5 มีนาคม 2551 10:19 น.
ลิขิตใจ
เมื่อตอนที่พ่ออยู่กับแม่ ตอนนั้นฉันยังเด็กมาก แต่ก็พอรู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น ระหว่างพ่อกับแม่ พ่อกินเหล้าเมากลับบ้านมาแทบทุกวัน พอเมาก็หาเรื่องทะเลาะกับแม่ ตบตีกัน ฉันเป็นลูกสาวคนโต ก้ต้องนั่งกอดกันร้องให้กับน้องอยู่ในที่นอน และจำได้ว่า ตอนนั้นแม่โกรธมาก ถึงขนาดที่จะเผาบ้านเพื่อที่จะให้ไฟคลอกตายกันหมดทั้งบ้านเลยทีเดียว จะได้หมดเวรหมดกรรมกันไป แต่ในที่สุดแม่ก็หยุด เปลี่ยนใจที่จะไม่เผาบ้าน แล้วแม่ก็เงียบไป
หลายวันต่อมา ก็เป็นเหมือนเช่นเคย แต่ครั้งนี้รู้สึกว่าจะหนักกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
เมื่อเราสองคนพี่น้องกลับมาจากโรงเรียน ก็ต้องแปลกใจ เมื่อไม่เห็นแม่อยู่ที
บ้าน แม่หายไป เราพบเพียงจดหมายที่แม่ทิ้งไว้ให้เรา จดหมายลาตายของแม่
ฉันเป็นคนเปิดอ่านเอง และบอกตามตรงว่าตอนนั้นเสียใจมาก ว่าทำไมแม่ต้อง
ทำแบบนี้ ทั้งเสียใจทั้งตกใจ รีบวิ่งลงบ้านไปเอาจดหมายไปให้น้าชาย
และน้าชายก็เองก็ระดมญาติพีน้องมาช่วยกันตามหากันทั้งคืนก็หาไม่พบ จนกระทั่งรุ่งเช้า เขากลับไปหาที่เดิมอีกรอบ จึงได้เห็นแม่เดินออกมาจากป่า (พ่อก็ไปตามหาด้วยคน ) พ่อดีใจมาก วิ่งเข้าไปกอดแม่ร้องให้เป็นการใหญ่ และพ่อก็สัญญากับแม่ว่าจะไม่แตะต้องเหล้าอีกเลย และพ่อก็ทำตามสัญญาจริงๆ เวลามีเพื่อนมาชวนกินเหล้า พ่อก็จะปฏิเสธไปทุกครั้ง ทุกๆวันฉันเฝ้าบอกกับตัวเองเสมอว่าฉันจะไม่ยอมมีแฟนขี้เหล้า เพราะฉันเกลียดคนกินเหล้าเป็นที่สุด และตอนี้ครอบครัวฉันก็มีความสุขมาก ถึงแม้ว่าเราจะไม่ร่ำรวยเหมือนคนอื่นเขา แต่พ่อก็ทำให้ฉันภูมิใจในตัวท่านมากที่สุดเหมือนกันที่ยอมเอาชนะของมึนเมาที่มันเกือบจะเอาคนสำคัญของครอบครัวของเราไป และพ่อก็ทำงานหาเงินมาสร้างบ้านถึงจะไม่ใหญ่โตหรูหราเหมือนบ้านพวกเศรษฐีในกรุง แต่มันก็ใหญ่มากพอสำหรับคนบ้านนอกคอกนาอย่างพวกเราที่จะอยุ่กันได้แบบสบายๆเลยทีเดียวเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของลิขิตใจเองง่ะ ไม่อยากให้ครอบครัวของใครต้องเป้นเช่นนี้นะคะ คุณผู้ชายอ่านแล้วก็จำไว้ให้ดีนะเจ้าคะอย่าทำให้คนที่เรารักต้องเสียใจแบบนี้อีกเลยนะเจ้าคะ
20 กุมภาพันธ์ 2551 13:46 น.
ลิขิตใจ
เราพบกันโดยผู้ใหญ่แนะนำมาให้รู้จักกัน และตอนแรกฉันก็ไม่ได้คิดอะไร
หรอกนะ เพียงแค่คิดว่าเพื่อนของพ่อมาเที่ยวที่บ้าน อ๊ะๆอย่าต๊กกะใจว่าเขาแก่คราวพ่อนะ ที่บอกว่าเป็นเพื่อนน่ะเพราะเขาทำงานที่เดียวกันกับพ่อน่ะ ตอนนั้นเขา
อายุประมาณ 27ปี และฉันแค่ 20 ปี เอง แรกๆฉันคิดว่าเพื่อนพ่อคนนี้ดูแปลกๆ
นะ แต่พอเราได้อยู่ใกล้ชิดกัน กลับทำให้ฉันรู้สึกว่า เขาเป็นผู้ชายที่อบอุ่นคน
หนึ่งทีเดียวเลยหล่ะ และมันทำให้ฉันรุ้สึกดีทุกครั้งที่อยู้ใกล้เขา เรารู้จักกันแค่ไม่
กี่วัน แต่มันทำให้ฉันตัดสินใจบางอย่างที่เปลียนแปลงชีวิตฉันไปตลอดกาล
เขาขอฉันแต่งงานและฉันก็บ้าจี้ ยอมตกลงแต่งงานกับเขา และตอนนี้เราก็แต่ง
งานกันผ่านมาได้ถึง 7 ปีกว่า จะเข้า 8 ปีแล้วล่ะ และตอนนี้ ความรู้สึกของเราที่มีให้กันตอนที่แต่งงานกันครั้งแรกกับตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงเลย
เรารักกันสองใจนั้นพันผูก
เหมือนกับฟูกและหมอนไม่หายห่าง
รักของเราจะรักกันไม่จืดจาง
จะไม่ให้ความอ้างว้างมาเอี่ยวใจ
อย่างนี้รึเปล่าคะที่เขาว่า " เมื่อหัวใจนำพาไป ก็ไม่มีสิ่งไหนมาขัดขวางได้ "
แม้กระทั่งความตายก็มิอาจพรากความรักของเราได้