27 กันยายน 2552 10:19 น.
ลุงเอง
วันนี้ในอดีต/27 กันยายน
พ.ศ. 2448 (ค.ศ. 1905) อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (ในภาพ) เผยแพร่บทความ "Does the Inertia of a Body Depend Upon Its Energy Content?" ซึ่งนำเสนอสมการ E=mc²
พ.ศ. 2483 (ค.ศ. 1940) สงครามโลกครั้งที่สอง: มหาอำนาจอักษะ ได้แก่ นาซีเยอรมนี อิตาลี และจักรวรรดิญี่ปุ่น ลงนามในข้อตกลงไตรภาคี ณ กรุงเบอร์ลิน
พ.ศ. 2531 (ค.ศ. 1988) วันสถาปนาพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย นำโดย ออง ซาน ซูจี ในพม่า
พ.ศ. 2539 (ค.ศ. 1996) นายกรัฐมนตรี บรรหาร ศิลปอาชา ประกาศยุบสภา หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
เปิดเขื่อนบางลาง (เขื่อนหินถมแกนดินเหนียว) จ.ยะลา (27 กันยายน พ.ศ. 2524)
25 กันยายน 2552 12:37 น.
ลุงเอง
วันนี้ในอดีต/25 กันยายน
* พ.ศ. 1609 (ค.ศ. 1066) - ชัยชนะของกองทัพอังกฤษเหนือนอร์เวย์ ในศึกแห่งสะพานสแตมฟอร์ด เป็นจุดสิ้นสุดยุคการรุกรานบริเตนใหญ่ของไวกิง
* พ.ศ. 2433 (ค.ศ. 1890) - สหรัฐอเมริกาประกาศให้โยเซมิตี (ในภาพ) ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นอุทยานแห่งชาติ
* พ.ศ. 2505 (ค.ศ. 1962) - สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย ถือกำเนิดอย่างเป็นทางการ
* พ.ศ. 2541 (ค.ศ. 1998) - วันสถาปนา มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
25 กันยายน พ.ศ. 2473
วันเกิด จิตร ภูมิศักดิ์ ปัญญาชนนักปฏิวัติคนสำคัญของสยาม เกิดที่ อ. ประจันตาคม จ. ปราจีนบุรี เข้ามาเรียนหนังสือชั้นมัธยมที่กรุงเทพฯ และสำเร็จการศึกษาจากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เริ่มเขียนบทความทางวิชาการด้านภาษาศาสตร์มาตั้งแต่เป็นนิสิตปี 1 พอขึ้นปี 3 ก็ได้เป็นบรรณาธิการหนังสือ มหาวิทยาลัย 23 ตุลา ซึ่งเป็นหนังสือประจำปีของจุฬาฯ ด้วยเห็นว่ามีเนื้อหาและรูปแบบซ้ำซากมานาน จิตรจึงเปลี่ยนแปลงใหม่และเขียนบทความวิจารณ์การเมือง ส่งผลให้หนังสือถูกสั่งระงับการพิมพ์ จิตรจึงถูกรุ่นพี่จับ โยนบก ลงจากเวทีหอประชุมใหญ่จุฬาฯ จนถูกส่งเข้าโรงพยาบาลและถูกพักการเรียน 1 ปี ระหว่างนั้นเขาจึงไปรับสอนภาษาไทยและทำงานหนังสือพิมพ์ เมื่อกลับเข้ามาเรียนหนังสืออีกครั้งเขารวมกลุ่มกับเพื่อนก่อตั้ง สหพันธ์นักเรียนนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) รวมทั้งแต่เพลงปลุกใจต่าง ๆ อาทิ มาร์ชเยาวชนไทย, ธรรมศาสตร์-จุฬา ชิงชัย, มาร์ชกรรมกรไทย เรียนจบแล้วเป็นครูที่โรงเรียนเพชรบุรีวิทยาลงกรณ์ และสอนพิเศษที่มหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งเขาเริ่มปลูกฝังแนวคิด ศิลปะเพื่อชีวิต ที่นี่ หลังจากที่จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ยึดอำนาจในปี 2501 จิตรถูกจับข้อหาคอมมิวนิสต์ ติดคุกลาดยาวอยู่ 6 ปี ระหว่างนี้เขาได้เขียนและแปลหนังสือไว้หลายเล่ม อาทิ "โคทาน, แม่, คนขี่เสือ, พจนานุกรมภาษาละหุหรือมูเซอร์ และความเป็นมาของคำสยาม ไทย, ลาว และขอม และ "ลักษณะทางสังคมของชื่อชนชาติ รวมทั้งเพลง แสงดาวแห่งศรัทธา และเพลงอื่น ๆ อีกหลายเพลง หลังออกจากคุกไม่นานเขาก็ตัดสินใจเดินทางเข้าป่าในช่วงปลายปี 2508 เข้าร่วมต่อสู้กับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ในนาม "สหายปรีชา ปฏิบัติการในพื้นที่เทือกเขาภูพาน อ. เมืองสกลนคร ในช่วงนั้นฝ่ายรัฐบาลเริ่มกวาดล้างอย่างรุนแรง ในที่สุดจิตรก็ถูกกองกำลังชาวบ้านผสมทหารล้อมยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2509 บริเวณทุ่งนากลางป่าละเมาะ บ้านหนองกุง ต. คำบ่อ อ. วาริชภูมิ จ. สกลนคร ภายหลังจาการเสียชีวิต จิตรได้รับการยกย่องในฐานะนักเขียน นักภาษาศาสตร์ และศิลปินนักรบของประชนชน ถือจิตรกลายเป็นวีรบุรุษที่คนหนุ่มสาวในยุคต่อมาได้ยึดเป็นแรงบันดาลใจในการ ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยตั้งแต่ยุค 14 ตุลา 16 มาจนทุกวันนี้
จิตร ภูมิศักดิ์
25 กันยายน พ.ศ. 2433
อุทยานแห่งชาติ โยเซมิตี (Yosemite National Park) ของสหรัฐอเมริกา ได้รับการประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติ โดยการผลักดันของนักอนุรักษ์ธรรมชาติคนสำคัญคือ จอห์น มุยร์ (John Muir) โย เซมิตีกินพื้นที่ในบริเวณเทือกเขาเซียร์รา เนวาดา (Sierra Nevada) ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย มีพื้นที่ทั้งหมด 3,081 ตร.กม. พื้นที่ตั้งอยู่ที่ระดับความสูงระหว่าง 600-4,000 ม. โยเซมิตีเป็นที่รู้จักในชื่อของหน้าผาหินแกรนิต ยอดเขา "ฮาล์ฟ โดม (Half dome) ซึ่งสูงเกือบ 610 ม. ที่เป็นหน้าผาสูงชันตั้งตรงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก น้ำตกโยเซมิตีที่สูง 739 ม. เป็นน้ำตกที่สูงที่สุดในอเมริกาเหนือ ทุ่งหญ้าโยเซมิตีกว้าง 18 ตารางกิโลเมตร นอกจากนั้นยังมีโกรกธารและน้ำตกขนาดใหญ่หลายแห่ง สำรวจพบพันธุ์พืชกว่า 7 พันสปีชีส์ และสัตว์ป่าหายากอีกกว่า 160 ชนิด โยเซมิตีได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี 2527 มีนักท่องเที่ยวเฉลี่ยปีละกว่า 3.5 ล้านคน นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกา เดิมทีพื้นที่แถบนี้เป็นที่อยู่ของชาวอินเดียนแดงเผ่า พิอุต (Paiute), เซียร์รา มิวอค (Sierra Miwok) และ อะฮ์วาฮ์นีชี (Ahwahneechee) เมื่อนักสำรวจผิวขาวเข้ามาพบสายทองคำในแม่น้ำ ทำให้คนขาวจำนวนมากอพยพเข้ามา เรียกว่า ยุคตื่นทองในแคลิฟอร์เนีย (California Gold Rush) ในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 คนขาวจึงส่งกองทัพมาขับไล่ชาวอินเดียนเจ้าของบ้าน เกิดการสู้รบกันหลายครั้ง ในที่สุดก็พ่ายแพ้แก่คนขาว ต้องอพยพไปอยู่ในเขตสงวนที่เมืองเฟรสโน (Fresno) แคลิฟอร์เนีย เมื่อหมดยุคตื่นทอง นักท่องเที่ยวคนแรกก็มาถึงที่นี่ในปี 2398 จากนั้นก็มีช่างภาพที่มีชื่อเสียงหลายคนรวมไปถึง แอนเซล อดัม (Ansel Adams) เดินทางมาถ่ายภาพ ความงามของโยเซมิตีได้รับการเผยแพร่สู่สาธารณชน จนกระทั่งเกิดการแสอนุรักษ์ธรรมชาติ พื้นที่แถบนี้จึงได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติและมรดกโลกในที่สุด อุทยานแห่งชาติ โยเซมิติ ยอด Half dome
25 กันยายน พ.ศ. 2473
วันเกิด สุรพล สมบัติเจริญ ราชาเพลงลูกทุ่งของเมืองไทย เดิมชื่อลำดวน สมบัติเจริญ เกิดที่สุพรรณบุรี เริ่มหลงใหลการร้องเพลงมาตั้งแต่วัยรุ่น ตอนที่เป็นทหารอยู่ที่โรงเรียนนักเรียนจ่าทหารเรือ เขามักจะร้องเพลงให้เพื่อน ๆ ทหารฟัง เมื่อมีงานสังสรรค์เขาก็จะขึ้นร้องเพลงอยู่เสมอ จนที่สุดเขาก็ได้ย้ายเข้าไปประจำกองดุริยางค์ทหารอากาศ และเพลง "น้ำตาสาวเวียง" เพลงแรกของเขาได้รับการบันทึกเสียงเป็นครั้งแรกในปี 2496 เขามักจะมีเทคนิคในการดึงดูดใจผู้ชมคือ ทั้งร้อง ทั้งเล่นตลก เพื่อสร้างความบันเทิงให้แก่ผู้ชม เพลงที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักคือเพลง "ลืมไม่ลง" แม้ชีวิตนักร้องเพลงลูกทุ่งของเขาจะมีอายุเพียง 15 ปี แต่ผลงานของเขาได้ทำให้เพลงลูกทุ่งกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง จนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้
สุรพล สมบัติเจริลืมไม่ลง
25 กันยายน พ.ศ. 2449
วันเกิด ดมิตรี ชอสตาโควิช (Dmitri Dmitrievich Shostakovich) คีตกวีคนสำคัญของรัสเซีย ในยุคหลังปฏิวัติรัสเซีย เกิดที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ในยุคที่สหภาพโซเวียตเรืองอำนาจ เริ่มฉายแววอัจฉริยะทางดนตรี โดยเล่นเปียโนและแต่งเพลงได้ตั้งแต่ 8 ขวบ แต่งเพลงได้ตั้งแต่ 12 ขวบ ปีต่อมาก็เข้าโรงเรียนดนตรี แต่งเพลงซิมโฟนีชิ้นแรกสำเร็จตอน 19 ปี นำออกแดสงในปีต่อมา ส่งผลให้เขากลายเป็นนักดนตรีมีชื่อเสียงไปในทันที หลังจากนั้นเขาก็สร้างสรรค์ผลงานดี ๆ ออกมาอีกจำนวนมาก อาทิ อุปรากรล้อเลียนชื่อ "The Nose บัลเลต์เรื่อง "The Golden Age ซิมโฟนีอิงประวัติศาสตร์รัสเซียเรื่อง October และ Mayday ในปี 2475 เขาแต่งอุปรากรชิ้นที่จะนำความเปลี่ยนแปลงมาให้ตัวเองอย่างมากคือ "Lady Macbeth of Mtsensk อันมีโครงเรื่องเกี่ยวกับการนอกใจและฆาตกรรม แม้จะประสบความสำเร็จและได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง แต่เนื่องจากรัฐบาลสังคมนิยมของสตาลินในสมัยนั้น จำกัดขอบเขตงานศิลปะให้อยู่ในขนบแบบเดิม ๆ ห้ามสร้างสรรค์ผลงานแบบใหม่ ๆ ประชาชนก็ห้ามฟัง ผู้ใดละเมิดอาจถึงขั้นไล่ออกจากงานหรือติดคุก ชอสตาโควิชจึงจำใจต้องหยุดการสร้างสรรค์ผลงานแบบใหม่ ๆ หันไปสร้างผลงานในขนบที่ไร้ชีวิตชีวาและขาดอารมณ์สร้างสรรค์ ศิลปะทุกประเภทของรัสเซียถูกควบคุมจากรัฐบาลอย่างเข้มงวดจนกระทั่งสหภาพ โซเวียตล่มสลายในปี 2534 แต่น่าเสียดายที่ชอสตาโควิชมีชีวิตอยู่ไม่ถึงวันนั้น เขาเสียชีวิตเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2518 ขณะอายุได้ 69 ปี ด้วยโรคมะเร็งปอด เนื่องจากสูบบุหรี่จัดชนิดมวนต่อมวน เขามีรูปร่างผอม ใส่แว่นตา ตื่นเต้นขี้อาย และค่อนข้างเงียบขรึม ผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาส่วนใหญ่เป็นประเภทซิมโฟนีกับควอเต็ตเครื่อง สาย ชื่อของเขาเป็นที่รู้จักในภาษาเยอรมันว่า "Dmitri Schostakowitsch"ดมิตรี
25 กันยายน พ.ศ. 2511
ปรีชา อินทรปาลิต เจ้าของนามปากกา "ป. อินทรปาลิต นักเขียนนิยายอ่านเล่นชื่อดังของไทย ถึงแก่กรรม ป. อินทรปาลิตเกิดเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2453 ที่ อ. ดุสิต จ. พระนคร บิดาอยากให้เขาเป็นทหารจึงส่งไปเรียนที่โรงเรียนนายร้อยทหารบก (โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าในปัจจุบัน) เมื่อปี 2462 แต่ด้วยความรักอิสระไม่ชอบอยู่ภายใต้กฎระเบียบเคร่งครัด เขาจึงคิดจะลาออกไปขายไม้ฟืน แต่บิดารู้เรื่องเสียก่อนจึงให้ลาออกมาเรียนสายสามัญ หลังจากเรียนจบก็เริ่มรับราชการที่กระทรวงพาณิชย์และคมนาคม ทำงานได้ระยะหนึ่งก็เริ่มเขียนเรื่องสั้น เรื่องตลกเบาสมองไปลงตีพิมพ์ตามนิตยสารต่าง ๆ เมื่อเริ่มเบื่ออาชีพราชการก็ลาออกมาขับแท็กซี่ ก่อนจะทำงานในเรือโยงในแม่น้ำเจ้าพระยา ในช่วงนี้เขาได้พเห็นชีวิตผู้คนอย่างหลากหลาย ซึ่งกลายเป็นวัตถุดิบในงานเขียนในเวลาต่อมา นิยายเรื่องแรกคือ ยอดสงสาร ต่อมาคือ นักเรียนนายร้อย ซึ่งเขาเริ่มใช้นามปากกา ป. อินทรปาลิต ปรากฏว่าขายดีมาก ในปี 2476 เขากลับไปรับราชการอีกครั้ง โดยสอนวิชาการพิมพ์ขึ้นเป็นแห่งแรกในเมืองไทยมีชื่อว่า โรงเรียนช่างพิมพ์วัดสังเวช แต่ทำได้ไม่นานก็ออกมาเป็นนักเขียนอย่างเต็มตัว ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาได้เขียนหัสนิยายอมตะชุด สามเกลอ พล นิกร กิมหงวน ป. อินทรปาลิตเป็นนัก เขียนเรื่องอ่านเล่นที่สร้างงานประพันธ์ได้ทุกแนว ทั้งนิยายรักโศก บู๊ จี้เส้น สืบสวนสอบสวน และนิทานสำหรับเด็ก เขาได้ชื่อว่าเป็นนักเขียนที่มีงานประพันธ์มากที่สุดผู้หนึ่งของเมืองไทย เป็น ราชานักประพันธ์ร้อยแก้วสำนวนตลาด ผลงานของเขาทำให้คนรักการอ่านกันทั่วเมือง
ป. อินทรปาลิตนิยายชุดสามเกลอ พล นิกร กิมหงวน
25 กันยายน พ.ศ. 2541
วันสถาปนา มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) มีสถานภาพเป็นสถาบันอุดมศึกษาในกำกับของรัฐบาล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ประกอบพิธีเปิดมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2547 ตั้งอยู่ที่ อ. เมือง จ. เชียงราย คำขวัญประจำมหาวิทยาลัยคือ "การดำเนินชีวิตด้วยปัญญา เป็นชีวิตที่สุด" ดอกไม้ประจำมหาวิทยาลัยคือดอกหอมนวล หรือดอกลำดวน สีประจำมหาวิทยาลัยคือสีแดง-ทอง เปิดสอน 8 คณะ ระดับปริญญาตรี โท เอก
24 กันยายน 2552 18:56 น.
ลุงเอง
อานิสงส์การสวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ
หากพูดเรื่องการสวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิ ทุกคนก็นึกถึงพระสงฆ์องค์เจ้าทั้งหลายที่อยู่ตามวัดวาอาราม หรือผู้ปฏิบัติธรรมเท่านั้น จริงๆ แล้วการสวดมนต์ไหว้พระ ควรเป็นข้อปฏิบัติประจำของเหล่าชาวพุทธทั้งหลาย โดยเฉพาะการสวดมนต์ ไหว้พระในวันวันธรรมสวนะ หรือวันพระ หากเราพิจารณาความสำคัญของการสวดมนต์โดยเปรียบเทียบกับทุกศาสนา เราจะพบว่ามีปฏิบัติกันถ้วนหน้าทีเดียว ชาวคริสต์ต้องเข้าโบสถ์สวดมนต์
ทุก วันอาทิตย์ อิสลามิกชนก็จะมีการสวดมนต์ทุกวันสำคัญ และมีการละหมาดวันละ 6 เวลาทีเดียว เบื้องต้นน่าจะเห็นพ้องต้องกันว่าการสวดมนต์เป็นสิ่งที่ดี แต่คำถามที่มักจะได้ยินเสมอว่าก็คือ ดีอย่างไร
หากเรามองย้อนไปใน อดีตตอนพวกเราๆ เป็นเด็ก จะพบว่าในรุ่นปู่ย่า ตายายของเรา แทบจะทุกคนที่จะไปวัดเพื่อสวดมนต์ ไหว้พระในวันพระเสมอ และยังมีการสวดมนต์ที่ค่อนข้างยาวทีเดียวก่อนนอนทุกวัน
หลายผู้อาจจะไปนั่งพนมมือด้วย หลายผู้ก็นอนฟังแล้วก็หลับไป หลายผู้อาจถูกปลูกฝั่งให้ปฏิบัติเอาเยี่ยงบ้าง
ก็ มีผมเคยถามท่านทั้งหลายในรุ่นนั้น ว่าสวดมนต์ ไหว้พระแล้วได้อะไร ก็มักจะได้คำตอบว่า “ มันดี ”ทำให้ชีวิตดี หรือชีวิตมีสิริมงคล หรือจะได้มีคุณพระคุณเจ้าคุ้มครอง หรือ อีกเหตุผลอีกหลายประการ ซึ่งฟังแล้วไม่เป็นรูปธรรม จับต้องไม่ได้ คือเข้าใจยากนั่นแหละ คนสมัยนี้ชอบใช้เหตุผลที่ค่อนข้างเป็นวิทยาศาสตร์เสียด้วย
ทำให้มรดกพุทธศาสนา ( สวดมนต์ ไหว้พระ) จึงไม่ได้รับการสืบทอดและเป็นที่นิยมกันในคนรุ่นปัจจุบัน
บวรธรรมสถาน เป็นอีกสำนักหนึ่งที่มุ่งเน้น สั่งสอนให้ลูกศิษย์สวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ แผ่เมตตา
ทุก วันพระและให้สวดมนต์ก่อนนอนโดยให้เป็นกิจปฏิบัติที่สำคัญลำดับต้นๆ เลยทีเดียว แม้ว่าการสวดนั้นจะสวดได้แบบปากเปล่าหรือจะต้องดูหนังสือสวดก็ตาม สำคัญอยู่ที่การสวดมนต์นั้นต้องอยู่บนพื้นฐานของความตั้งใจจริง มีสมาธิที่ดี นำจิตไปจับที่ตัวอักษรที่จะสวดออกมาอย่างจดจ่อ เปล่งเสียงให้ดังฟังชัดเจน โดยครูบาอาจารย์ได้อรรถาธิบายความถึงอานิสงส์ของการสวดมนต์ไว้ ดังนี้
1. อานิสงส์ที่เกิดกับสุขภาพร่างกาย
ผู้ ที่นิยมสวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิสม่ำเสมอจะก่อให้เกิดผลดีต่อจิตยิ่ง จะมีความผ่องแผ้วสว่างบริสุทธิ์ จิตที่สว่างจะทำให้อารมณ์ผ่องใส ไม่โกรธง่าย ไม่เครียด แม้ถ้าจะต้องใช้ความคิดก็จะคิดแบบมีเหตุมีผล การที่จิตผ่องแผ้วถือเป็นโอสถทิพย์ที่สำคัญต่อร่างกายที่เดียว ส่งผลให้ร่างกายสร้างและหลั่งฮอร์โมนในร่างกายที่เป็นปกติ ทำให้ร่างกายสมดุล เมื่อร่ายกายสมดุลบุคคลนั้นจะอายุยืน คนที่มีอารมณ์ดี ไม่เครียด จะอายุยืนยาวเช่นพระสงฆ์ที่ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเป็นสรณะจะอายุยืนบางองค์ เกินร้อยปีก็มีหรือคนโบราณที่ชอบสวดมนต์ ไหว้พระจะอายุยืนยาวมากไม่มีต่ำกว่าแปดสิบปี ซึ่งต่างจากคนสมัยปัจจุบันที่แก่เร็ว อายุสั้น เฉลี่ยแล้วไม่เกินหกสิบห้า หรือ อย่างมากก็เจ็ดสิบปี การมีจิตที่ผ่องใส เสมือนหนึ่งมียาอายุวัฒนะขนานเอกไว้ในตัวเอง ลักษณะนี้ ครูบาอาจารย์ท่านให้เรียกว่า “ การนำปัจจัยภายในมาสร้างอายุวัฒนะ”
2. อานิสงส์ให้เกิดจิตที่แกร่ง
หลัง การสวดมนต์ไหว้พระและนั่งสมาธิ จะทำให้จิตมีกำลัง เป็นการบำรุงจิต จิตที่มีกำลังจะเข้มแข็ง ไม่อ่อนไหวง่าย สติดี หนักแน่น การมีจิตเป็นสมาธิสติจะคงอยู่เสมอ จะก่อให้เกิดปัญญาตามมา ปัญญาหมายถึง ระบบการคิดที่มีสติคอยกำกับ การคิดจึงอยู่บนพื้นฐานของเหตุและผลไม่มีอารมณ์เข้ามาเจือปน ส่วนความคิดที่ขาดสติ เราเรียกว่า “อารมณ์” คนสมัยใหม่ที่ไม่นิยมนั่งสมาธิ ส่งผลให้สติไม่มั่นคง โกรธง่าย โมโหร้าย ขี้หงุดหงิด ไม่อดทนต่อแรงกดดันทั้งปวง มีอารมณ์แปรปรวนไม่สม่ำเสมอ เหตุเพราะจิตมีอ่อนกำลัง เราจึงพบว่าสถิติการฆ่าตัวตายของคนสมัยนี้ จึงมีอัตราที่สูงขึ้นเรื่อยๆ เป็นต้น รูปธรรมข้างต้นเหล่านี้คงจะพอแสดงให้เห็นถึงความต่างระหว่างจิตสองลักษณะคือ จิตแกร่งกับจิตอ่อน ได้เป็นอย่างดี ให้เปรียบเทียบง่ายๆ ว่า การที่เราต้องรับประทานข้าวปลาอาหารเพราะอาหารเป็นสิ่งที่มีความสำคัญกับ ชีวิต ฉันใดก็ฉันนั้น สมาธิก็จะเป็นอาหารที่สำคัญของจิต เช่นกัน
3. ได้อานิสงส์จากการได้โปรดดวงจิตวิญญาณ
ผู้ ที่สวดมนต์ไหว้พระนั่งสมาธิถึงขั้นเป็นผู้มีจิตใสสว่างนั้น เป็นที่โปรดปรานของพวกวิญญาณเร่ร่อนยิ่งนัก เพื่อปรารถนาจะขอส่วนบุญ ส่วนกุศลให้ตนได้ร่มเย็น หรือพ้นทุกข์ หรือแม้กระทั่งหลุดพ้นจากการถูกจองจำ โดยปกติบทสวดมนต์จะมีความขลังอยู่ในตัวเพราะ เป็นอักขระภาษาที่มีมนต์ขลัง บางบทเป็นพระคาถาที่มีอานุภาพสูง โดยเฉพาะบทพุทธบารมี บทพระคาถาชินบัญชร มีอานุภาพสูง ยิ่งผู้สวดมีสมาธิจิตที่ดีแล้ว พลังแห่งเมตตา พลังแห่งอานุภาพจะแผ่กระจายปกคลุมไปไกล ด้วยอานุภาพของพลังจิตผู้สวดเอง เมื่อเสียงสวดและอักขระไปกระทบ หรือสัมผัสกับดวงจิตวิญญาณใด พลังเมตตาและพลานุภาพแห่งมนตรานี้จะกระตุ้นให้ดวงจิตวิญญาณเกิดความระลึกได้ เมื่อระลึกได้ก็จะสามารถดูดซับพลังบารมีทั้งปวงจากบทสวดอย่างเต็มที่ ดวงจิตที่มืดบอดก็จะสว่างผ่องใสขึ้นและหลุดพ้นจากบ่วงพันธนาการในที่สุด สภาพโดยธรรมชาติของวิญญาณทั้งหลายนั้น พวกเขาจะถูกจำกัด หรือถูกควบคุมพื้นที่เสมือนถูกจองจำ
ตีตรวน เหมือนนักโทษที่ติดอยู่ในคุก บางคนก็สำนึกได้เอง บางคนต้องได้รับการอบรมสั่งสอนก่อนจึงจะเกิดสำนึก เช่นกันดวงวิญญาณหลายดวงเกิดสำนึกในความดี ความชั่วที่ตนได้กระทำได้เอง เมื่อสำนึกได้ก็จะสามารถเปิดรับธรรมะได้เลยทันที การสำนึกได้เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ดังที่คนโบราณได้สั่งสอนบอกต่อกันมาว่า ก่อนตายให้นึกถึงพระ ความหมายนี้ก็คือ ให้เกิดรู้สำนึกนั่นเอง แม้ถ้าคนเราสำนึกได้ในวินาทีสุดท้ายขณะใกล้จะตายก็ถือว่า มีโอกาสที่จะรับรู้สัมผัสธรรมได้ ( จิตเปิด) มีโอกาสหลุดพ้น(จากการจำกัดบริเวณ )ได้ และภาษาอักขระในบทสวดดวงจิตวิญญาณสามารถก็สามารถเข้าถึงได้ ให้ดวงจิตวิญญาณเข้าใจได้ ก่อให้เกิดความกระจ่างได้และยิ่งเมื่อเราแผ่เมตตาตามอีก เขาก็จะได้อานิสงส์มากยิ่งขึ้น ดวงจิตวิญญาณเหล่านั้นชุ่มเย็นเป็นสุขเสมือนเรานำน้ำที่เย็นชโลมรดให้กับผู้ ที่หิวกระหาย ลุ่มร้อนมานานปี จนสุดท้ายก็จะสามารถหลุดพ้นไปได้ การที่เราทำให้วิญญาณตกทุกข์ได้ยาก
ทุกข์ทรมาน ได้รับความสุข สว่างสดใส หรือ กระทั่งหลุดพ้นไปได้ นับว่าได้อานิสงส์มหาศาลทีเดียว สภาพความจริงในภพแห่งวิญญาณนั้น ถ้ามนุษย์มองเห็นก็จะพบว่ามีวิญญาณเร่ร่อน ( สัมภเวสี )จำนวนมากมายทีเดียว
มีทุกหนทุกแห่ง เช่น คนมีจิตสว่างบางคนไปนอนที่ไหนก็จะมีวิญญาณมาดึง มาปลุก มาทำให้ไม่สามารถนอนได้ ปรากฏการณ์เช่นนี้ให้ท่านเข้าใจเป็นเบื้องต้นว่า เขามาขอส่วนบุญ เขาเห็นจิตของท่านที่สว่าง แสดงว่าท่านเป็นมีบุญที่สามารถแผ่ให้กับเขาได้ อย่าตกใจ อย่ากลัวให้ถือว่าเป็นโอกาสที่ดี วิธีปฏิบัติก็คือ สวดมนต์ แผ่เมตตาให้เขาเสีย แล้วท่านจะนอนหลับฝันดี เขาจะเฝ้าดูแลท่านตลอดทั้งคืน บางที่อาจให้โชคลาภกับท่านเสียอีก สถานที่บางแห่งวิญญาณอยู่กันเหมือนตัวหนอน เหมือนฝูงแมลงวัน ยิ่งดวงวิญญาณอยู่กันมากมายเช่นนี้ผู้สวดมนต์ แผ่เมตตา ภาวนาสมาธิให้ ก็จะได้อานิสงส์มากเท่าทวีคูณ การสวดมนต์ที่แท้ก็คือ การแผ่เมตตานั่นเอง
การ ทำจิตให้นิ่งเป็นสมาธิบ่อยๆ เสมือนเราอยู่ในที่สูง อานิสงส์ที่เราสร้าง บุญกุศลที่เราทำจะเปรียบเสมือนเราเทน้ำให้ไหลลงสู่เบื้องล่าง ผู้อยู่เบื้องล่างที่หิว กระหายก็จะรอรับอย่างชุ่มเย็น มีความปีติยินดี
4. ได้อานิสงส์จากโปรดสรรพสัตว์ทั้งหลาย
นอก จากดวงจิตวิญญาณแล้ว ยังมีอีกกลุ่มหนึ่งที่ปรารถนาจะได้รับพลังเมตตาบารมีจากการสวดมนต์ ไหว้พระและนั่งสมาธิเช่นกัน ซึ่งก็คือพวกสัตว์เล็ก สัตว์น้อย สรรพสัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้นนั่นแหละ พลังแห่งการแผ่เมตตาบารมีนี้มีอานุภาพยิ่งใหญ่ เป็นพลังแห่งพุทธานุภาพ เป็นพลังฝ่ายบุญกุศล การสวดมนต์ ไหว้พระนั่งสมาธิ และแผ่เมตตาบ่อยๆ จะทำให้จิตมีความแข็งแกร่ง พลังแห่งการแผ่เมตตาก็จะมีอานุภาพที่แรงครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างขวางยิ่ง ขึ้น นั่นย่อมหมายถึงไปสู่สรรพสัตว์มากจำนวนยิ่งขึ้นตามเบื้องต้นสามารถพิสูจน์ ได้จริง ไม่ว่ามด ยุง แมลง ฯลฯ ล้วนต้องการ และแสวงหาพลานุภาพแห่งเมตตาอย่างหิวโหยจริง เช่นผู้ปฏิบัติธรรมบางคนพบว่ามีมดขึ้นมาเกาะบนกลดขณะที่ท่านกำลังที่ภาวนา อยู่จำนวนมาก หรือมียุงมากัดจำนวนมากขณะนั่งสมาธิ แต่เมื่อท่านกล่าวแผ่เมตตาให้แล้ว พวกเขาเหล่านั้นก็จะจากไปของเขาเอง ไม่ทำร้าย ไม่รบกวนเราอีกเหตุเพราะพวกเขาได้รับแล้วนั่นเอง ลักษณะเช่นนี้จะเป็นเรื่องเดียวกันกับที่ครูบาอาจารย์ที่กล่าวไว้ว่า พวกมด ยุง แมลง นั้นพวกเราสามารถพูดกับเขาได้นั่นเอง เมื่อเราทำให้สรรพสัตว์ทั้งหลายที่ได้ทุกข์หลุดพ้นจากทุกข์ ช่วยให้สรรพสัตว์ที่ได้สุข ให้ได้สุขยิ่งๆขึ้นไป เราก็ได้อานิสงส์แห่งการนี้ตอบคืน อานิสงส์เช่นนี้ เป็นอานิสงส์ที่ก่อให้เกิดบารมีที่ยิ่งใหญ่มากทีเดียว เราเรียกว่า “ อานิสงส์ทางทิพย์”
5. ได้อานิสงส์จากพรเทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์
ทุก ครั้งที่เราสวดมนต์ หลังจากสวดบทบูชาพระรัตนตรัยแล้ว เราก็มักจะสวดบทชุมนุมอัญเชิญเทวดาเสมอ (สักเคฯ) เป็นการบอกกล่าวอัญเชิญเทวดาให้มาร่วมพิธีการสวดมนต์ เทวดาเทพ เทพารักษ์ทั้งหลายโปรดการฟังสวดมนต์มาก เพราะถือเป็นพิธีกรรมแห่งพุทธที่มีมนต์ขลังมีความศักดิ์สิทธิ์ ดังที่ได้เรียนไปแล้ว บทสวดทุกบทเป็นอักขระ มีพลังพุทธานุภาพสูง ใครได้ยินได้ฟังได้ซึมซับก็จะเกิดความสว่างไสว เกิดพลังบารมี มนุษย์ที่สวดมนต์ไหว้พระประจำเทวดา จึงเป็นที่โปรดปรานของเทวดา ไปที่ไหนมีเทวดาปกป้องคุ้มครอง
ให้โชคให้ลาภ ให้ความมั่งมีสีสุขคนโบราณจึงย้ำหนักหนาให้ลูกหลานสวดมนต์ก่อนนอน นี่คือความหมายที่แท้จริงของการสวดมนต์ก่อนนอน เทวดาก็ต้องการสร้างบารมีของตนให้สูงยิ่งๆ ขึ้นไปเช่นกัน เมื่อเราสวดมนต์ ไหว้พระ แผ่เมตตา ทำให้เทวดาได้บารมีเพิ่ม ได้ความสว่างเพิ่ม เทวดาก็จะอำนวยอวยพรชัยมงคลให้กับเรา เป็นการตอบแทนคุณเรา หากเราสังเกตให้ดี เราจะพบว่า ทุกพิธีกรรมทางพุทธศาสนาตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบันจะต้องเกี่ยวข้อง เชื่อมโยงกับเทวดาเสมอ ก่อนเริ่มพิธีกรรมจึงต้องมีการสวดบวงสรวงอัญเชิญทวยเทพเทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์มาร่วมพิธีก่อนเสมอ พุทธองค์ทรงสำเร็จมรรคผลด้วยทวยเทพ เทวดาช่วยเหลือ ชี้แนะ ในทางกลับกันเทวดาก็พึ่งพาธรรมจากพุทธองค์ หรือพุทธสาวก เพื่อสร้างบารมี ชี้ทางสว่างเสมือนน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า องค์ทวยเทพเทวากับพุทธศาสนาจึงแยกกันไม่ออก เป็นของคู่กัน
6. สามารถแผ่เมตตาช่วยคนเจ็บป่วยได้
อานิสงส์ การแผ่เมตตานั้น นอกจากสรรพสัตว์และดวงวิญญาณทั้งหลายแล้ว มนุษย์ทั่วไปที่นอนเจ็บป่วยทนทุกข์ทรมานก็สามารถรับอานิสงส์ของการแผ่เมตตา ได้ โดยให้เรากล่าวว่า ดังนี้ “ อานิสงส์ของการสวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ ของข้าพเจ้าในวันนี้ ขอส่งให้ (ชื่อ-สกุล ผู้ป่วย)” เพียงเท่านี้เองก็จะก่อให้เกิดผลดีต่อผู้ป่วยมหาศาล โดยเฉพาะผู้แผ่เมตตาเป็นผู้บุญบารมีมากยิ่งก่อให้เกิดผลเร็วขึ้น โดยมาตรฐานที่จะให้เกิดผลสมบูรณ์ ให้ทำติดต่อกัน 33 วัน สภาพร่างกายและอำนาจจิตของผู้ป่วยก็จะดีขึ้นอย่างชัดเจน แม้บางรายสังขารจะไม่ดีก็ตาม ความทุกข์ทรมานจะลดลงจิตจะดี คนเราเมื่อจิตดีก็มีความสุข อย่างไรก็ดีต้องทำความเข้าใจหลักของเวรกรรมแต่ละคนด้วย (ผู้ป่วย) ผู้ป่วยบางรายอาจจะยกเว้นไม่เป็นไปตามมาตรฐานนี้ อันเนื่องจากอยู่ในภาวะชดใช้กรรมของเขาเอง และอีกประการหนึ่งให้เข้าใจในเรื่องวิถีจิตของผู้ป่วยต้องเปิดด้วย ถ้าจิตปิดก็รับไม่ได้ แต่หากผู้ป่วยเป็นผู้ปฏิบัติธรรมแล้วก็จะยิ่งเกิดผลเร็วทันตาเห็น ใช้เวลาเพียง 16 ถึง 24 วันเท่านั้นก็เพียงพอ นั้นหมายถึงเขาเปิดประตูจิตไว้รออยู่แล้วนั่นเอง อย่างไรก็ตาม ความเป็นสายเลือดสายโลหิตระหว่างผู้แผ่อานิสงส์และผู้ป่วย ก็เป็นข้อยกเว้นพิเศษอีกเช่นกัน เพราะความเป็นสายเลือดการส่งอานิสงส์บุญกุศลจะยิ่งรวดเร็วที่สุด
เกิดอานุภาพแรงที่สุดเช่นกัน
ดัง กล่าวมาข้างต้น คงพอจะทำให้ทุกท่านเข้าใจ เรื่อง อานิสงส์ หรือ ประโยชน์ที่จะรับจากการสวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ ตลอดจนการแผ่เมตตาเป็นอย่างดีแล้ว อย่างไรก็ดีนี่เป็นเพียงประโยชน์เบื้องต้นเท่านั้น
ความจริงแล้วมีอานิสงส์ที่จะได้รับทางอ้อม ทางลึกอีกมากมายกว่านี้นักแต่เป็น “ ปัจจัตตัง” ของแต่ละคนไป
การอ่านบรรยายข้างต้นเชื่อว่าสามารถทำให้ท่านเข้าใจได้แต่จะให้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง ท่านต้องปฏิบัติเอง
ธรรมะคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่มีเครื่องมือชนิดใดสามารถมาวัดประสิทธิภาพ วัดความจริงได้
เป็นเรื่องเหนือวิทยาศาสตร์ ต้องวัดผลด้วยการปฏิบัติเอง
“ สิบปากว่า สิบตาเห็น ไม่เท่าเราลงมือทำเอง”
เอวัง ... ด้วยประการฉะนี้
22 กันยายน 2552 21:39 น.
ลุงเอง
# ซิกมุนด์ ฟรอยด์ นักจิตวิทยาชาวออสเตรียเสียชีวิต (23 กันยายน พ.ศ. 2482)
# วันเกิด จอห์น โคลเทรน นักเทเนอร์แซ็กโซโฟนแจ๊สผู้ยิ่งใหญ่ชาวอเมริกัน (23 กันยายน พ.ศ. 2469)
# ฟูจิโกะ เอฟ. ฟูจิโกะ นักวาดการ์ตูนชาวญี่ปุ่นเสียชีวิต (23 กันยายน พ.ศ. 2539)
# รัฐบาลไทยได้ตั้งหน่วย ยุวชนทหาร (23 กันยายน พ.ศ. 2479)
# มีการค้นพบ ดาวเนปจูน หรือ ดาวเกตุ (23 กันยายน พ.ศ. 2389)
เบื้องหลังและเบื้องหน้า-วิสา คัญทัพ กวีประชาชน ขณะกำลังกล่าวปราศรัย ขับขานบทกลอนเคียงข้างไพจิตร อักษรณรงค์ เพื่อนคู่ชีวิตที่มาขับขานบทเพลงปลุกพลังประชาชนเสื้อแดง บนเวทีสนามหลวงช่วงเช้าวันนี้ ทั้งคู่ยืนหยัดเคียงข้างฝ่ายประชาธิปไตยอย่างโดดเด่น
สู้..สุดชีวิต..สุดจิตใจ
วันนี้แดง นัดแดง สำแดงสิทธิ์
เชิญมิ่งมิตร พวกพ้อง เดินคล้องแขน
แดงกระจายหลายจุดแม้สุดแดน
ก็จะแน่นเนื่องหนุนอบอุ่นใจ
มาแดงเดือด งดงาม สนามหลวง
ทั้งมาทวงอำนาจคืนใครยื่นให้
ชัดว่าคบกันปล้นมวลชนไป
ปล้นประชาธิปไตยไม่ให้มี
เราจะแดงโดยสันติและสงบ
โดยเคารพทั้งรักในศักดิ์ศรี
แดงแม้เลือดรินพร้อมก็ยอมพลี
สู้มาแล้วหลายปีพี่น้องไทย
สู้เพื่อไทย สู้เพื่อชาติ อย่างอาจหาญ
ประชาชนก่อการไม่หวั่นไหว
กระสุนลั่นเปรี้ยงปังขึ้นครั้งใด
ก็รู้ใช่ เผด็จการ สังหารคน
ก็รู้ใช่ ว่ายิ่งใกล้ ชัยชนะ
อธรรมพ่าย ธรรมะ ทุกแห่งหน
พลังแดงจักไม่ค้อมยอมจำนน
จักสู้จน สุดชีวิต สุดจิตใจ.
20 กันยายน 2552 23:37 น.
ลุงเอง
วันที่ 21 กันยายน เป็นวันที่ 264 ของปี (วันที่ 265 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 101 วันในปีนั้น
เหตุการณ์
พ.ศ. 1211 (ค.ศ.668) - ราชวงศ์โกคูรยอที่ปกครองเกาหลีมานากว่า600ปีได้สิ้นสุดลงเพราะเสียเอราชแก่ชิลลา
พ.ศ. 2335 (ค.ศ. 1792) - การปฏิวัติฝรั่งเศส: สภาแห่งชาติฝรั่งเศสลงมติยกเลิกระบอบราชาธิปไตย สาธารณรัฐที่ 1 จึงถือกำเนิดขึ้น
พ.ศ. 2469 (ค.ศ. 1926) - พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการจัดตั้งกรมรักษาสัตว์น้ำขึ้น โดยสังกัดในกระทรวงเกษตราธิการ ซึ่งพัฒนามาเป็นกรมประมงในปัจจุบัน
พ.ศ. 2480 (ค.ศ. 1937) - ฮอบบิท นวนิยายย้อนอดีตของ ลอร์ดออฟเดอะริงส์ โดย เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน วางจำหน่ายเป็นครั้งแรก ภายในเล่มบรรจุภาพวาดขาว-ดำที่วาดโดยโทลคีนอยู่หลายภาพ
พ.ศ. 2496 - ดาอุด เบอเรอเอะห์ ประกาศสถาปนารัฐอิสลามแห่งอินโดนีเซียขึ้นที่อาเจะห์และได้ต่อสู้กับฝ่ายสาธารณรัฐอินโดนีเซียจนถึง พ.ศ. 2505
พ.ศ. 2545 (ค.ศ. 2002) - สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินไปในงานเฉลิมพระเกียรติเพื่อทรงรับการทูลเกล้าฯ ถวาย "รางวัลหลุยส์ ปาสเตอร์" จากคณะกรรมาธิการหม่อนไหมระหว่างประเทศ ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเทิดพระเกียรติคุณที่ทรงมีต่อวงการหม่อนไหมโลก
พ.ศ. 2546 (ค.ศ. 2003) - หลังจาก 14 ปี ตั้งแต่เดินทางจากออกจากโลก ภารกิจของยานกาลิเลโอสิ้นสุดลง เมื่อยานถูกบังคับให้ทำลายตัวเองในบรรยากาศของดาวพฤหัสบดี