29 มิถุนายน 2552 19:42 น.
ลุงเอง
เพลียอะไรไม่เท่าเพลียหัวใจ
ทุกอย่างใช้สมองตรองปัญหา
งานราบรื่นชื่นสุขในวิญญา
มีปัญหาทุกอย่างช่างเหนื่อยใจ
ต้องอดทนแม้ว่างานนั้นหนัก
แม่ยามพักยังต้องตรองแก้ไข
ปัญหาใหญ่ให้เล็กเสร็จทันใด
ทุกอย่างใช้สติและอดทน
ไม่เคยบ่นว่างานยามวิกฤต
หลายชีวิตมารอต้องฝึกฝน
ให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเยาวชน
แม้ต้องข่มจำยอมพร้อมดุดัน
จะมีใครเข้าใจในชีวิต
ที่อุทิศจิตน้อมพร้อมมุ่งมั่น
แม้ถูกด่าถูกว่าใช่สำคัญ
ด้วยงานนั้นหน้าที่คือสร้างคน
28 มิถุนายน 2552 22:57 น.
ลุงเอง
หลังฝนซายามค่ำระกำจิต
ทั่วทุกทิศมืดมนทนเศร้าหมอง
เสียงจั๊กจั่นเรไรที่ร่ำร้อง
อึ่งอ่างพร้อมน้อมผสานกานท์ดนตรี
เสียงสายลมผสมกลิ่นไอฝน
หอมระคนมนฑาไร้แสงสี
มีเพียงดาวพราวนภายามราตรี
ไร้จันทร์ที่ส่องแสงแล้งเหงาทรวง
แว่นยินเสียงเพรียกพร่ำร่ำกรีดปีก
เจ้าจิ้งหรีดกรีดปีกกรี๊ดกรี๊ดสวน
ยามราตรีที่เหงาเศร้านั่งครวญ
เวลาล่วงผ่านกาลยามค่ำคืน
นั่งพิงเสาเรานี้เพียงเอกา
หนาวอุราพาใจให้ข่มขืน
อยากลบภาพอดีตที่เคยชื่น
ยากจะลืมความหลังที่ฝังใจ
22 มิถุนายน 2552 20:53 น.
ลุงเอง
อีกคืนหนึ่งที่เหงาเศร้าดวงจิต
มองแสงดาวกระพริบกลางเวหา
ไร้แสงเดือนเมฆามาบังตา
สายลมพาหนาวเหน็บให้เจ็บทรวง
มองรอบกายเปล่าเปลี่ยวเหลี่ยวแลหา
ไร้เพื่อนมาเป็นเพื่อนเหมือนไม่ห่วง
เพียงส่งใจไปหาเจ้าพุ่มพวง
หวังเจ้าล่วงรับรู้อยู่แก่ใจ
ฝากสายตามาพร้อมล้อมดวงดาว
สุกสกายรอยยิ้มที่สดใส
ซ่อนความทุกข์ดุจเมฆเร้นอยู่ใน
ขอรู้ใจความหมายความคิดถึง
อีกคืนหนึ่งซึ่งแสนแฝงความเศร้า
คงมีเราเดียวดายหมายใจถึง
ส่งให้เจ้าจากแดนไกลให้คนึง
เธอจะซึ้งหรือไม่ให้ระทม
6 มิถุนายน 2552 18:28 น.
ลุงเอง
เด็กคนหนึ่งเข้าค่ายพุทธบุตร
อยู่ในชุดสีขาวช่างสดใส
เพียงใบหน้าบ่งบอกวามเศร้าใจ
สายตาให้บ่งบอกชอกช้ำทรวง
ถึงเวลาได้ทานอาหารแล้ว
เด็กเข้าแถวเรียงตัวพร้อมยิ้มหัว
เด็กคนนั้นน้ำตาใหลอย่างลืมตัว
มือสั่นรัวถือถาดให้บาดใจ
เข้าไปถามด้วยความห่วงใยเด็ก
เหมือนถูกเด็ดดวงใจให้สั่นไหว
เธอบอกเห็นอาหารเศร้าหทัย
น้องอยู่ไกลไม่ได้กินอย่างเธอ
คิดถึงแม่แต่ละมื้อไม่เคยอิ่ม
คิดถึงพ่อยอมให้ลูกเสมอ
มีเพียงน้ำปลาร้าที่พบเจอ
น้ำตาเอ่อมองกับข้าวช่างเศร้าใจ
เด็กคนนั้นกินข้าวกับน้ำตา
ใจถามหาแม่พ่อน้องอยู่ใหน
หากที่นี่อยู่กันไม่ห่างไกล
จะขอไปให้ที่บ้านท่านได้กิน
เป็นเรื่องจริงที่ประสบพบเห็น
น้ำตาเร้นตกข้างใจใช่ใจหิน
ต้องเดินหลีกปลีกตัวน้ำตาริน
ภาพหลังทิ้งบาดใจให้เจ็บทรวง
ข้าวทุกเม็ดต้องหมดไม่ตกเหลือ
โปรดเอื้อเฟื้อเด็กยากจนที่ต้องห่วง
อนาคตของชาติช่างน่ากลัว
หากคนหว่งเพียงแค่แต่ตัวตน
6 มิถุนายน 2552 17:57 น.
ลุงเอง
สัจจธรรมนำชีวิตลิขิตเกิด
บางคนคนเลิศมั่งมีเป็นเศรษฐี
แต่บางคนอับจนไม่เคยมี
แบ่งชนชั้นศักดิ์ศรีมีกับจน
เศรษฐีกินทิ้งขว้างอย่างเหลือทิ้ง
คนจนกินอัตคัดขัดสน
แบ่งกันกินประทังหิวทั่วคน
นี่แหละชนสังคมแห่งคนเมือง
หมาเศรษฐียังกินเนื้อกระป๋อง
ยาจกต้องทนกินเพียงเศษเนื้อ
ลูกเศรษฐีกินกันอย่างเหลือเฟือ
เด็กสลัมกินของเหลือในเหลาดัง
เรื่องความมีน้ำใจไม่เคยเห็น
ดุดั่งเช่นสังคมแต่หนหลัง
ต่างแข่งแย่งกัดฟัดบ้านเมืองพัง
เด็กยากจนนั่งฟังคำหลอกลวง