2 มิถุนายน 2552 20:14 น.
ลุงเอง
P.O.P. - อยากหลับตา
Intro : E / G#m / F#m7 / Adim
E / G#m / F#m7 / A
E G#m F#m7 Amaj7
คงจะเป็นฝัน คงได้แค่นั้น ที่ฉันและเธอ นั้นรักกัน
E G#m F#m7 A
มีแต่ความหวาน ในคืนที่ความฝัน ที่ฉันต้องการ เก็บไว้
G#m C#m G#m A
* ความเป็นจริงที่เจอนั้น เธอมีคนที่รู้ใจอยู่ข้างเธอ
E G#m7 G#7 C#m B6 A
** อยากหลับตา และนอนหลับชั่วนิรันดร์ เพื่อจะสานต่อ
G#m F#m7 A
เพื่อว่าความฝัน ที่สวยงาม ของหัวใจ
E G#m7 G#7 C#m B6 A
อยาก...พบเจอเธอ แม้จะเป็นแค่เพียงในฝัน
G#m F#m7 Adim
ตราบใด ที่ยังมีเธอ ฉันจะขอนอนอยู่อย่างนั้น
Instru : E / G#m / F#m7 / A
E G#m F#m7 Amaj7
ในค่ำคืนนี้ คงจะมีหวัง ได้พบเธอ อยู่ในฝัน
E G#m F#m7 A
มีแต่ความหวาน ในคืนที่ความฝัน ที่ฉันต้องการ เก็บไว้
( * , ** )
Instru : E / G#m C#7 / F#m7 / Adim
E / G#m C#7 / F#m7 / Am7-5 Adim
G Bm B Em D C
*** อยากหลับตา และนอนหลับชั่วนิรันดร์ เพื่อจะสานต่อ
Bm Am7 C
เพื่อว่าความฝัน ที่สวยงาม ของหัวใจ
G Bm B Em D C
อยาก...พบเจอเธอ แม้จะเป็นแค่เพียงในฝัน
Bm Am7 Cdim
ตราบใด ที่ยังมีเธอ ฉันจะขอนอนอยู่อย่างนั้น
G Bm B Em D C
อยาก...พบเจอเธอ แม้จะเป็นแค่เพียงในฝัน
Bm Am7 Cdim
ตราบใด ที่ยังมีเธอ ฉันจะขอนอนอยู่อย่างนั้น
Outro : G / Bm / Am7 / C (3 times)
G / Bm . . . [Fade Out]
24 พฤษภาคม 2552 18:10 น.
ลุงเอง
โดนใจมากๆ 5555555+
NINE WORDS WOMEN USE -เก้าคำกำกวมของผู้หญิง
(1) ดี,โอเค: คำนี้ผู้หญิงใช้ปิดการโต้เถียงตอนที่เธอมั่นใจว่าเป็นฝ่ายถูก และคุณต้องหุบปากซะ
(2) ห้านาทีนะ: ถ้าหล่อนกำลังแต่งตัว นี่จะหมายถึงชั่วโมงครึ่ง แต่ห้านาทีก็คือห้านาทีถ้าเธอเพิ่งยอมให้คุณดูบอลต่ออีกห้านาทีแล้วค่อยไปช่วยเธอทำงานบ้าน
(3) ไม่มีไร: นี่คือความสงบก่อนพายุจะเข้า มันแปลว่า"มีอะไร"แน่ ๆ ขอให้เตรียมตัวได้เลย การโต้เถียงที่เริ่มด้วย "ไม่มีไร" มักจะไปจบลงที่ "ดี,โอเค"
(4) ก็เอาดิ,เอาเลย: นี่เป็นคำท้า ไม่ใช่คำอนุญาต อย่าทะลึ่งทำเป็นอันขาด!
(5) ทำเสียง ชิ,ฮึ,จึ๊ ฯลฯ ออกมาดัง ๆ: มันมีความหมายแน่นอน แต่อวจนภาษามักทำผู้ชายเข้าใจผิด เสียงพวกนี้หมายความว่าเธอกำลังคิดว่าคุณแม่งซื่อบื้อเหลือทน และไม่เข้าใจว่าจะมาเสียเวลายืนเถียงกับคุณเรื่อง"ไม่มีไร"แบบนี้ทำไม (กลับไปดู "ไม่มีไร" ที่ข้อ 3)
(6) ไม่เป็นไร: นี่คือสถานะอันตรายสุด ๆ ที่ผู้หญิงจะมีต่อผู้ชายแล้ว "ไม่เป็นไร"แปลว่าเธอต้องคิดดูก่อนอย่างนานและอย่างหนักว่าคุณต้องชดใช้อะไร อย่างไร และเมื่อไหร่ ในความผิดที่คุณก่อไว้
(7) ขอบคุณ: ถ้าผู้หญิงขอบคุณ อย่ามีคำถาม อย่ามัวทำเฉย ตอบรับคำเขาไปดี ๆ (แต่ขอเพิ่มหน่อยว่า ถ้าผู้หญิงพูดว่า "ขอบคุณมาก" อันนี้ประชดเต็มดอก เธอไม่ได้ขอบคุณอะไรเลย อย่าได้ทะลึ่งตอบรับ ไม่งั้นคุณจะเจอกับ "เออ เอาเหอะ")
(8) เออ เอาเหอะ: เป็นวิธีที่เจ้าหล่อนจะพูดกับคุณว่า ไอ้เหี้ย!
(9) อย่าห่วงเลย,อือ เข้าใจละ: อีกหนึ่งสถานะอันตราย หมายความว่านี่คือบางอย่างที่เธอบอกให้คุณทำมาหลายครั้งละ แต่คราวนี้เธอจะทำเอง ซึ่งเดี๋ยวคุณก็จะถามว่า "เป็นไรอะ" แล้วคุณก็จะเจอกับข้อ 3.
* ส่งให้ผู้ชายทุกคนที่คุณรู้จัก เขาจะได้เลี่ยงอันตรายจากการโต้เถียง ถ้าเขาจำความหมายเหล่านี้ได้.
* ส่งให้ผู้หญิงทุกคนที่คุณรู้จัก เธอต้องฮาแน่ ๆ เพราะเธอรู้ว่ามันจริงทั้งนั้น!!!
19 พฤษภาคม 2552 20:47 น.
ลุงเอง
ชีวิตที่เลือกเกิดไม่ได้ ยายละเมียด ชุมชนมหาดไทย 1
การัญ เพิ่มลาภ - [ 16 มิ.ย. 49, 11:04 น. ]
การต่อสู้ดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองและครอบครัวได้อยู่รอดในสังคม สำหรับคนจนแล้วถือว่าเป็นการต่อสู้ที่แสนเจ็บปวดและมีอุปสรรคมากมาย บางคนอาจมีความเชื่อเรื่องบุญวาสนา หรือการเป็นกรรมเก่า แต่ถ้ามองในเชิงโครงสร้างทางสังคม สิ่งเหล่านี้เป็นประเด็นน่าศึกษายิ่ง
คนจนถือว่าเป็นบุคคลชนชั้นล่าง (แบ่งตามโครงสร้างทางสังคม) บุคคลเหล่านี้แต่ชาติก่อนทำบุญมาน้อยจริง? หรือว่า เป็นกรรมแต่ชาติปางก่อน ทำให้ชาตินี้ต้องชดใช้กรรม นี่เป็นการมองจากความเชื่อทางไสยศาสตร์ แต่ถ้ามองลึกในเชิงวิทยาศาสตร์ สิ่งเหล่านี้เกิดจากการกระทำจากโครงการสร้างทางสังคม ที่กดทับไม่ให้พวกเข้าได้มีโอกาสต่อสู้ เพื่อการดำรงชีวิตที่ดีกว่านี้ ไม่ว่าจะเป็นระบบการศึกษา ระบบทางเศรษฐกิจ ระบบทางการเมือง ฯลฯ
ยายละเมียด วัย 61 ปี มีบุตร 3 คน เป็นคนกรุงเทพฯ โดยกำเนิด ปัจจุบันอาศัยอยู่กับหลาน 2 คน ซึ่งแม่เด็กก็คือลูกแท้ๆ ของลูกสาวที่คลอดและทิ้งไว้ให้เป็นภาระ ยายละเมียดอาศัยอยู่ในชุมชนมหาดไทย 1 มาเป็นเวลา 3 ปี แต่ก่อนยายมีอาชีพขายขนมครกรายได้ก็พอจุนเจือครอบครัว แต่หลังจากสามีได้เสียชีวิตไป (ประมาณ 10 ปี) ยายละเมียดก็ต้องรับภาระในครอบครัวเพียงคนเดียว
สำหรับจุดเปลี่ยนชีวิตของยายละเมียด คือเมื่อครั้งลูกสาวได้แต่งงาน ตัวลูกเขยเป็นคนไม่รับผิดชอบจึงหลอกยายละเมียดขายบ้านแล้วก็โกงเงินค่าบ้าน ยายละเมียดได้เงินประมาณ 100,000 บาท จึงตัดสินใจซื้อบ้านในชุมชนมหาดไทย 1 เพื่ออาศัยอยู่กับหลานวัย 12 ปี และรับจ้างเลี้ยงเหลน (ลูกของหลาน) มีรายได้เดือนละ 1,500 บาท
รายได้ยายละเมียด ประมาณเดือนละ 1,500 บาท นั้นพอเพียงสำหรับการดำรงชีวิตไหม ไหนจะค่าเล่าเรียนของหลาน วันละ 20 บาท (ค่ารถ 10 บาท ที่เหลือเป็นค่าขนมอาหารกลางวันรับประทานที่โรงเรียน)
ยายละเมียด มักตอบว่า ไม่พอแล้วจะเอาที่ไหน สำหรับลูกของยายที่เลี้ยงมาเติบโตมีครอบครัวมีฐานะทั้ง 3 คน ยังไม่ดูแลยายเลย จะมาบ้างก็ปีละครั้ง มาก็ไม่รู้มาทำไม มาเพื่อคิดถึงหรือมาตามหน้าที่ เงินก็ไม่เคยส่งมาช่วยเลี้ยงหลาน “พูดแล้วป้าก็ร้องไห้แบบไม่อายใคร” ที่ มีชีวิตอยู่ก็เพื่อหลาน กลัวหลานอด กลัวหลานลำบาก บางวันถ้าไม่มีเงินจริงๆ ก็ต้องไปกู้เงินในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 20 ที่สำคัญ กลัวว่าถ้าตายไปแล้วไม่รู้เขาจะอยู่กับใคร อดทนต่อสู้ต่อไป ข้าวปลาอาหารก็กินตามมีตามเกิด บ้างครั้งก็ได้จากเพื่อนบ้าง บุคคลใจบุญให้บ้าง
เด็กชายวัชรพงษ์ บุญวิภักดิ์ อายุ 12 ปี เกิดมาไม่เคยเห็นหน้าพ่อ มีแต่แม่คนเดียว หลังจากเลิกเรียนก็ต้องมาดูแลหลานที่คุณยายรับจ้างเลี้ยงไว้ พร้อมทำความสะอาดบ้าน หรือช่วยงานบ้านต่างๆ เช่น ล้างจานและงานอื่นๆ เท่าที่จะทำได้ เพื่อแบ่งเบาภาระยาย เพราะสงสารยาย กลัวยายเหนื่อย น้องวัชรพงษ์บอกว่า ผมมีพ่อแม่ก็เหมือนไม่มี เคยเห็นแต่หน้าแม่หน้าตาพ่อเป็นอย่างไรไม่รู้ คุณยายบอกคำเดียวว่าพ่อตายแล้ว
น้องวัชรพงษ์คิดในใจว่า พ่อตายจริงหรือเป็นการพูดเพื่อประชดชีวิตของคุณยาย ถามน้องว่าระหว่างแม่กับยายรักใครมากกว่ากัน น้องตอบแบบไม่ต้องคิดมาก “บอกว่ารักยายครับ” เพราะยายเลี้ยงผมมาตั้งแต่เล็ก แต่ถ้าเป็นไปได้ยากเจอหน้าพ่อแม่และยากอยู่กันแบบครอบครัวเท่านี้ก็มีความสุข
น้องวัชรพงษ์วาดฝันไว้ว่า อนาคตจะตั้งใจเรียนหนังสือให้เก่งๆ เพื่อจะได้ทำงานดีๆ มีเงินเลี้ยงยาย ถ้ามีโอกาสอยากจะเป็นทหาร เพราะการเป็นทหารคือการเสียสละและมีความอดทน และได้ทำอะไรเพื่อประเทศชาติหรือทดแทนคุณที่เราเกิด เห็นการเสียสละของทหารแล้วมีความสุข การเรียนปัจจุบันถือว่าใช้ได้ แต่อนาคตถ้าไม่มีคุณป้าหรือเงินในการเล่าเรียนในระดับที่สูงกว่านี้ ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร
ชีวิตของยายละเมียดและน้องวัชรพงษ์ ถ้าพูดถึงบุญวาสนาหรือกรรมเก่าแต่ชาติปางก่อนคงจะมีกรรมเยอะนะ แต่ถ้ามองกับไปถึงระบบโครงการสร้าง การศึกษาถือว่าเป็นหัวใจของการพัฒนา ภาครัฐหรือส่วนที่เกี่ยวข้องต้องกับมามองระบบการศึกษาเสียใหม่
ถาม ว่า ระบบการศึกษาในปัจจุบันดีไหมตอบได้เลยว่าดี แต่ก็มีบางส่วนที่ต้องแก้ไข เช่น ความเสมอภาคของระบบการศึกษา ระหว่างสังคมเมืองกับสังคมชนบท เด็กในเมืองมีโอกาสที่ดีมากมาย มีโรงเรียนกวดวิชา มีอุปกรณ์การศึกษาที่เพียบพร้อม ส่วนเด็กชนบทแค่เปรียบเทียบด้านอุปกรณ์การศึกษาก็แย่แล้ว ปากกับนโยบายก็บอกว่าจะปฏิรูปการศึกษาแต่การปฏิบัติกลับตรงกันข้าม ทำให้การศึกษาของไทยมีปัญหามากมายไม่ว่าประเด็นข่าวตามหน้าสื่อสิ่งพิมพ์ นักศึกษาบางรายยอมขายบริการทางเพศ เพื่อจะได้เงินมาบริโภคสินค้าฟุ่มเฟือย หรือโลกของวัตถุนิยมสมัยใหม่
การแก้ปัญหานี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ปวดหัวจนไม่มีเวลาทำอะไรแล้ว ทำไมจึงเกิดปัญหาก็เพราะการศึกษาของไทยสอนให้เด็กและเยาวชนซึ่งเป็นทรัพยากร บุคคลที่มีค่าของชาติ คิดได้เพียงในกรอบ (1+1 จะต้องเป็น 2 นี่คือสูตรสำเร็จตายตัว ทำไมไม่เป็น 3 หรือ 4 อะไรก็ได้ที่เด็กคิด)
เด็กจากมหาวิทยาลัยดังๆ หลายแห่งจบออกมา เห็นแก่ตัว ขาดการดูแลเอาใจใส่สังคม ไม่เหลียวแล ไม่รับรู้ปัญหา รู้แต่เพียงอย่างเดียวขอให้ตนเองและครอบครัวมีความสุขก็พอ นี่คือระบบการศึกษาของไทย หรือถ้าจะมองให้เห็นภาพที่ชัดเจน คือ การไปก๊อบปี้ระบบการศึกษาจากหลายๆ ประเทศ มารวมกันแล้วปรับใช้ เพื่อจะบอกกับสังคมโลกว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งตรงกันข้ามการปูพื้นฐานเพื่อการรองรับสิ่งใหม่ของระบบการศึกษาเป็นสิ่ง ที่สำคัญ แต่ของเรากลับลืมมองจุดนี้ไป ฉะนั้น จึงควรกลับมาทบทวนและเริ่มต้นใหม่ของระบบการศึกษาไทย เพื่อให้มีอนาคตที่ดีกว่า “คิดใหม่ทำใหม่เพื่อคนไทยทุกคน”
“นี่มันเป็นกรรมเก่าของยายละเมียดกับน้องวัชรพงษ์ หรือการกดทับทางสังคมทางด้านการศึกษา หรืออื่นๆ ที่ตามมามากมาย ที่ใครจะให้คำตอบได้ ”
การัญ เพิ่มลาภ
เจ้าหน้าที่ประสานงานชุมชน มูลนิธิดวงประทีป