12 มกราคม 2549 22:16 น.
ลิ้มกิมฮวง
"สงครามพาพินาศทุกเคหาสน์ถูกทำลาย
ไฟศึกเมื่อยามวายหลงเหลือเถ้าตะกอนถ่าน
ยามอรุณใกล้รุ่งไร้คนมุ่งสู่สายธาร
จันทร์เลือนลับเมฆม่านใต้พื้นทรายใจรอนๆ"
ณ หมู่บ้าน เล้งซาน ในฤดูหนาวหิมะโปรยปรายขาวโพนทั่ว เหล่าดอกบัวเบ่งบานในยามเช้า ต้นไม้พากันผลิดอกออกผล ผู้คนในหมู่บ้านใช้ชีวิตกันอย่างพอมีพออยู่ มิฟุ้งเฟื้อแลมิใคร่นับถือเงินทองว่าเป็นเทพยดา หากแต่ใช้ชีวิตเยี่ยงสามัญชนทั่วไป
ได้ยินเสียงกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเดินทางมาจากทิศเหนือ สะพายกระบี่ สวมเสื้อยาวสีน้ำเงิน คลุมไว้ด้วยชุดพรตสีดำ มีจำนวนทั้งสิ้น 5 คน กำลังมุ่งหน้ามายัง
หมู่บ้านด้วยความรวดเร็ว ราวกับลี้หลบสิ่งใดมาแต่ไกล
ที่แท้นักพรตเหล่านี้หลบหนีการจับกุมของทางการ ซึ่งเป็นคนของแคว้นเลี่ยวนั่นเอง นักพรตเหล่านั้นแม้มีวรยุทธ แต่จะอย่างไรก็มิอาจต้านทานเหล่าทหารนับร้อยได้ จึงได้เพียงแต่ทุ่มเทวิชาตัวเบาวิ่งหนีมาแต่ไกล
ชาวบ้านหลายสิบที่อยู่ ณ นอกบ้านเรือน ต่างวิ่งหาที่หลบเป็นการใหญ่ด้วยความหวาดวิตก เนื่องจากทหารเหล่านี้มิใช่ตัวดีอันใด หากแต่เป็นทหารโฉดที่โหดเหี้ยม
นักพรตคนหนึ่งตวาดก้องว่า
"ข้าพเจ้ามีความคิดประการหนึ่ง เหล้าเฮียม่วยต้องการรับฟังหรือไม่ (เฮีย แปลว่าพี่ชาย ม่วย แปลว่าน้องสาว)"
"กล่าวมาเถิดอย่าช้าที"
ทุกผู้คนล้วนส่งเสียงรับคำดุจเดียวกัน นักพรตหนุ่มนั้นถ่ายทอดความคิดออกไปให้เหล่านักพรตที่เหลือทราบ กล่าวจบทั้งหมดต่างใช้วิชาตัวเบากระโดดแยกไปคนละทิศ สองไปซ้าย หนึ่งไปขวา สองตรงไปเบื้องหน้า
เหล่าทหารเห็นเช่นนั้นจึงหยุดตะลึงลานชั่วครู่ จากนั้นกระจายกำลังออกตาม
เหลือไว้แต่เพียงนายสิบ และทหารอีก 50 รั้งรอไว้ตำแหน่งเดิม
ผ่านไปเนิ่นนานมิมีซุ่มเสียงสำเนี้ยงใด นายสิบนั้นตวาดถามว่า
"พวกเจ้ายี่สิบคนไปตามหาดูให้ทั่วบัดเดี๋ยวนี้"
ทหารยี่สิบนายรับคำคราหนึ่งหมายทำตามคำสั่งเจ้านาย ทันใดพลันปรากฏศรีษะทหารที่ติดตามเหล่านักพรตเมื่อครู่ ร่วงลงมาจากฟ้าปานห่าฝน ที่แท้นักพรตหนุ่มใช้อุบายแยกจำนวนทหาร เมื่อแยกจากกันก็สามารถให้ทหารน้อยลงได้ จากนั้นก็ตีวงอ้อมกลับมาช่วยเหลือกันและกัน สังหารทหารได้ทั้งหมด จากนั้นริบเงินตราแลตัดศรีษะทหารเหล่านั้นออกมา
นายสิบแลเหล่าทหารเห็นดังนั้นก็ผวาเป็นการใหญ่ บ้างร้องครวญครางด้วยความกลัว บ้างเดือดดาลเป็นการใหญ่ แต่ยามนั้นนายสิบขวัญผวาไปเสียก่อนแล้ว จึงฮ้อตะบึงควบขับอาชากลับยังฐานที่ตั้ง เหล่าทหารเมื่อเจ้านายขลาดเขลา ตนไหนเลยรั้งอยู่ได้ จึงติดตามกลับไป
เหล่านัดพรตนั้นยินดีอยู่ที่แผนนี้ลุล่วง หากแต่ต้องรีบหนีไปในบัดดล มิเช่นนั้นทหารอาจจะมามากมายกว่านี้ก็เป็นได้ ดังนั้นหาซื้ออาชาจากในหมู่บ้าน แลควบขับลงใต้
21 เมษายน 2548 10:50 น.
ลิ้มกิมฮวง
" พี่เรคะ พี่เร อยู่มั๊ยคะ เปิดประตูหน่อยค่ะ " เสียงเรียกของเจี้ยนปลุกเรตั้งแต่ 7 โมงเช้า ด้วยเรื่องด่วนเรื่องหนึ่ง
" ครับๆมาแล้วครับ " เรเดินมาเปิดประตูด้วยความง่วงและงัวเงีย เมื่อเขาเปิดประตูออกมา ก็เห็นเจี้ยนหน้าตาตื่อนเหงื่อแตกพั่กๆหอบแฮกๆอยู่หน้าประตู
" โห เจี้ยนไปวิ่งตามจรวตมาหรอครับ หอบยังกะยังกะจะหาบเชียว มีอะไรให้พี่ช่วยหรอครับ " เรปล่อยมุขเข้าให้ก่อนเข้าเรื่อง
" ที่บ้านเจี้ยน...มี..แฮกๆ..มี..ตะๆๆ...ตุ๊กแกค่ะ เจี้ยนไม่กล้าจับ เลยวานให้พี่...ช่วยไปจับมันออกไปทีได้มัยคะ นะๆๆๆ เจี้ยนขอร้อง " เธอพูดเสียงสั่นๆ
" ได้ครับได้ แต่รอพี่แป๊บนะครับ เดี๋ยวพี่มา " เรเดินเข้าไปในบ้านด้วยผ้าขาวม้าสีแดงที่เขาใส่อยู่ตัวเดียว เจี้ยนนึกว่าเขาจะไปหยิบเครื่องมือจับตุ๊กแก จึงเดินเข้าไปด้วยหวังจะช่วยถือให้ โดยที่เรเองก็ไม่รู้ว่าเจี้ยนเดินตามมาด้วย เมื่อเขาเดินเข้ามาในห้อง เขาก็ปลดผ้าขาวม้าออกทันที!!
" กรี๊ดดดดดดดดด!!!!!!!! " เจี้ยนกรี๊ดลั่นบ้านด้วยความตกใจที่เห็นอนุเสาวรีย์แห่งความเป็นชายอย่างจะๆตาสองข้างโตๆของเธอ
" อ่าวเจี้ยนเข้ามาทำไมครับ พี่จะใส่กางเกงใน!! " เรเอามือปิดจุดกำเนิดชีวิตไว้ แล้วคว้าถ้วยบนโตะมาปิดเอาไว้ก่อน
" เจี้ยนก็นึกว่าพี่เรจะไปยกเครื่องมือจับตุ๊กแกน่ะสิคะ ที่ไหนได้ ฮือๆๆๆๆๆๆ.....ฮือๆๆ " เจี้ยนร้องไห้โฮด้วยความตกใจจนตัวสั่นงันงกเรจึงบอกให้เจี้ยนไปคอยข้างนอกก่อน เดี๋ยวเค้าจะตามไปทีหลัง เมื่อเขาใส่กางเกงในและกางเกงบอลทีมอิตาลี่ตัวเก่งของเขาเรียบร้อยแล้ว ก็เดินทางไปบ้านของเจี้ยน พ้อมกับเจี้ยนที่มาตามเขาถึงที่ด้วย ระหว่างทางเจี้ยนถามเรว่า
" พี่เรคะ พี่เรมีแฟนรึงยังอ่ะคะ " คำถามนั้นหลุดออกจากปากเจี้ยนได้ยังไงเจี้ยนเองก็ไม่รู้
" อืม ยังครับ แต่ต่อไปไม่แน่อาจจะมีก็ได้นะครับ แต่คงเพราะพี่ไม่มีกะตังค์มั๊งครับ สาวๆเลยไม่ค่อยมาชอบ " เรพูดไปยิ้มไป
" เจี้ยนก็...ยังไม่มีแฟนหรอกค่ะ แต่ก็เคยมีพวกหนุ่มๆไฮโซมาจีบอ่ะนะคะ แต่เจี้ยนไม่ชอบหรอกค่ะ " เจี้ยนก็พูดไปหน้าแดงไป
" แล้วเจี้ยนชอบผู้ชายแบบไหนล่ะครับ " เรฝืนใจถาม เพราะในใจของเขาก็แอบชอบเจี้ยนอยู่เหมือนกัน
" เค้าต้องเป็นคนที่รักเจี้ยนที่จิตใจของเจี้ยน ไม่ได้รักที่ทรัพย์สินเงินทองของเจี้ยน และเป็นคนที่ติดดินไม่ต้องติดหรูเป็นคนที่ช่วยตัวเองเอาตัวและเจี้ยนรอดได้ค่ะ ไม่จำเป็นว่าต้องยากดีมีจนดำขาวชาวนาหรือบริษัท แต่ขอแค่เค้าเป็นคนดีก็พอค่ะ " เจี้ยนพูดไป อมยิ้มไป เพราะคนที่เขาหมายถึงก็คือเรนั่นเอง แต่ต่างฝ่ายก็ไม่รู้ว่า ฝ่ายตรงข้าม ก็แอบชอบกันอยู่ ได้แต่เก็บความรู้สึกเอาไว้ภายใต้รอยยิ้ม
หลังจากเสร็จจากการจับตุ๊กแกที่บ้านเจี้ยนแล้ว เจี้ยน ก็ทำอาหารกลางวันเลี้ยงเร เมนูวันนี้คือแกงมัสมั่นไก้แสนอร่อยฝีมือเจี้ยนเอง แต่เจี้ยนกูหารู้ไม่ว่าเรเองก็ชอบแกงมัสมั่นไก่อยู่แล้วด้วย เรฟาดไป 4 จานรวดทำให้เจี้ยนปรื้มเรเข้าไปอีก และเธอก็วาดฝันของเธอเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งฝันนั้น คือมีเธอ และเรอยู่ด้วยกันบนบ้านเล็กๆหลังหนึ่งกลางทุ่งนาใช้ชีวิตแบบธรรมดาๆ และครองรักกันตราบชั่วฟ้าดินดับ
แต่ฝันนั้นจะเป็นจริง หรือเป็นแต่ฝันกลางวัน
ติดตามตอนที่ 3 ครับ
16 เมษายน 2548 12:34 น.
ลิ้มกิมฮวง
เร ผู้ชายที่เปี่ยมไปด้วยความฝันอันสูงส่ง เขามีความคิดไม่เหมือนกับชาวบ้านชาวช่อง เขามักจะเป็นตัวของตัวเองเสมอ ความฝันของเขานั้นก็ไม่ค่อยมีใครเค้าอยากจะเป็นกันซักเท่าไร นั่นก็คือนักเขียนนั่นเอง
แต่อาชีพนักเขียนนั้น ก็มีคนอยากเป็นอยู่ไม่น้อย แต่ทว่าคนระเวกนั้นไม่มีใครเคยสัมผัสกับอาชีพที่ต้องใช้จินตนาการอย่างเช่นอาชีพนักเขียนเลยซักคนเดียว และนั่นทำให้เขาต้องการที่จะเดินตามความฝันของตัวเอง แต่ด้วยฐานะที่ถูกจำกัดด้วยเงินตราก็ทำให้เขาลำบากไม่น้อย ไหนจะต้องดูแลน้องชายที่ป่วยบ่อยๆ ไหนจะต้องทำงานเลี้ยงครอบครัวอีก และการเรียนของเขาก็แค่ ปวส. เขาจึงคิดว่าความฝันของเขานั้นริบหรี่เต็มที
แต่เขาจะไม่ยอมแพ้ให้กับความจนเด็ดขาด ถึงแม้ว่าใครจะว่าอย่างไร เขาก็จะเป็นนักเขียนที่โด่งดังที่สุดให้ได้
เจี้ยน หรือ หนาน เจี้ยน ยี่ สาวลุกครึ่งไทย-ฮ่องกง ผู้ที่มีพร้อมทุกอย่างทั้งเงินทองบ้านรถที่ดิน และครอบครัวที่อบอุ่น บ้านที่โอ่โถงปานปราสาท เธอเกิดมาพร้อมกับทรัพย์สินเงินทองมากมายก็จริง แต่เธอก็ไม่เคยชอบเลย เธอชอบที่จะช่วยเหลือตัวเองและคนที่ด้อยโอกาส บางครั้งเธอไปปลูกบ้านแถวๆทุ่งนาที่ต่างจังหวัด
เพราะเธอไม่ชอบชีวิตในเมืองทุกๆวันเธอจะออกมานอกบ้านคุยกับชาวบ้านแถวนั้นด้วยความเป็นมิตรไม่เคยถือว่าตัวเองนั้นเป็นคนรวยมาจากไหน แต่เธอคิดเสมอว่า
ทุกคนที่อยู่บนโลกใบนี้นั้น เป็นเพื่อน และพี่น้องกัน ฐานะ ไม่ใช้ขอบเขตของความเป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
ถึงแม้เธอจะใช้ชีวิตติดดินอย่างไร แต่เธอก็ไม่ลืมที่จะนำคอมพิวเตอร์ไปด้วยเพื่อที่จะเอาไว้ใช้ยามจำเป็น เช่นว่า ติดต่อโอนเงินจากบริษัทของพ่อเธอ เพื่อที่จะเอามาช่วยชาวบ้านแถวนั้น หรือบางทีก็เล่นแชตบ้างเพื่อที่จะหาเพื่อนคุยยามดึก
ตอนที่เธออยู่ต่างจังหวัด เธอจะใช้ชื่อว่า จูน เพราะว่าเธอไม่อยากให้คนในหมู่บ้านมองว่าเธอเป็นเด็กลูกครึ่งที่ต้องการดูความสมเพศของคนจนในระแวกนั้น
ทุกคนในหมู่บ้านรักเธอเหมือนเป็นลูกเป็นหลาน เพราะเธอไม่ถือตัว ชอบช่วยเหลือคนอื่น ไม่ว่าจะด้วยกำลังกายหรือกำลังทรัพย์ แต่ว่าความรักของ เร และ เจี้ยน จะไปกันได้อย่างไร ติดต่มตอนที่ 2 นะครับ