21 สิงหาคม 2555 13:45 น.
ลุกกวาด7สี
กริ๊งๆๆ เสียงนาฬิกาเจ้ากรรมปลุกเสียงดังพร้อมกับเสียงอีกทึกครึกโครมจากบ้านเจ๊จงข้างบ้าน เฮ้อ 7 โมงเช้าเวลาเดิมของทุกวันที่มาพรากความสุขฉันอีกวันหนึ่งแล้วสินะ เบื่อๆฉันพร่ำบ่นในใจเสมอ เมื่อไหร่จะสบายสักที่เป็นคำถามรอบที่เท่าไหร่ฉันก็จำไม่ได้ที่เฝ้าถามตัวเองแบบนี้ทุกวัน ฉันจำใจต้องลุกจากที่นอนไปอาบน้ำไม่งั้นไปทำงานสายคงมีตกงานกันบ้างที่นี้ ถนนเส้นเดิมที่ฉันได้ใช้เป็นทางสัญจรไปทำงานทุกวันยังคงเต็มไปด้วยผู้คนคุ้นเคย แสงแดดอ่อนเริ่่มเปลี่ยนเป็นร้อนระอุ สายตาของฉันสะดุดกับสิ่งคุ้นตา ลุงชิตคนเก็บของเก่ากับเพิงที่กันแดดกันฝนไม่ได้จะพังเมื่อไหร่ไม่รู้ แกกำลังแยกของที่แกเก็บมา ฉันสังเกตเห็นสีหน้าของแก นี่ฉันตาไม่ฝาดไช่ไหม ดูหน้าแกสิเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความสุขช่างแปลกเหลือเกินท่ามกลางแดดที่ร้อนกองขยะที่ส่งกลิ่นเหม็นแต่ทำไมสีหน้าของแกถึงมีความสุขขนาดนั้น ฉันกลับมาคิดถึงตัวเอง ทำไมฉันไม่เคยรู้สึกแบบนั้นเลย ทำไมฉันไม่มีความรู้สึกมีความสุขเมื่อทำงาน ทำไมฉันไม่เคยมีความสุขกับสิ่งที่ฉันมี ทั้ง งาน ทั้ง เงิน ทั้งที่อยู่ขอฉัน ดีกว่าลุงชิตมากมายนัก ฉันทนเก็บความสงสัยไม่ได้อีกแล้ว ยากจะรู้ความรู้สึกของ ลุงแกเหลือเกินว่าแก ทำได้ยังไง ฉันตัดสินใจ ข้ามถนนไปอีกฝั่งทันทีี
(ฉัน) ลุงๆค่ะลุงชิตค่ะ ทำอะไรยุค่ะเนี้ย
(ลุงชิต) อ่อ นังหนูนั้นเอง กำลังแยกขยะอยู่จ๊ะนังหนู ไม่ไปทำงานเหรอสายแล้วนะ
( ฉัน) ยังทันค่ะลุง เหนื่อยไม่ค่ะแดดร้อนแบบนี้ ดูลุงมีความสุขกับการทำงานของลุงจังเลย
(ลุงชิต) ไม่เหนื่อยหรอกจ๊ ลุงทำทุกวันชินแล้ว ลุงชอบของลุงแบบนี้แหระ ถึงจะไม่ได้เงินเยอะมากมาย ถึงจะอยู่กับสิ่งเน่าเหม็น ถึงลุงจะหากินกลับสิ่งที่คนอื่นเขาทิ้งแล้ว ลุงก็มีความสุขที่ได้ทำ งานทุกอย่างมันไม่ได้ทำให้เราเหนื่อยเราท้อ แต่เป็นที่ตัวเราเองต่างหากล่ะ หนุเอ๊ย ที่ท้อที่เหนื่อย งานไม่เคยทำให้ใครตายเพียงแต่มันทำให้เราท้อบ้างเหนื่อยบ้างเท่านั้น ยังมีอีกหลายคนอีกหลายชีวิตนักที่เขาลำบากกว่าหนู ลำบากกว่าลุงแต่ลุงคิดว่าเขายังคงทำเพราะเขาต้องกินต้องอยุ่เหมือนลุงเหมือนนังหนูนั้นแหระ อีกอย่างนะ งานเก็บของเก่าของลุงยังช่วยลดโลกร้อนด้วยนนะ (สียงหัวเราะของลุงชิตดังขึ้นทำให้ฉันพลอยมีความสุขไปด้วย)ถึงเวลาที่ฉันต้องไปทำงานแหระทำไมวันนี้ฉันรู้สึกรักงานของฉันจังอยากไปถึงที่ทำงานไวๆๆแล้วสิ
(ฉัน) ลุงชิตค่ะ หนูไปทำงานก่อนนะค่ะ ว่างหนูจะแวะมาคุยด้วยใหม่ค่ะ
(ลุงชิต) เดินทางปลอดภัยนะนังหนู (ลุงชิตกล่าวด้วยท่าทีที่ทความสุขเช่นเคย)
(ฉัน) ขอบคุณค่ะคุณลุง (ฉันยิ่้้มตอบคุณลุงด้วยหัวใจที่อิ่ีมเอม)
ณ เวลานี้ฉันบอกกับตัวเองว่า ฉันจะไม่ท้อจะไม่บ่นจะไม่โทษตัวเองจะไม่วิ่งไม่ดิ้นรนให้ตัวเองรุ้สึกไม่มีความสุขอีกแล้ว ฉันจะพอใจในสิ่งที่ฉันมีและในสิ่งที่ฉันเป็น ขอบคุณลุงชิตที่ทำให้ฉันตาสว่างให้เห็นโลกแห่งความจริงและความสุข ลุงชิตสอนให้ฉันรุ้ว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นใครร่ำรวยมาจากไหนมีจนยังไง ความสุขมันไม่ได้ว่าจากสิ่งรอบๆตัวคุณ แต่ความสุขทั้งหลายมันเกิดจากตัวคุณเองทั้งสิ้น ขอบคุณ ลุงชิต ขอบคุณ พ่อกะแม่ ที่ทำให้หนูมีความสุข ขอบคุณค่ะ
20 สิงหาคม 2555 16:28 น.
ลุกกวาด7สี
เย๊ๆๆ วันเสาร์แล้ว ตื่นๆพวกเรา เที่ยวกันๆ เสียงนาฬิกาปลุกเสีงดังสนั่น ณ เวลา 6 โมงเช้า พวกเราทั้ง 5 คนต่างเตรียมข้าวของขึ้นรถเพื่อเตรียมตัวไปสุราษฎร์ ว๊าวๆดีใจจังเลยนี่เราจะได้เที่ยวแล้ว คิดขึ้นมากHกระปรี่กระเปร่าขึ้นมาทันที อิอิ แก๊งคนจร ออกเดินทางได้ๆ เราใช้เวลาเดินทางจากภุเก็ต มาถึงเขื่อนรัชชประภา ใช้เวลา 3 ชั่่วโมง มาถึงเขื่อนก้อเที่ยงเราทั้งห้าเลย หามุมถ่ายรูปสักหน่อย โอ้โห สวยจังเลย วิวที่เห็นอยู่ข้างหน้าไม่อยากเชื่อเลยเมืองไทยก้มีเหรอเนี้ย ทะเลน้ำจืดชัดๆสีเขียวเหมือนมรกต เอ้าพวกเราถ่ายรูปๆ กำลังโพสท่าสวยๆๆเสียงโทรศัพท์ดังมาสะงั้น อ่อ ได้เวลาลงเรื่อ ไปแพแล้วนี่่น่า พวกเราทั้งห้า ช่วยกันขนสัมภาระลงเรือ ซึ่งเราได้เช่าเหมาลำไว้แล้ว มีคนขับเรื่อดูท่าทางพี่แกใจดีมาก พี่แกเริ่มให้สัญญาณ ว่าเรือจะออกแล้ว พวกเราก้อเตรียมตัวใส่ชูชีพกันยกใหญ่ ก็คนมันกลัวนี่น่า วิวสวยมากก เสียงชาวแก็งส์เริ่มพูดคุย กัน ผิวน้ำที่เห็นใสมากเป็นสีมรกต รายล้อมด้วยภูเขาที่เป็นหินปูน พร้อมต้นไม้ที่เขียวชอุ่มเราใช้เวลาเดินทางจากฝั่งไปถึงแพที่เราพัก 1 ชั่วโมงพอดี เพราะพี่คนขับเรือแกใจดีให้ชมวิวไปด้วย พอถึงแพพวกเหล่า สมาชิกทั้ง4 ไม่รอรีเรียบเปลี่ยนเสื้อผ้า เก็บของ ลงเรือแคนู ที่ทางแพจัดไว้ให้ พายออกไปสำรวจวิวอย่างรวดเร็ว เราทั้ง 4 แข่งกันพายเรือ จนเหนื่อยเราไปหยุดที่เกากลางน้ำแล้วเราเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน อ่อลืมบอกทามกลางสายฝนดปรยปราย ว๊าววสนุกจิงๆส่วนสมาชิกอีกคนของเรา ได้หนีไปตกปลาตามระเบียบ พวกเราเล่นน้ำกันสักพักก็พากันพายเรือกลับแพ พอถึงก็ผูกเรือเรียบร้อยแล้วลงเล่นน้ำที่หน้าแพอีกจนเย็น สักพักพนักงานของแพที่พักเดินมาบอกว่าให้ทานอาหารเย็นสามารถเลือกเวลาทานได้ พวกเราตกลงเราว่าจะทาน ตอน6 โมงเย็น หิวๆเหล่าสมาชิกเริ่มมีอาการหิวแล้ว ไปทานข้าวกัน มีอะไรทานมั้งน่า โห แกงส้ม ไขเจียว ผักผัด ปลาทอดตัวใหญ่ๆน่ากินจัง อ่อลืมบอกว่าที่แพเขาทานมังสววิรัตค่ะ ทานปลาทานผัก เวลาผ่านไปพวกเราเริ่มทยอยลุกจากโต๊ะกินข้าวไปเดินเล่นที่แพ นอนบ้างนั้งบ้างดูแสงดาวยามคำคื่นยอมรับว่าดาวที่สวยมากๆไปๆๆมา เริ่่มง่วงแล้วดิ อากาศดีมากลมพัดจนหนาวเลย ที่นี่จะมีไฟฟ้าให้ใช้ได้ตั้งแต่ หกโมงถึง สี่ทุ่มเท่านั้น เพราะเขาปั่นไฟใช้ค่ะ แต่ก็ไม่เป็นปัญหาเพราะอากาศที่หนาวเย็นท่ามกลางป่าเขาและพื้นน้ำชั่งทำให้เราหลับสบายอะไรเช่นนี้ เสียงไก่ป่าและชะนีนับ สิบตัวต่างส่งเสียงก้อง อ้าว เช้าสะแหระ ไม่อยากตื่นเลยอะ เจ้าหน้าที่คนเดิมเดินมาบอกว่าอาหารเช้า เสร็จแล้ว แต่ว่ายังไม่มีใครหิวเลย พวกเราทั้งห้ามุุ่งหน้าสู่โต๊ะกาแฟ อันเย้ายวน อิอิ ก็มันหอมนี่น่า บางคนก็กาแฟ บางคนก็โอวัลติน ไม่ต้องแย่งกันจ๊ ได้ดื่มทุกคน ส่วนเรา 2 แก้วเลย ก็ของฟรีเนอะเลยเต็มที่เลย เที่ยงแล้ววไม่อยากกลับเลย ไม่กลับไม่ได้สิ ก็เรือลำเดิมมาจอดเทียบท่ารอแล้วนิ อิอิ ขากลับพวกเราแวะชมวิวไปตลอดทางเพราะพี่คนขับเขาใจดีพาชมแบบไม่อั้น ตามคำขอ ประสบการณ์ 2 วัน1 คืนที่เขื่อนรัชชประภา ช่างมีความสุขจนไม่อยากกลับภุเก็ตเลย พวกเราทั้งห้าคนตกลงกันว่าอีกไม่นานเราจะมาอีกแน่นอน ก็ใครจะไปอดใจได้ล่ะ ทั้งบริการที่แสนจะประทับใจ วิวที่สวยงาม ที่พักที่แสนจะสบาย พี่คนขับเรือที่แสนดี พวกเราสัญญา ว่าเราจะกลับมาอีกแน่นอน อยากตะโกนดังๆว่า ธรรมชาติพวกเรารักคุณณณณ