ในขั้น กลียุค
ที่เบิกบุก เร็วรุด สู่จุดสลาย
จนสิ้นสุด มนุษยธรรม ด่ำอบาย
เพราะเห็นกง -จักรร้าย เป็นดอกบัว
กิเลสไส -หัวส่ง ลงปลักกิเลส
มีความแกว่น แสนพิเศษ มาสุมหัว
สามารถดูด ดึงกันไป ใจมืดมัว
เห็นตนตัว ที่จมกาม ว่าความเจริญ
มองไม่เห็น ศีลธรรม ว่าจำเป็น
สำหรับอยู่ สุขเย็น ควรสรรเสริญ
เกียรติ กาม กิน บิ่นบ้า ยิ่งกว่าเกิน
แล้วหลงเพลิน ความบ้า ว่าศีลธรรม ฯ
คำกลอน อ.พุทธทาส ภิกขุ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลุงแทน
Lovings  ลุงแทน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลุงแทน
Lovings  ลุงแทน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลุงแทน
Lovings  ลุงแทน เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงลุงแทน