17 เมษายน 2551 21:20 น.
ลุงแทน
ลมหายใจ...ที่พอเหลืออยู่
คนหนึ่งวิ่งตาม...อีกคนวิ่งหนี
คนหนึ่งคิดฟุ้งซ่าน...อีกคนไม่คิด
คนหนึ่งสนใจ ใส่ใจ เป็นห่วง เป็นใย อยากดูแล...อีกคนไม่รู้สึกว่ามีค่า
คนหนึ่งส่งข้อความไป...อีกคนบอกว่าเครื่องเสีย
คนหนึ่งโทรไปหาเรื่องคุย...อีกคนรับสายแล้วหาเรื่องวาง
คนหนึ่งจากเจอ อยากเห็นหน้า...อีกคนไม่ว่าง งานเยอะ อยากพัก
คนหนึ่งคิดถึง...อีกคนไม่รับรู้ถึงความรู้สึก
คนหนึ่งรักล้นหัวใจ...อีกคนไม่รู้ร้อนรู้หนาว
คนหนึ่งทำทุกอย่างเพื่อเธอ...อีกคนทำทุกอย่างเพื่อใจ
คนหนึ่งอยากเดินร่วมทาง...อีกคนก็พยามยามเดินคนละทาง
คนหนึ่งอยากนั่งรถ...อีกคนอยากนั่งเครื่องบิน
คนหนึ่งชวนทานข้าว...อีกคนบอกว่ามีนัดแล้ว
คนหนึ่งแคร์คนคนเดียว...อีกคนแคร์คนอื่นหลายคน
คนหนึ่งไม่เคยเปลี่ยนใจ...อีกคนยังไม่ตัดสินใจ
คนหนึ่งอยากรับส่งทุกเช้าเย็น...อีกคนบอกว่ากลับกับเพื่อนได้
คนหนึ่งเพิ่งหยุดร้องไห้แล้วโทรไปหา...อีกคนไม่รู้ว่าเสียงเปลี่ยนไปหรือเปล่า
คนหนึ่งคนนั้นที่มมันงมงาย...ยังรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนไป
10 เมษายน 2551 18:26 น.
ลุงแทน
แพ้ชนะ กันไป ก็เท่านั้น
ต่างต่อสู้ แข่งขัน เพื่อสิ่งไหน
เพื่อรางวัล เสียงชื่อ ระบือไกล
หนึ่งดีใจ หนึ่งผิดหวัง ทางกีฬา
เกียรติยศ ศักดิ์ศรี อยู่ที่ไหน
ที่น้ำใจ ให้กัน ปันคุณค่า
รู้อภัย รู้พ่ายแพ้ รู้ชนะ
รู้วาระ เวลา ถูกท้าชิง
เพราะกีฬา ใช่สงคราม ต้องห้ำหั่น
ใช่ฆ่าฟัน รบรา พร่าทุกสิ่ง
แม้นักรบ ที่เขารบ กันจริงๆ
ยังไม่ยิง ผู้ทิ้งวาง ว่างอาวุธ
กติกา กำหนด กฎการเล่น
เป็นหลักเกณฑ์ นำพา อย่ายื้อยุด
ต้องเคารพ ความจริง สิ่งสูงสุด
เปรียบประดุจ กฎหมาย ใช้เชื่อฟัง
แพ้ชนะ กันไป ก็เท่านั้น
ใช่แข่งขัน เพื่อสู้รบ พบทางร้าง
การกีฬา สามัคคี นี้สื่อสร้าง
สู่หนทาง มิตรภาพ อาบโลกา
.................................................
29 มีนาคม 2551 18:37 น.
ลุงแทน
หนีร้อน
แสงแดดกล้าพาลมร้อนระอุ
ความแห้งแล้งปะทุทุกระแหง
สีเขียวสดทั้งหมดเริ่มเปลี่ยนแปลง
เป็นเหลืองแดงน้ำตาลกาลผลัดใบ
พื้นดินชุ่มแดดรุมจนแตกแยก
ร้อนชำแรกสู่เรือนพักอาศัย
แสบผิวเนื้อเมื่อรับระอุไอ
ทุกข์ที่ใจพลันเกิดเปิดเวที
อยากหนีร้อนวอนลมให้เย็นฉ่ำ
อยากเห็นสายฝนพร่ำไล่ร้อนหนี
อยากให้หนาวย้อนเยือนเรือนอีกที
อยากจะมีความสดชื่นและรื่นรมย์
แต่ทุกสิ่งที่เป็นจริงกลับร้อนมาก
เมื่อยิ่งอยากยิ่งแย่แพ้ขื่นขม
ยิ่งทุรนทุรายใฝ่หาลม
ยิ่งระทมเพราะลมร้อนย้อนรอบกาย
เมื่อหยุดอยากไม่มากในเงื่อนไข
ความร้อนใจคลายผ่อนหย่อนเส้นสาย
ใช้ชีวิตกลางร้อนไม่วุ่นวาย
รับมือได้กับแดดกล้าครากลางวัน
ความอดทนทำให้คนต่างระดับ
ผู้ยอมรับทุกข์ได้ไม่โศกศัลย์
ย่อมมีสุขมากกว่าคนจาบัลย์
เหมือนไม้ใหญ่คงมั่นต่อแดดลม
ผู้ฉลาดปราดเปรื่องเลื่องปัญญา
อดทนได้ทุกครายามขื่นขม
แม้นวิบากร้อนร้ายไม่ช้ำตรม
ใช้กุศลเป็นร่มคุ้มครองใจ
23 มีนาคม 2551 13:16 น.
ลุงแทน
กรรมฐานคืออะไร?
กรรมฐานก็คือการสร้างสติ
ละทิฐิด้วยปัญญามหาศาล
ละความโง่ที่สังสมมานมนาน
ด้วยการสร้างทางสองสายที่ภายใน
ทางสายหนึ่งมุ่งไปใฝ่สงบ
อีกสายพกปัญญามาแก้ไข
ทางสองสายผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไป
เพื่อแก้ไขสันดาลแห่งพาลชน
เป็นมนุษย์สุดประเสริฐที่เพลิดแพล้ว
ย่อมรู้แนวแห่งมรรคาเข้าอาศัย
ฝึกฝนจิตบำเพ็ญเพียรให้ไว
ถ้าทำได้ก็พบสุขไม่ทุกข์เอยฯ
ใจกับจิตคิดดูเป็นคู่สอง
ใจหนึ่งตรองจิตคิดวินิจฉัย
จิตปรุงแต่งแสดงออกบอกแก่ใจ
ว่าสิ่งใดในนิยามคือความดี
วามว้าวุ่นวุ่นวายพาใจวุ่น
เหล่าคุณคุณวุ่นใจไร้สุขี
ตั้งสมาธิไซร้ไว้ให้ดี
เพื่อชีวีที่ดีมีสุขใจ
21 มีนาคม 2551 20:41 น.
ลุงแทน
จะขอกล่าวชื่อรูปยี่สิบแปด
ให้ท่านนั้นรู้แยบยลมั่นหมาย
รูปที่หนึ่งปฐวีดินในกาย
อาโปหมายถึงน้ำนามสองมา
สามเตโชธาตุไฟในตัวท่าน
สี่วาโยลมนั้นเกาะเกี่ยวสาย
สี่ธาตุนี้เป็นมหาภูตะราย
ห่อหุ้มกันติดกายอย่างมั่นคง
อีกวัณณะคันธะรสะเด่น
โอชะเป็นรสชาติแผ่ทุกสาย
ของโลหิตที่มีหล่อเลี้ยงกาย
กลุ่มนี้หมายอวินิพโภครูปเอย
กลุ่มที่สองวิการรูปสาม
คือสิ่งที่เข้ายามไม่รู้หน่าย
นั่ง-ยืน-เดินเที่ยวไปได้สบาย
ลหุตามั่นหมายรูปอ่อนเอน
มุทุตารูปเบาเข้าประชิด
กัมมัญญตารูปนิมิตการงานเข้า
ให้อ่อนต่อควรต่องานของเรา
กลุ่มสามเล่าคือสัทธะเสียงมั่นคง
กลุ่มสี่คือชีวิตะที่มีอยู่
หทัยรู้ว่าเป็นที่อาศัย
ของจิตนั่นแหละหนาถ้าว่าไป
จักขุไซร้คือแก้วตาไม่พร่ามัว
โสตะเป็นปสาทรับคลื่นเสียง
ชิวหาเรียงรอรับสลับรู้
เปรี้ยวหวานเป็นอย่างไรลิ้มรสดู
ฆานะรู้กลิ่นหมดทุกหยดเอย
กายะคือปสาทกายหลายสัมผัส
อิตถีจัดความเป็นหญิงให้คงอยู่
ปุริสะความเป็นชายไว้ให้ดู
กายวิญญัติหนึ่งอยู่คู่วจี
อีกกลุ่มหนึ่งเป็นกลุ่มที่มีสี่
เด่นบ่งชี้ลักษณะที่ต้องสู้
เกิด-แก่-ตั้ง-สู่ชราจนดับพรู
คงเหลืออยู่ตัวเดียวเกาะเกี่ยวใจ
คือช่องว่างของรูปทั่วทั้งหลาย
เป็นช่องทางที่ระบายกระจายอยู่
ในตัวตนคนสัตว์จงโปรดรู้
รูปมีอยู่ยี่สิบแปดตามแบบเอย